การเสียชีวิตของไมเคิล แจ็กสัน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
การเสียชีวิตของไมเคิล แจ็กสัน
ดาวของไมเคิล แจ็กสันบนฮอลลีวูดวอล์กออฟเฟม ซึ่งล้อมรอบไปด้วยดอกไม้ที่แฟนเพลงใช้แสดงความไว้อาลัย
วันที่25 มิถุนายน 2009; 14 ปีก่อน (2009-06-25)
เวลา14.26 น. (เวลาออมแสงแปซิฟิก)
ที่ตั้งเวสต์วูด นครลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐ
ประเภทการใช้ยาเกินขนาด
เสียชีวิตไมเคิล แจ็กสัน
พิพากษาลงโทษคอนราด เมอเรย์
พิจารณาคดีPeople v. Murray
พิพากษาลงโทษมีความผิด
จำนวนถูกพิพากษาลงโทษทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยประมาท
โทษจำคุก 4 ปี (ปล่อยตัวโดยมีการคุมประพฤติหลังจากนั้น 1 ปี 11 เดือน)

เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ค.ศ. 2009 ไมเคิล แจ็กสัน เสียชีวิตจากภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน มีสาเหตุจากยานอนหลับโปรโพฟอล ณ บ้านพักของเขา นอร์ธคาโรลวูดไดรฟ์ ย่านโฮล์มบีฮิลส์ ในนครลอสแอนเจลิส[1] แพทย์ประจำตัวของเขา คอนราด เมอเรย์ กล่าวว่าเขาพบแจ็กสันอยู่ในห้องโดยเขาหยุดหายใจและชีพจรเต้นอ่อนอย่างมาก จึงทำการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพเพื่อช่วยเหลือแต่ไม่เป็นผล หลังจากนั้นสายด่วนแจ้งเหตุฉุกเฉิน 911 ได้รับการติดต่อเมื่อเวลา 12:21 น. แจ็กสันได้รับการรปฐมพยาบาลโดยแพทย์ในที่เกิดเหตุ และถูกนำตัวส่งศูนย์การแพทย์โรนัลด์ เรแกน มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส ซึ่งได้ประกาศว่าเขาเสียชีวิตในเวลาต่อมา[2] วันที่ 28 สิงหาคม พนักงานสอบสวนแห่งลอสแอนเจลิสได้ระบุว่าการเสียชีวิตของเขามาจากการถูกฆาตกรรม[3]โดยช่วงเวลาไม่นานก่อนหน้านั้น มีรายงานว่าแจ็กสันได้รับยากลุ่มโปรโพฟอล ได้แก่ลอราเซแพมและมิดาโซแลม[4]ในปีค.ศ. 2011 แพทย์ประจำตัวของเขาถูกพิพากษาว่ามีความผิดและได้รับโทษจำคุกเป็นเวลา 2 ปี ในข้อหาฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา[5]

การเสียชีวิตของไมเคิล แจ็กสันสร้างความตกตะลึงและเรียกปฏิกิริยาจากคนทั่วทุกมุมโลก ก่อให้เกิดประวัติการณ์ของการจราจรทางอินเทอร์เน็ตอย่างไม่เคยมีมาก่อน ยอดจำหน่ายเพลงของเขาและวงเดอะแจ็กสันไฟฟ์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นปรากฏการณ์ที่สื่อสิ่งพิมพ์และอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกต่างพุ่งขึ้นสูงที่สุดในรอบทศวรรษ[6][7]โดยก่อนหน้านี้ แจ็กสันมีความตั้งใจที่จะดำเนินการแสดงคอนเสิร์ตคัมแบ็กของเขาไปกับผู้ชมหนึ่งล้านคน ที่กรุงลอนดอน O2 Arena ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2009 จนถึงเดือนมีนาคม ค.ศ. 2010 [8]งานพิธีไว้อาลัยได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ค.ศ. 2009 ที่สเตเปิลส์ เซ็นเตอร์ ในลอสแอนเจลิส ซึ่งเป็นสถานที่ใช้ฝึกซ้อมสำหรับการแสดงคอนเสิร์ตในคืนวันก่อนที่เขาจะเสียชีวิต พิธีไว้อาลัยนี้ได้รับการถ่ายทอดสดออกอากาศไปทั่วโลกโดยมีผู้ชมมากกว่าพันล้านคน[9]ในปีค.ศ. 2010 บริษัทโซนี่มิวสิกเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ได้ตกลงทำสัญญากับกองทุนจัดการมรดกเป็นจำนวน 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสิทธิในการจัดจำหน่ายผลงานหลังเสียชีวิตของเขาจนถึงปีค.ศ. 2017 รวมถึงการปล่อยอัลบั้มตลอดทศวรรษ นับเป็นสัญญาที่มีมูลค่าสูงสุดที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมดนตรี[10] การเสียชีวิตของไมเคิล แจ็กสัน จัดอยู่ในอันดับ 1 ของรายการ VH1/VH1 Classic's ในหัวข้อ "100 เหตุการณ์ที่ช็อคที่สุดในโลกดนตรี" [11]

