ข้ามไปเนื้อหา

เอลีซาเบ็ทแห่งวีท

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เอลีซาเบ็ทแห่งวีท
สมเด็จพระราชินีแห่งโรมาเนีย
ดำรงพระยศ15 มีนาคม ค.ศ. 1881 – 27 กันยายน ค.ศ. 1914
ราชาภิเษก10 พฤษภาคม ค.ศ. 1881
เจ้าหญิงพระชายาแห่งสหราชรัฐ
ดำรงพระยศ15 พฤศจิกายน ค.ศ. 1869 – 15 มีนาคม ค.ศ. 1881
พระราชสมภพ29 ธันวาคม ค.ศ. 1843
ปราสาทมอนเรโพส น็อยวีท ดัชชีนัสเซา
สวรรคต2 มีนาคม ค.ศ. 1916
บูคาเรสต์ ราชอาณาจักรโรมาเนีย
คู่อภิเษกพระเจ้าการอลที่ 1 แห่งโรมาเนีย
พระราชบุตรเจ้าหญิงมาเรียแห่งโรมาเนีย
พระนามเต็ม
เพาลีเนอ เอลีซาเบ็ท อ็อททีเลีย ลูอีเซอ ซู วีท
ราชวงศ์วีท-น็อยวีท
โฮเอินท์ซ็อลเลิร์น-ซีคมาริงเงิน
พระราชบิดาเจ้าชายแฮร์มัน เจ้าชายแห่งวีท
พระราชมารดาเจ้าหญิงมารีแห่งนัสเซา
ลายพระอภิไธย
ธรรมเนียมพระยศของ
เอลีซาเบ็ทแห่งวีท
ตราประจำพระอิสริยยศ
การทูลHer Majesty
(ใต้ฝ่าละอองพระบาท)
การแทนตนข้าพระพุทธเจ้า
การขานรับYour Majesty
(พระพุทธเจ้าข้า/เพคะ)

เอลีซาเบ็ทแห่งวีท (29 ธันวาคม ค.ศ. 1843 - 2 มีนาคม ค.ศ. 1916) ทรงเป็นสมเด็จพระราชินีแห่งโรมาเนียพระองค์แรก ในฐานะพระมเหสีของสมเด็จพระเจ้าการอลที่ 1 แห่งโรมาเนีย พระนางทรงเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในด้านวรรณกรรมโดยทรงมีนามปากกาว่า "คาร์เมน ซิลวา"(Carmen Sylva) ทรงก่อตั้งองค์กรการกุศลขึ้นมากมาย ชาวโรมาเนียจึงให้พระสมัญญาว่า "Mama răniților" และชาวโรมาเนียมักจะเรียกพระนางว่า "พระราชินีคาร์เมน ซิลวา" ตามนามปากกาของพระนางมากกว่าเรียกพระนามจริง

ช่วงต้นพระชนม์ชีพและพระราชวงศ์

[แก้]

เจ้าหญิงเอลีซาเบ็ทแห่งวีทประสูติที่ปราสาทมอนเรโพส เมืองน็อยวีท ในวันที่ 29 ธันวาคม ค.ศ. 1843 เป็นพระธิดาองค์โตในเจ้าชายแฮร์มัน เจ้าชายแห่งวีทกับเจ้าหญิงมารีแห่งนัสเซา พระธิดาในวิลเฮ็ล์ม ดยุกแห่งนัสเซากับเจ้าหญิงลูอีเซอแห่งซัคเซิน-ฮีลท์บวร์คเฮาเซิน เจ้าหญิงมารีทรงมีศักดิ์เป็นพระขนิษฐาในแกรนด์ดยุกอดอล์ฟแห่งลักเซมเบิร์กและเป็นพระเชษฐภคินีในสมเด็จพระราชินีโซเฟียแห่งสวีเดนและนอร์เวย์ เจ้าหญิงเอลีซาเบ็ททรงสนพระทัยในการศึกษาด้านศิลปะ เมื่อทรงพระเยาว์ทรงมีพระอุปนิสัยที่สุภาพเรียบร้อยและเสด็จเยี่ยมสถานสงเคราะห์คนวิกลจริตในท้องถิ่นบ่อย ๆ

