ข้ามไปเนื้อหา

เหตุเครื่องบินชนกันกลางอากาศที่แกรนด์แคนยอน พ.ศ. 2499

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เหตุเครื่องบินชนกันกลางอากาศที่แกรนด์แคนยอน พ.ศ. 2499
ยูไนเต็ดแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 718 · ทีดับเบิลยูเอ เที่ยวบินที่ 2
ภาพจำลองเหตุการณ์
สรุปอุบัติเหตุ
วันที่30 มิถุนายน ค.ศ. 1956 (1956-06-30)
สรุปชนกันกลางอากาศเนื่องจากระบบการควบคุมการจราจรทางอากาศที่บกพร่อง
จุดเกิดเหตุแกรนด์แคนยอน รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา
เสียชีวิต128
รอดชีวิต0
อากาศยานลำแรก

ดีซี-7 ของยูไนเต็ดแอร์ไลน์ คล้ายกับลำที่เกิดเหตุ
ประเภทดักลาส ดีซี-7 เมนไลเนอร์
ชื่ออากาศยานเมนไลเนอร์แวนคูเวอร์
ดําเนินการโดยยูไนเต็ดแอร์ไลน์
ทะเบียนN6324C[1]
ต้นทางท่าอากาศยานนานาชาติลอสแอนเจลิส
ปลายทางท่าอากาศยานนานาชาติชิคาโกมิดเวย์
ผู้โดยสาร53
ลูกเรือ5
เสียชีวิต58
รอดชีวิต0
อากาศยานลำที่สอง

N6902C ล็อกฮีก-1049เอ ของทีดับเบิลยูเอลำที่เกิดเหตุ
ประเภทล็อกฮีด-1049เอ ซูเปอร์คอนสเตลเลชัน
ชื่อสตาร์ออฟแซน
ดำเนินการโดยทรานส์เวิลด์แอร์ไลน์
ทะเบียนN6902C[2]
ต้นทางท่าอากาศยานนานาชาติลอสแอนเจลิส
ปลายทางท่าอากาศยานแคนซัสซิตีดาว์นทาว์น
ผู้โดยสาร64
ลูกเรือ6
เสียชีวิต70
รอดชีวิต0

เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ค.ศ. 1952 เครื่องบินดักลาส ดีซี-7 ของยูไนเต็ดแอร์ไลน์ พุ่งชนกับเครื่องบินล็อกฮีด แอล-1049 ซูเปอร์คอนสเตลเลชันของทรานส์เวิลด์แอร์ไลน์ บริเวณเหนืออุทยานแห่งชาติแกรนด์แคนยอน รัฐแอริโซนา เครื่องบินของทีดับเบิลยูเอตกลงไปในหุบผาชัน ส่วนเครื่องบินของยูไนเต็ดแอร์ไลน์บินพุ่งชนเข้ากับหน้าผาหิน เหตุเครื่องบินชนกันกลางอากาศที่แกรนด์แคนยอน ในครั้งนี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 128 คนบนเครื่องบินทั้งสองลำ และถือเป็นอุบัติเหตุทางการบินที่เกิดขึ้นกับสายการบินพาณิชย์แรกที่มียอดผู้เสียชีวิตมากกว่า 100 คน

เครื่องบินทั้งสองลำบินออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติลอสแอนเจลิส ห่างจากกันเพียงไม่กี่นาทีและมุ่งหน้าไปยังชิคาโกและแคนซัสซิตีตามลำดับ การชนกันเกิดขึ้นในน่านฟ้าที่ไม่มีการควบคุมซึ่งเป็นความรับผิดชอบของนักบินในการรักษาระยะห่าง โดยใช้หลักการ "มองเห็นและถูกมองเห็น" สิ่งนี้เน้นให้เห็นถึงความล้าสมัยและความไร้ประสิทธิภาพของระบบการควบคุมการจราจรทางอากาศ ซึ่งต่อมาจะเป็นจุดสนใจของการปฏิรูปการบินของสหรัฐ และเป็นจุดเริ่มต้นของการจัดตั้งองค์การบริหารการบินแห่งชาติขึ้นมาหลังจากเหตุการณ์นี้

ภูมิหลัง

[แก้]

ทรานส์เวิลด์แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 2 ซึ่งใช้เครื่องบินซูเปอร์คอนสเตลเลชั่น L-1049 ของ Lockheed ที่มีชื่อว่า Star of the Seine โดยมีกัปตัน Jack Gandy (อายุ 41 ปี) นักบินผู้ช่วย James Ritner (31 ปี) และ วิศวกรการบิน Forrest Breyfogle (37 ปี) โดยออกเดินทางจากลอสแองเจลิสเมื่อวันเสาร์ 30 มิถุนายน 2499 เวลา 9:01 น. PST พร้อมผู้โดยสาร 64 คน (รวมถึงพนักงานนอกหน้าที่ของ TWA 11 คนที่ใช้ตั๋วฟรี) และลูกเรือ 6 คน (รวมถึง พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน 2 คนและวิศวกรการบินนอกหน้าที่ 1 คน) และมุ่งหน้าไปยัง สนามบิน Kansas City Downtown ซึ่งช้ากว่ากำหนด 31 นาทีเที่ยวบินที่ 2 ซึ่งเริ่มบินครั้งแรกภายใต้ กฎการบินด้วยเครื่องมือ (IFR) ได้ไต่ขึ้นสู่ ระดับความสูงที่ได้รับอนุญาตที่ 19,000 ฟุต (5,800 เมตร) และอยู่ในน่านฟ้าควบคุมจนถึงเมือง Daggett รัฐแคลิฟอร์เนียที่ Daggett กัปตัน Gandy เลี้ยวขวาไปยังทิศทางแม่เหล็ก 059 องศา เพื่อไปยังช่วงวิทยุใกล้กับตรินิแดด โคโลราโด