พฤติการณ์ช่วงเวลาเกิดเหตุ[แก้]

ร่างของเขามาถึงศูนย์การแพทย์โรนัลด์ เรแกน เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ค.ศ 2009 เวลา 13:14 น. ตามเวลาท้องถิ่น

ช่วงเวลาประมาณ 18:30 น. ของวันพุธที่ 24 มิถุนายน แจ็กสันเดินทางมาถึงที่หมายสำหรับการฝึกซ้อมที่ สเตเปิลส์เซ็นเตอร์ สอดคล้องตามที่ เอ็ด อลองโซ นักมายากลซึ่งอยู่ที่นั่น ระบุว่าแจ็กสันพูดติดตลกถึงโรคกล่องเสียงอักเสบและไม่ได้มีการซ้อมจนถึงเวลา 21:00 น. พร้อมกล่าวว่า "เขาดูเฉียบขาดและมีเรี่ยวแรงที่ดี แม้ไม่ได้ร้องเพลงอย่างเต็มกำลังแต่เขาก็ยอดเยี่ยมเหมือนที่เคย" อลองโซ ได้ระบุเพิ่มเติมว่ามีการซ้อมจนล่วงเวลาเที่ยงคืนที่ผ่านมา[12]เช้าวันรุ่งขึ้น แจ็กสันยังไม่ได้ออกมาจากห้องนอนของเขา[13]ช่วงเวลาต่อมาก่อนบ่าย คอนราด เมอเรย์ แพทย์ประจำตัวได้เข้ามาในห้องนอนพบว่าเขาอยู่บนเตียงและหยุดหายใจ ก่อนจะพบว่าเขายังมีชีพจรเต้นอ่อน ๆ และร่างกายยังคงอบอุ่น[14]เมอเรย์พยายามที่จะกู้ชีพเป็นเวลา 5 ถึง 10 นาที จนถึงจุดที่ตระหนักได้ว่าเขาต้องการที่จะเรียกขอความช่วยเหลือ เมอเรย์ระบุว่าเขาถูกขัดขวางเนื่องจากในบ้านไม่มีโทรศัพท์พื้นฐานและยังบอกว่าเขาไม่สามารถใช้โทรศัพท์มือถือของตนเองในการโทรแจ้ง 911 เนื่องจากไม่ทราบที่อยู่ที่แน่ชัด เขากล่าวว่าตนเองได้โทรหารักษาความปลอดภัยแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใด ๆ ในที่สุดจึงได้วิ่งลงมายังชั้นล่าง ตะโกนขอความช่วยเหลือและบอกพ่อครัวเพื่อเรียกหน่วยรักษาความปลอดภัยขึ้นมายังห้องพัก[15]ตามเวลาที่หน่วยรักษาความปลอดภัยโทรแจ้ง 911 ทนายความของเมอเรย์ระบุว่าเวลาได้ผ่านไปแล้วอย่างน้อย 30 นาที[16]

รายงานคำแถลงระบุว่าแพทย์ประจำตัว คอนราด เมอเรย์ ได้ทำการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพอย่างผิดวิธีมาตรฐาน ในช่วงระหว่างเทปซึ่งบันทึกช่วงเวลาโทรแจ้งเหตุฉุกเฉินที่ปล่อยออกมาวันที่ 26 มิถุนายน เพียงหนึ่งวันหลังจากการเสียชีวิตของแจ็กสัน เช่น การปฐมพยาบาลบนเตียงซึ่งไม่ได้เป็นพื้นแข็งตามวิธีการคืนชีพมาตรฐาน[17] ทนายความแพทย์กล่าวว่า เมอเรย์ใช้มือหนึ่งข้างประคองใต้ร่างแจ็กสันและใช้มืออีกข้างหนึ่งในการกดหน้าอก ทั้งที่ปกติแล้ว ตามมาตรฐานการกู้ชีพอย่างถูกต้อง ต้องใช้มือสองข้างในการปั้มหัวใจ โฆษกแผนกดับเพลิงลอสแอนเจลิสได้แถลงว่า 911 ได้รับแจ้งเหตุเมื่อเวลา 12:21 น. โดยทีมแพทย์ได้ไปถึงแจ็กสันเมื่อเวลา 12:26 น. และพบว่าเขาหยุดหายใจ