อภิเษกสมรสและสมเด็จพระราชินีแห่งโรมาเนีย

[แก้]
สมเด็จพระเจ้าการอลที่ 1 ,พระนางเอลีซาเบ็ทและเจ้าหญิงมารีอา พระธิดา ในปีพ.ศ. 2416

เมื่อมีพระชนมายุ 16 ชันษา เจ้าหญิงเอลีซาเบ็ททรงถูกพิจารณาให้อภิเษกสมรสกับเจ้าชายอัลเบิร์ต (เบอร์ตี้) เอ็ดเวิร์ด เจ้าชายแห่งเวลส์ ซึ่งในเวลาต่อมาคือพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 แห่งสหราชอาณาจักร พระราชมารดาของเจ้าชายคือสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักร พระนางได้พยายามสนับสนุนให้เจ้าหญิงเอลีซาเบ็ทเป็นพระสุณิสาและทรงเร่งให้เจ้าหญิงวิกตอเรีย พระราชกุมารีทรงดูแลเจ้าหญิง [1] เจ้าหญิงเอลีซาเบ็ทถูกเรียกมาประทับที่ราชสำนักเบอร์ลิน ที่ซึ่งพระบิดามารดาของเจ้าหญิงทรงหวังให้เจ้าหญิงถูกอบรมด้านมารยาทต่าง ๆ ในราชสำนักเบอร์ลินเพื่อเตรียมการอภิเษกสมรส เจ้าหญิงวิกตอเรียทรงตอบกับข้าราชสำนักว่า "ฉันไม่คิดว่าเธอจะมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและนั่นเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับรสนิยมของเบอร์ตี้อย่างแน่นอน" ในขณะที่เจ้าหญิงอเล็กซานดราแห่งเดนมาร์กมีพระวรกายสูงโปร่งและผอมเพรียวซึ่งลักษณะเหล่านี้"เป็นลักษณะที่เบอร์ตี้ชื่นชอบมาก"[1] เจ้าชายเบอร์ตี้ทรงถูกทำให้พบเห็นพระรูปของเจ้าหญิงเอลีซาเบ็ทแต่พระองค์ได้ถือพระรูปเฉยๆและวางลงโดยทรงชำเลืองมองเพียงสองครั้ง[2] ในที่สุดเจ้าหญิงอเล็กซานดราแห่งเดนมาร์กจึงถูกเลือกให้เป็นพระชายาของเจ้าชายเบอร์ตี้

เจ้าหญิงเอลีซาเบ็ททรงพบกับเจ้าชายคาร์ล ไอเทิล ฟรีดริช เซฟือร์อีนูส ลูทวิชแห่งโฮเอินท์ซ็อลเลิร์น-ซีคมาริงเงินซึ่งต่อมาคือสมเด็จพระเจ้าการอลที่ 1 แห่งโรมาเนีย ณ กรุงเบอร์ลิน ในปี 1861 และได้อภิเษกสมรสกับพระองค์ในวันที่ 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 1869 ที่เมืองน็อยวีท การอภิเษกสมรสครั้งนี้เป็นหนึ่งในการอภิเษกสมรสที่ไม่เหมาะสมที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยที่เจ้าชายคาร์ลมีพระบุคลิกที่สุขุม เยือกเย็นและรอบคอบ ในขณะที่เจ้าหญิงเอลีซาเบ็ทมีพระบุคลิกช่างฝันและทรงแสดงออกอย่างเปิดเผย มีพระราชธิดาร่วมกันหนึ่งพระองค์คือ เจ้าหญิงมารีอาแห่งโรมาเนีย ซึ่งสิ้นพระชนม์ด้วยพระชนมายุเพียง 3 ชันษาด้วยโรคไข้ดำแดง เจ้าหญิงเอลีซาเบ็ทเสียพระทัยอย่างหนักในการสูญเสียพระธิดา ส่งผลให้เกิดแผลในจิตใจตลอดพระชนม์ชีพ พระนางทรงกันแสงทุกคืนและส่งผลให้ทั้งสองพระองค์ทรงห่างเหินกันมากขึ้นเนื่องจากต่างโทษกันและกันว่าเป็นต้นเหตุให้พระธิดาสิ้นพระชนม์ สมเด็จพระเจ้าการอลทรงได้รับการกล่าวถึงพระอุปนิสัยที่เยือกเย็น พระองค์ทรงยึดมั่นอย่างถาวรในเกียรติยศของพระราชวงศ์ที่พระองค์ทรงสถาปนาขึ้น พระนางเอลีซาเบ็ททรงปรารภว่า "พระองค์ทรงสวมมงกุฎแม้กระทั่งทรงพระบรรทม"