ยูไนเต็ดแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 718 ซึ่งใช้เครื่องบินแบบดักลาส DC-7 ที่ชื่อว่า เมนไลเนอร์แวนคูเวอร์ โดยมีกัปตันโรเบิร์ต บ็อบ เชอร์ลีย์ (อายุ 48 ปี) นักบินผู้ช่วยโรเบิร์ต ฮาร์มส์ (36 ปี) และวิศวกรการบินจิราร์โด เจอราร์ด ฟิโอเร (39 ปี) เป็นผู้ทำการบิน โดยออกเดินทางจากลอสแองเจลิส เวลา 9:04 น. PST พร้อมผู้โดยสาร 53 คนและลูกเรือ 5 คน (รวมทั้งพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน 2 คน) มุ่งหน้าสู่สนามบินมิดเวย์ในชิคาโก พวกเขาบินขึ้นไปที่ระดับความสูงที่ได้รับอนุญาตคือ 21,000 ฟุต (6,400 เมตร) กัปตัน Shirley บินภายใต้ IFR ใน น่านฟ้าควบคุม [note 1]ไปยังจุดทางตะวันออกเฉียงเหนือของปาล์มสปริงส์ แคลิฟอร์เนียซึ่งเขาเลี้ยวซ้ายไปทางสัญญาณวิทยุใกล้กับนีดเดิลส์ แคลิฟอร์เนีย หลังจากนั้นแผนการบินของเขาตรงไปยังดูรังโกทางตะวันตกเฉียงใต้ของโคโลราโด.

ในวัฒนธรรมสมัยนิยม

[แก้]

ในปี ค.ศ. 2006 อุบัติเหตุครั้งนี้ถูกนำเสนอในฤดูกาลที่สามของรายการยูเอฟโอฟลายส์โดยเดอะฮิสทรีแชนเนล ในตอน ซึ่งใช้ชื่อ "ความลับของยูเอฟโอกล่องดำ" ประกอบด้วยภาพข่าวจากยูนิเวอร์แซลนิวส์รีลเกี่ยวกับอุบัติเหตุ บรรยายโดยเอ็ด เฮอร์ลิฮี[3]

ในปี ค.ศ. 2010 อุบัติเหตุครั้งนี้ พร้อมกับเหตุเครื่องบินชนกันกลางอากาศครั้งอื่นๆ ถูกนำเสนอในฤดูกาลที่แปดของรายการ เมย์เดย์ (หรือรู้จักกันในชื่อ แอร์อีเมอร์เจนซี หรือ แอร์แครชอินเวสติเกชัน) โดยแนชนัลจีโอกราฟิกแชนแนล ในตอน "System Breakdown".[4] และถูกนำเสนออีกครั้งในฤดูกาลที่ 12 ในตอน "Grand Canyon Disaster" เมื่อปี ค.ศ. 2013[5]

อุบัติเหตุครั้งนี้ถูกนำเสนอในฤดูกาลแรกตอนที่ห้าของรายการ วายเพลนส์แครช ในตอนชื่อว่า "Collision Course"

ในปี 2015 อุบัติเหตุครั้งนี้ถูกนำเสนอในฤดูกาลแรกตอนที่เจ็ดของรายการ มิสเตอรีส์แอตเดอะแนชนัลพาร์คส์ โดยทราเวลแชนแนล ใช้ชื่อ "Portal To The Underworld" เหตุการณ์นี้ถูกกล่าวว่าเป็น "เหตุการณ์เหนือธรรมชาติ"

ในปี 2014 อุบัติเหตุครั้งนี้ถูกนำเสนอในฤดูกาลที่สี่ตอนที่หกของรายการ แอร์ดีแซสเตอร์โดยสมิธโซเนียนแชนแนล ในตอน "Grand Canyon"

ดูเพิ่ม

[แก้]

หมายเหตุ

[แก้]
  1. ทางแยก "ปาล์มสปริงส์" อยู่ที่ประมาณ 33.92N 116.28W

อ้างอิง

[แก้]

แหล่งอ้างอิง

[แก้]
  1. "FAA Registry (N6324C)". Federal Aviation Administration.
  2. "FAA Registry (N6902C)". Federal Aviation Administration.
  3. "The Internet Movie Database: UFO Files (Season 3: Black Box UFO Secrets)". The Internet Movie Database.
  4. Air Crash Investigation Season 8, สืบค้นเมื่อ 2024-03-05
  5. Mayday – Air Crash Investigation (S01-S22), สืบค้นเมื่อ 2024-02-16

บรรณารุกรม

[แก้]
  • Civil Aeronautics Board Official Report, Docket 320, File 1, issued on April 17, 1957
  • Air Disaster, Vol. 4: The Propeller Era, by Macarthur Job, Aerospace Publications Pty. Ltd. (Australia), 2001. ISBN 1-875671-48-X
  • Blind Trust, by John J. Nance, William Morrow & Co., Inc. (US), 1986, ISBN 0-688-05360-2

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]