ทีมแพทย์ได้ปฏิบัติการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพในบ้านพักเป็นเวลา 42 นาที[18]ทนายความของเมอเรย์อ้างว่าแจ็กสันยังคงมีชีพจรเมื่อเขาถูกนำตัวออกจากบ้านพักและขึ้นรถพยาบาล[19]อย่างไรก็ตาม แผนกดับเพลิงลอสแอนเจลิสได้ให้คำอธิบายที่ต่างออกไปว่าทีมแพทย์ได้พบว่าแจ็กสันอยู่ในภาวะ "หัวใจหยุดเต้น" และพวกเขาไม่สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในช่วงเวลาบนเส้นทางขณะไปโรงพยาบาล[20]แผนกดับเพลิงลอสแอนเจลิสได้ส่งตัวแจ็กสันไปยัง ศูนย์การแพทย์โรนัลด์ เรแกน มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย[21]หลังจากที่รถพยาบาลมาถึงโรงพยาบาลในเวลาประมาณ 13:14 น. ทีมแพทย์ได้พยายามคืนชีพเขาเป็นเวลามากกว่า 1 ชั่วโมง แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ การเสียชีวิตของไมเคิล แจ็กสัน ได้รับประกาศยืนยันอย่างเป็นทางการ เมื่อเวลา 14.26 น. ตามเวลาท้องถิ่น รวมอายุได้ 50 ปี[22][23]

การสอบสวน[แก้]

รายงานการชันสูตร[แก้]

ร่างของเขาถูกนำขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปยังสำนักงานชันสูตรศพลอสแอนเจลิส ขั้นตอนดำเนินการชันสูตรมีขึ้นในวันถัดมาในความรับผิดชอบของพนักงานสอบสวนแห่งลอสแอนเจลิสโดยหัวหน้าแพทย์นิติเวช Lakshmanan Sathyavagiswaran โดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง[24]ซึ่งต่อมาครอบครัวของแจ็กสันได้ดำเนินการเตรียมชันสูตรศพครั้งที่ 2 เพื่อเร่งหาผลข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิตของเขา[25]หลังจากที่การชันสูตรเบื้องต้นเสร็จสิ้น เครก ฮาร์วีย์ หัวหน้าผู้ตรวจสอบสำนักงานชันสูตรกล่าวว่าไม่พบเครื่องพิสูจน์ถึงการบาดเจ็บหรือผิดกฎหมาย[26] วันที่ 28 สิงหาคม พนักงานสอบสวนแห่งลอสแอนเจลิส ได้ออกแถลงอย่างเป็นทางการถึงสาเหตุการเสียชีวิตของแจ็กสันว่ามาจากการถูกฆาตกรรม เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพประจำพื้นที่ระบุว่า เขาเสียชีวิตอันเนื่องมาจากการรวมกันของยาหลายชนิดในร่างกาย โดยสารเสพติดที่สำคัญที่สุดคือ โปรโพฟอล ที่มีฤทธิ์ระงับความรู้สึกและ ลอราเซแพม คลายความกังวล ส่วนสารเสพติดอื่น ๆที่พบได้น้อยกว่าในร่างกาย ได้แก่ มิดาโซแลม ไดแอซีแพม ลิโดเคน และเอฟิดรีน ซึ่งล้วนเป็นสารเสพติดประเภทช่วยในการนอนหลับและคลายความเครียด โดยเจ้าหน้าที่ชันสูตรได้ส่งผลทางพิษวิทยาที่เสร็จสมบูรณ์เป็นรายงานส่วนตัวตามคำร้องของเจ้าหน้าที่ตำรวจและอัยการเขต[27]ต่อมาวันที่ 1 ตุลาคม สถานีออกอากาศอังกฤษ ได้รายงานถึงบันทึกผลการชันสูตรโดยเปิดเผยว่าเขามี "สุขภาพที่ดีมาก"[28]สำหรับอายุของเขาและหัวใจยังคงแข็งแรง เอกสารระบุว่าปัญหาสุขภาพที่สำคัญที่สุดของแจ็กสันคือการอักเสบเรื้อรังที่ปอด แต่นั่นไม่ใช่สาเหตุที่นำไปสู่การเสียชีวิต อวัยวะอื่น ๆ ที่สำคัญของเขายังเป็นปกติ และไม่พบการแข็งตัวของหลอดเลือดแดงยกเว้นการสะสมของคราบจุลินทรีย์เล็กน้อยในหลอดเลือดแดงที่ขา[29][30]รายงานการชันสูตรระบุว่าเขามีน้ำหนัก 136 ปอนด์ (62 กิโลกกรัม) และมีความสูง 5 ฟุต 9 นิ้ว (175 เซนติเมตร) ซึ่งเท่ากับดัชนีมวลกาย 20.1[31]ฟ็อกซ์นิวส์ สถานีโทรทัศน์ข่าวสหรัฐระบุว่าข้อมูลนี้ยืนยันถึงข่าวลือที่ว่าแจ็กสันผอมแห้ง[32]ขณะที่สำนักข่าวเอพีระบุว่า น้ำหนักตัวของเขาอยู่ในช่วงที่ยอมรับได้[33]

หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย[แก้]

แม้จะไม่ได้ประกาศออกมาโดยทันทีว่าพวกเขาสงสัยถึงการกระทำความผิด กรมตำรวจลอสแอนเจลิสเริ่มสอบสวนความผิดปกติและรายละเอียดของรูปคดีอย่างเต็มที่ภายในวัน หลังจากการเสียชีวิตของแจ็กสัน โดยวันที่ 28 สิงหาคม กรมตำรวจลอสแอนเจลิสได้ประกาศว่าคดีนี้จะถูกส่งไปยังพนักงานอัยการผู้อาจยื่นฟ้องในคดีอาญาดังกล่าวนั้น[34]

อ้างอิง[แก้]

  1. http://www.today.com/id/31552029#.V9k8CjXpHtA
  2. http://edition.cnn.com/2009/SHOWBIZ/Music/06/25/michael.jackson/index.html
  3. http://www.reuters.com/article/us-jackson-idUSTRE57R4EY20090828
  4. http://www.stuff.co.nz/entertainment/celebrities/5751365/Jackson-investigators-errors
  5. https://www.theguardian.com/world/2011/nov/07/michael-jackson-conrad-murray-guilty
  6. http://www.novinite.com/articles/105049/Michael+Jackson+Album+Sales+Skyrocket+after+His+Death
  7. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-07-29. สืบค้นเมื่อ 2016-10-04.
  8. http://www.rollingstone.com/music/news/michael-jacksons-this-is-it-tour-balloons-to-50-show-run-stretching-into-2010-20090312
  9. http://www.telegraph.co.uk/culture/music/michael-jackson/5771156/Michael-Jackson-memorial-service-the-biggest-celebrity-send-off-of-all-time.html
  10. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-11-07. สืบค้นเมื่อ 2016-10-04.
  11. http://www.musicmalt.com/2011/08/michael-jackson-gloved-one.html
  12. http://www.latimes.com/la-et-jackson-rehearsal27-2009jun27-story.html
  13. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-04-02. สืบค้นเมื่อ 2016-10-04.
  14. http://edition.cnn.com/2009/SHOWBIZ/Music/06/28/michael.jackson/index.html?eref=ib_us
  15. http://transcripts.cnn.com/TRANSCRIPTS/0906/29/sitroom.01.html
  16. http://transcripts.cnn.com/TRANSCRIPTS/0906/29/sitroom.01.html
  17. https://www.theguardian.com/music/2009/jun/28/michael-jackson-doctor-lawyer
  18. http://news.bbc.co.uk/2/hi/entertainment/8120084.stm
  19. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-04-02. สืบค้นเมื่อ 2016-10-04.
  20. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-07-24. สืบค้นเมื่อ 2016-10-04.
  21. http://edition.cnn.com/2009/SHOWBIZ/Music/06/25/michael.jackson/index.html
  22. http://www.foxnews.com/entertainment/2009/06/26/tape-released-michael-jackson-autopsy-way.html
  23. http://edition.cnn.com/2009/SHOWBIZ/Music/06/25/michael.jackson/
  24. http://www.theglobeandmail.com/news/world/a-tortured-stars-last-days/article1199387/
  25. http://www.smh.com.au/lifestyle/celebrity/jackson-2nd-autopsy-underway-20090627-d0uc
  26. http://www.nytimes.com/2009/06/27/us/27Jackson.html?_r=3&em=&pagewanted=print
  27. http://www.reuters.com/article/us-jackson-idUSTRE57R4EY20090828
  28. http://abc7.com/archive/8387361/
  29. http://www.nj.com/entertainment/celebrities/index.ssf/2009/10/ap_autopsy_shocker_michael_jac.html
  30. http://news.bbc.co.uk/2/hi/entertainment/8285841.stm
  31. http://www.nydailynews.com/entertainment/gossip/michael-jackson-autopsy-report-confirms-singer-suffered-vitiligo-wore-wig-tattooed-makeup-article-1.170898
  32. http://www.foxnews.com/entertainment/2010/02/09/michael-jackson-balding-incredibly-tattooed-facial-features.html
  33. http://news.bbc.co.uk/2/hi/entertainment/8285841.stm
  34. http://www.reuters.com/article/us-jackson-idUSTRE57R4EY20090828