ในสงครามรัสเซีย-ตุรกี (1877 - 1878) พระนางเอลีซาเบ็ททรงอุทิศพระองค์เพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและทรงสถาปนาเครื่องราชอิสริยาภรณ์เอลีซาเบ็ท (ไม้กางเขนสีทองบนริบบิ้นสีน้ำเงิน) เพื่อเป็นรางวัลและเกียรติแก่การบริการด้านต่าง ๆ พระนางทรงอุปถัมภ์การให้การศึกษาในระดับที่สูงแก่สตรีชาวโรมาเนีย และทรงก่อตั้งสมาคมการกุศลต่าง ๆ

อัจฉริยภาพของพระนางที่โดดเด่นในช่วงแรกคือการที่ทรงเป็นนักเปียโน,นักออร์แกนและนักร้อง พระนางได้แสดงความสามารถในด้านการวาดภาพและการลงสี แต่การที่ทรงมีจินตนาการสูงเป็นการนำทางให้พระนางสนพระทัยด้านกวีนิพนธ์และโดยเฉพาะการประพันธ์บทกวี, นิทานพื้นบ้านและลำนำนิทาน นอกจากการทรงงานด้านต้นฉบับมากมายพระนางทรงเพิ่มเติมวรรณกรรมมากมายในตำนานต่าง ๆ ของชาวโรมาเนีย

ผลงานด้านการประพันธ์

[แก้]
พระนางเอลีซาเบ็ทขณะทรงพระนิพนธ์งานการประพันธ์

พระนางทรงใช้นามปากกา "คาร์เมน ซิลวา" พระนางทรงพระนิพนธ์โดยใช้ภาษาเยอรมัน,ภาษาโรมาเนีย,ภาษาฝรั่งเศสและภาษาอังกฤษ ส่วนหนึ่งของงานพระราชนิพนธ์ของพระนางซึ่งมีมากมายที่ซึ่งรวมทั้งบทกลอน, บทละคร, นวนิยาย, เรื่องสั้น, บทความ, คติพจน์ต่าง ๆ เป็นต้น ได้ถูกคัดเลือกและได้รับการกล่าวถึงอย่างเป็นพิเศษได้แก่

  • ผลงานสิ่งพิมพ์ช่วงต้น ๆ ของพระนางได้แก่เรื่อง "Sappho" และ "Hammerstein" สองบทกลอนนี้ได้รับการเผยแพร่ที่เมืองไลพ์ซิจในปีพ.ศ. 2423
  • ในปีพ.ศ. 2431 พระนางทรงได้รับรางวัลพริกซ์ บ็อตตา ซึ่งเป็นรางวัลที่มีการมอบรางวัลทุกๆสามปีโดยราชบัณฑิตยสภาฝรั่งเศส พระนางทรงได้รับจากผลงานความเรียงคติพจน์ของพระนางชื่อว่า "Les Pensees d'une reine"(ในความคิดของพระราชินี) ซึ่งตีพิมพ์ที่กรุงปารีสในปีพ.ศ. 2425 ตีพิมพ์ในภาษาเยอรมันในชื่อว่า "Vom Amboss"(จากทั่งตีเหล็ก) ซึ่งตีพิมพ์ที่กรุงบอนน์ในปีพ.ศ. 2433
  • เรื่อง "Cuvinte Sufletesci"(คำมโนมัย) เกี่ยวกับการทำสมาธิทางศาสนาในโรมาเนีย ตีพิมพ์ที่กรุงบูคาเรสต์ในปีพ.ศ. 2431 ซึ่งได้รับการแปลเป็นภาษาเยอรมันตีพิมพ์ที่กรุงบอนน์ พ.ศ. 2433 โดยมีชื่อว่า "Seelen-Gespräche"(ชีวิตเจรจา)

หลากหลายงานประพันธ์ของ "คาร์เมน ซิลวา" ได้ประพันธ์ร่วมกับไมที เครมนิทส์ ชาวเยอรมันซึ่งเป็นหนึ่งในนางสนองพระโอษฐ์ ผลงานเหล่านี้ได้รับการตีพิมพ์ระหว่างปีพ.ศ. 2424 และพ.ศ. 2431 ซึ่งบางครั้งใช้นามปากการ่วมกันในชื่อ "ดิโต เอท อิเดม"(Dito et Idem) ที่ซึ่งได้แก่

  • Aus zwei Welten (แห่งสองโลก) ตีพิมพ์ที่ไลพ์ซิจในปีพ.ศ. 2427 เป็นนวนิยาย
  • Anna Boleyn (พระนางแอนน์ โบลีน) ตีพิมพ์ที่บอนน์ในปีพ.ศ. 2429 เป็นเรื่องโศกนาฏกรรม
  • In der Irre (ในการหลงทาง) ตีพิมพ์ที่บอนน์ในปีพ.ศ. 2431 เป็นเรื่องสั้น
  • Edleen Vaughan, or Paths of Peril (เอ็ดลีน ว็อกฮาน หรือเส้นทางแห่งภัย) ตีพิมพ์ที่ลอนดอนในปีพ.ศ. 2437 เป็นนวนิยาย
  • Sweet Hours (ชั่วโมงที่แสนหวาน) ตีพิมพ์ที่ลอนดอนในปีพ.ศ. 2447 เป็นบทกวีในภาษาอังกฤษ

รวมทั้งผลงานการแปลของ"คาร์เมน ซิลวา" ได้แก่

  • นิยายรักโรแมนติกของปิแยร์ โลติ เรื่อง Pecheur d'Islande (ชาวประมงแห่งไอซ์แลนด์) ในฉบับภาษาเยอรมัน
  • บทวิจารณ์ละครของปอล เดอ แซงต์ วิกเตอร์ เรื่อง Les Deux Masques (สองหน้ากาก) ในฉบับภาษาเยอรมัน ตีพิมพ์ที่กรุงปารีส พ.ศ. 2424 - 2427
  • โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง The Bard of the Dimbovitza (กวีแห่งดิมบอวิตซา) งานประพันธ์บทเพลงพื้นบ้านโรมาเนียของ อีลีนา วาคาเรสคู แปลเป็นภาษาเยอรมันในชื่อ Lieder aus dem Dimbovitzathal (บทเพลงแห่งดิมบอวิตซา) ตีพิมพ์ที่บอนน์ในปีพ.ศ. 2436 แปลโดย "คาร์เมน ซิลวา" และอัลมา สเตรเตล เรื่องกวีแห่งดิมบอวิตซาได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกในปีพ.ศ. 2439 และได้รับการตีพิมพ์ใหม่อีกหลายครั้ง โดยเป็นภาษาอังกฤษและอาร์เมเนียน

กรณีอื้อฉาววาคาเรสคู

[แก้]
สมเด็จพระราชินีเอลีซาเบ็ทแห่งโรมาเนียและเจ้าหญิงมารีอา พระธิดาเพียงพระองค์เดียว

ในปี 1901 จากวิกฤตการขาดรัชทายาทสืบราชสมบัติ สมเด็จพระเจ้าการอลที่ 1 จึงทรงรับอุปการะพระราชภาติยะคือ เจ้าชายแฟร์ดีนันท์แห่งโฮเอินท์ซ็อลเลิร์น-ซีคมาริงเงินเป็นพระราชโอรสบุญธรรม เจ้าชายแฟร์ดีนันท์ซึ่งย้ายมายังดินแดนแห่งใหม่ทรงเริ่มสนิทสนมกับหนึ่งในนางสนองพระโอษฐ์ของพระราชินีเอลีซาเบ็ทคือ อีลีนา วาคาเรสคู พระนางเอลีซาเบ็ททรงสนิทกับวาคาเรสคูด้วยเช่นกันและพระองค์ได้พยายามให้ทั้งคู่ชอบพอกันถึงแม้ว่าพระนางจะทราบว่าการอภิเษกสมรสของทั้งคู่จะเป็นข้อห้ามในรัฐธรรมนูญโรมาเนีย (ในรัฐธรรมนูญโรมาเนียฉบับปี ค.ศ. 1866 บัญญัติไว้ว่าองค์รัชทายาทห้ามอภิเษกสมรสกับชาวโรมาเนีย)

จากกรณีอื้อฉาวนี้ทำให้เกิดการต่อต้านจากสภาและส่งผลให้พระนางเอลีซาเบ็ทจำต้องเสด็จลี้ภัยไปยังน็อยวีท ส่วนอีลีนา วาคาเรสคูต้องลี้ภัยไปยังปารีส ตลอดจนการเสด็จประพาสประเทศต่างๆทั่งยุโรปของเจ้าชายแฟร์ดีนันท์เพื่อแสวงหาพระชายาในอนาคต และพระองค์ก็ได้พบกับเจ้าหญิงมารีแห่งเอดินบะระ พระราชนัดดาในสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักร หลังจากการอภิเษกสมรสพระนางเอลีซาเบ็ทจึงได้รับอนุญาตให้เสด็จกลับโรมาเนีย จากกรณีครั้งนี้ส่งผลช่วยให้บุคคลทั่วไปบรรยายถึงพระนางเอลีซาเบ็ทว่ามีพระบุคลิกช่างฝันและชอบฝ่าฝืนกฎเกณฑ์

สมเด็จพระราชินีผู้นิยมสาธารณรัฐ

[แก้]

ค่อนข้างที่จะไม่ปกติสำหรับผู้ดำรงเป็นสมเด็จพระราชินี พระนางเอลีซาเบ็ทมีพระบุคลิกและทั้ศนคติโน้มไปทางสาธารณรัฐนิยมมากกว่าระบอบกษัตริย์ ซึ่งเป็นทัศนคติที่ทรงบันทึกอย่างตรงไปตรงมาในพระอนุทินหรือบันทึกส่วนพระองค์ อย่างไรก็ตามพระนางก็มิได้เผยแพร่ทัศนคตินี้สู่สาธารณะ โดยทรงบันทึกว่า

สมเด็จพระเจ้าการอลที่ 1 และพระราชินีเอลีซาเบ็ทในบั้นปลายพระชนม์ชีพ

ความคิดอ่านของพระนางแสดงเห็นว่าทรงมีทัศนคติที่แตกต่างจากพระสวามีโดยสิ้นเชิง ซึ่งพระสวามีของพระนางนั้นทรงนิยมระบอบกษัตริย์ ทรงพยายามอย่างยิ่งในการรักษาพระราชอำนาจเต็มของพระมหากษัตริย์

บั้นปลายพระชนม์ชีพ

[แก้]
พระราชินีเอลีซาเบ็ททรงฉายภาพกับเด็กสาวตาบอดซึ่งอยู่ในพระราชินูปถัมภ์ในโครงการสงเคราะห์คนตาบอดของพระนาง

ในช่วงบั้นปลายพระชนม์ชีพ พระเจ้าการอลและพระราชินีเอลีซาเบ็ทได้พยายามปรับความสัมพันธ์กันโดยทรงเข้าพระทัยและให้อภัยซึ่งกันและกัน ทั้งสองพระองค์กลายเป็นมิตรที่ดีต่อกันในบั้นปลายพระชนม์ชีพ สมเด็จพระเจ้าการอลเสด็จสวรรคตอย่างกะทันหันในวันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ. 1914 (27 กันยายน ตามปฏิทินฉบับเก่า) พระราชภาติยะได้สืบราชสมบัติต่อโดยมีพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 1 แห่งโรมาเนีย พระนางทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจทางการกุศลอย่างมากมายได้แก่ ทรงก่อตั้งองค์การสงเคราะห์คนตาบอดในพระราชินูปถัมภ์ของพระนางและทรงอุปถัมภ์ศิลปะ การดนตรีและวรรณคดีของโรมาเนีย

พระนางเอลีซาเบ็ทสวรรคตในวันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ. 1916 (2 มีนาคม ตามปฏิทินฉบับเก่า) ที่ เคอเทีย เดอ อาร์เกส กรุงบูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย สิริพระชนมายุ 72 พรรษา ทรงสวรรคตก่อนที่ประเทศโรมาเนียจะประกาศสงครามกับเยอรมนีในสงครามโลกครั้งที่ 1 เพียงไม่กี่วัน

พระธิดา

[แก้]
  พระนาม ประสูติ สิ้นพระชนม์ คู่สมรสและพระโอรส-ธิดา
เจ้าหญิงมาเรียแห่งโรมาเนีย 8 กันยายน ค.ศ. 1810 9 เมษายน ค.ศ. 1814 ไม่ได้อภิเษกสมรส
สิ้นพระชนม์ตั้งแต่ทรงพระเยาว์

พระอิสริยยศ

[แก้]
  • 29 ธันวาคม ค.ศ. 1843 - 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 1869: เจ้าหญิงเพาลีเนอ เอลีซาเบ็ทแห่งวีท
  • 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 1869 - 26 มีนาคม ค.ศ. 1881: เจ้าหญิงแห่งสหราชรัฐ พระชายาในองค์อธิปัตย์แห่งโรมาเนีย
  • 26 มีนาคม ค.ศ. 1881 - 27 กันยายน ค.ศ. 1914: สมเด็จพระราชินีแห่งโรมาเนีย
  • 27 กันยายน ค.ศ. 1914 - 2 มีนาคม ค.ศ. 1916: สมเด็จพระราชินีเอลีซาเบ็ทแห่งโรมาเนีย

พระราชตระกูล

[แก้]
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
16. เจ้าชายโยฮันน์ ฟรีดิช อเล็กซานเดอร์แห่งวีด
 
 
 
 
 
 
 
8. เจ้าชายฟรีดิช คาร์ลแห่งวีด
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
17. เบอร์เกรฟวีนแคโรไลน์แห่งเคิร์ชเบิร์ก
 
 
 
 
 
 
 
4. เจ้าชายโยฮันน์ ออกุสต์ คาร์ลแห่งวีด
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
18. ลุดวิก เฟอร์ดินานด์ เคานท์แห่งซายน์-วิตเกนสไตน์-เบอเลเบิร์ก
 
 
 
 
 
 
 
9. เคานท์เตสมารีแห่งซายน์-วิตเกนสไตน์-เบอเลเบิร์ก
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
19. เคานท์เตสเฟรเดอริเกแห่งยีเซนบูร์กและบือดินเง็น
 
 
 
 
 
 
 
2. เจ้าชายเฮอร์มานน์แห่งวีด
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
20. เจ้าชายเฟอร์ดินานด์แห่งซอล์ม-บราวน์เฟล
 
 
 
 
 
 
 
10. เจ้าชายวิลเฮล์มแห่งซอล์ม-บราวน์เฟล
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
21. เคานท์เตสโซฟีแห่งซอล์ม-เลาบาร์ช
 
 
 
 
 
 
 
5. เจ้าหญิงโซฟี ออกุสเตแห่งซอล์ม-บราวน์เฟล
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
22. คาร์ล เคานท์แห่งซาล์ม-กลัมบาร์ช
 
 
 
 
 
 
 
11. เคานท์เตสออกุสเต ฟรานซิลกาแห่งซาล์ม-กลัมบาร์ช
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
23. เจ้าหญิงเอลิซาเบธ คริสเทียเนแห่งไลนินเกน
 
 
 
 
 
 
 
1. เอลิซาเบธแห่งวีด สมเด็จพระราชินีแห่งโรมาเนีย
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
24. เจ้าชายชาร์ลส์ คริสเตียนแห่งนัสเซา-ไวล์บวร์ก
 
 
 
 
 
 
 
12. เจ้าชายเฟรเดอริค วิลเลียมแห่งนัสเซา-ไวล์บวร์ก
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
25. เจ้าหญิงแคโรไลนาแห่งออเรนจ์-นัสเซา
 
 
 
 
 
 
 
6. วิลเฮล์ม ดยุคแห่งนัสเซา
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
26. วิลเฮล์ม จอร์จ เคานท์แห่งซายน์-ฮาเชนบูร์ก เบอร์เกรฟแห่งเคิร์ชเบิร์ก
 
 
 
 
 
 
 
13. เบอร์เกรฟวีนหลุยส์ อิซาเบลแห่งเคิร์ชเบิร์ก
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
27. เจ้าหญิงอิซาเบลลา ออกุสเต รอสแห่งกรีซ์
 
 
 
 
 
 
 
3. เจ้าหญิงมารีแห่งนัสเซา
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
28. เออร์เนสต์ เฟรเดอริคที่ 3 ดยุคแห่งแซ็กซ์-ฮิลด์บูร์กเฮาเซน
 
 
 
 
 
 
 
14. เฟรเดอริค ดยุคแห่งแซ็กซ์-อัลเทนบูร์ก
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
29. เจ้าหญิงเออร์เนสทีนแห่งแซ็กซ์-ไวมาร์
 
 
 
 
 
 
 
7. เจ้าหญิงหลุยส์แห่งแซ็กซ์-ฮิลด์บูร์กเฮาเซน
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
30. ชาร์ลส์ที่ 2 แกรนด์ดยุคแห่งแม็กเคลนบวร์ก-สเตรลิตช์
 
 
 
 
 
 
 
15. ดัสเชสชาร์ล็อต จอร์จีนแห่งแม็กเคลนบวร์ก-สเตรลิตช์
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
31. แลนด์เกรฟวีนเฟรเดอริเกแห่งเฮสส์-ดาร์มสตัดท์
 
 
 
 
 
 

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 Pakula, p. 144.
  2. Hibbert, pp. 40-41.
  3. Eugen Wolbe, Carmen Sylva, Leipzig, 1933, p. 137, here quoted from Brigitte Hamann, Elisabeth: Kaiserin wider Willen, Munich, 1982, translated to English as The Reluctant Empress, New York, 1986 (a biography of Empress Elisabeth of Austria, who was Elisabeth of Wied's friend).
  • http://en.wikipedia.org/wiki/Elisabeth_of_Wied
  • Eugen Wolbe, "Carmen Sylva", Leipzig, 1933
  • Gabriel Badea-Päun, Carmen Sylva - Uimitoarea Regină Elisabeta a României, 1843-1916, Bucharest, Humanitas, 2003, second edition in 2007, third edition in 2008. ISBN 978-973-50-1101-7.
  • Gabriel Badea-Päun, Jean-Jules-Antoine Lecomte du Nouÿ (1842-1923) à la cour royale de Roumanie, dans Bulletin de la Société de l'Historie de l'Art Français, Année 2005, Paris, 2006, p. 257-281.
  • Hibbert, Christopher (2007). Edward VII: The Last Victorian King. New York: Palgrave Macmillan.
  • Pakula, Hannah (1995). An Uncommon Woman: The Empress Frederick, Daughter of Queen Victoria, Wife of the Crown Prince of Prussia, Mother of Kaiser Wilhelm. New York: Simon and Schuster. ISBN 0684842165.
  • Rada, Silvia Irina [Zimmermann]: Der Zauber des fernen Königreichs. Carmen Sylvas „Pelesch-Märchen“, Magisterarbeit Universität Marburg 1996.
  • Zimmermann, Silvia Irina [n. Rada]: Die dichtende Königin. Elisabeth, Prinzessin zu Wied, Königin von Rumänien, Carmen Sylva (1843–1916). Selbstmythisierung und prodynastische Öffentlichkeitsarbeit durch Literatur, Doctoral thesis University of Marburg 2001/2003.
ก่อนหน้า เอลีซาเบ็ทแห่งวีท ถัดไป
เอเลนา คูซา
เจ้าหญิงแห่งสหพันธ์ราชรัฐ พระชายาในองค์อธิปัตย์แห่งโรมาเนีย
(ราชวงศ์โฮเฮนโซเลน-ซิกมารินเกน)

(15 พฤศจิกายน พ.ศ. 24121 มีนาคม พ.ศ. 2424)
'พระอิศริยยศถูกเปลี่ยนเป็น
สมเด็จพระราชินีแห่งโรมาเนีย'
สถาปนาพระราชอิศริยยศ
สมเด็จพระราชินีแห่งโรมาเนีย
(ราชวงศ์โฮเฮนโซเลน-ซิกมารินเกน)

(1 มีนาคม พ.ศ. 242410 ตุลาคม พ.ศ. 2457)
เจ้าหญิงมารีแห่งเอดินบะระ