เรวัช กลิ่นเกษร

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เรวัช กลิ่นเกษร
ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด
ดำรงตำแหน่ง
1 ตุลาคม พ.ศ. 2557 – 30 กันยายน พ.ศ. 2559
ก่อนหน้าพลตำรวจโทสุรพล ทวนทอง
ถัดไปพลตำรวจโทสมหมาย กองวิสัยสุข
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด29 มกราคม พ.ศ. 2499 (67 ปี)
อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ ประเทศไทย
การศึกษา
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง
สังกัดกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด
ยศ พลตำรวจโท

พลตำรวจโท เรวัช กลิ่นเกษร (เกิด 29 มกราคม พ.ศ. 2499) เป็นอดีตนายตำรวจชาวไทย เคยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เป็นอดีตรักษาการผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล และอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เจ้าของฉายา มือปราบขุนดง และ มือปราบศยามล

ประวัติ[แก้]

พลตำรวจโท เรวัช กลิ่นเกษร เกิดปี 2499 ที่อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ ในครอบครัวที่เป็นเจ้าของโรงสี จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และปริญญาโทอาชญาวิทยา มหาวิทยาลัยมหิดล[1]

ชีวิตในวัยเด็กของท่านเรวัช ที่บ้านได้โดนปล้นคุณตาถูกโจรฆ่าตาย ทางบ้านจึงให้เงินกับตำรวจเพื่อเป็นรางวัลนำจับรายละ 5,000 บาท โดยคุณลุงของท่านเรวัชซึ่งเป็นตำรวจได้ให้ท่านเรวัชซึ่งเป็นเด็กไปเป็นพยานเพื่อชี้ตัวคนร้าย ทำให้คนร้ายแค้นใจมากนำมาซึ่งการตามฆ่าท่านเรวัช ทำให้คุณลุงของท่านเรวัชได้ฝึกให้ท่านเรวัชได้ใช้อาวุธปืนเพื่อป้องกันตัว

หลังจากที่โดนโจรปล้นบ้าน ทำให้ท่านเรวัชอยากไปเป็นตำรวจเพื่อล้างแค้นให้กับคุณตา แต่เงินทองก็หมดไปแล้วทำให้ไม่มีเงินไปเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร จึงต้องไปเรียนต่อมัธยมศึกษาก่อนเพื่อหาลู่ทางต่อไป

ขณะที่เรียนมัธยมศึกษาก็ได้เป็นดรัมเมเยอร์ของโรงเรียน และได้มีปัญหากับครูฝึกสอน จนถูกไล่ออกจากโรงเรียน จึงได้หันไปเรียนโรงเรียนเกษตร แต่เมื่อได้เข้าไปสมัครที่โรงเรียนเกษตรนั้นมีการรับน้อง และได้เกิดการปะทะกันระหว่างการรับน้องกับรุ่นพี่และท่านเรวัชมีการใช้อาวุธทำร้ายรุ่นพี่ จึงได้หลบหนีออกมาแล้วไม่ได้เรียนที่โรงเรียนเกษตร

หลังจากนั้นท่านเรวัชได้มาเรียนที่วิทยาลัยครูเรียนได้ 2 ปี ใกล้จะจบได้เกิดเรื่อง ซึ่งตอนนั้นท่านเรวัชได้ยืนสูบบุหรี่อยู่และได้มีกลุ่มรุ่นพี่มาขอต่อบุหรี่ ซึ่งท่านเรวัชก็ให้ต่อบุหรี่ หลังจากต่อบุหรี่เสร็จรุ่นพี่กลุ่มนั้นก็โยนบุหรี่ท่านเรวัชทิ้ง ท่านเรวัชไม่คิดอะไรก็ก้มลงไปเก็บแต่โดนกลุ่มรุ่นพี่นั้นเตะทำร้ายอย่างรุนแรง ท่านเรวัชจึงได้ควักอาวุธปืนออกมายิงกลุ่มรุ่นพี่นั้นเพื่อป้องกันตัว หลังจากยิงก็หลบหนีออกไปจึงเป็นเหตุให้เรียนไม่จบวิทยาลัยครู

หลังจากหลบหนีไปได้ไปทำไร่ทานตะวันและเก็บเงินได้ประมาณ 8,000 บาท ได้นำเงินไปซื้อหนังสือสนามหลวงมาอ่านเพื่อไปสอบไล่ มศ.8 และได้ไปเป็นครูฝึกสอนและสอบไล่วุฒิครูได้ หลังจากนั้นก็สอบบรรจุครูและเสมียนได้อันดับที่ 1 ทั้งคู่ ของจังหวัดชัยนาท และได้มีคนสอบครูที่ได้อันดับที่ 4 ได้มาจ้างท่านเรวัชให้สละสิทธิ์โดยให้มอเตอร์ไซค์ 1 คัน ท่านเรวัชจึงสละสิทธิ์ให้และได้มาเป็นเสมียนอำเภอที่จังหวัดชัยนาท

รับราชการ[แก้]

พลตำรวจโท เรวัช เริ่มต้นรับราชการเป็นเสมียนที่จังหวัดชัยนาท ก่อนขยับขึ้นมาเป็นปลัดอำเภอ และตัดสินใจสมัครเป็นตำรวจ เพราะเป็นความชอบส่วนตัว[2] กระทั่งได้รับโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ร้อยตำรวจตรี เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2522 รุ่นเดียวกับพลตำรวจโทอำนวย นิ่มมะโน อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลและอดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1, พลตำรวจโทจุตติ ธรรมมโนวานิช, พลตำรวจตรีประสพโชค พร้อมมูล, พลตำรวจเอกปัญญา มาเม่น, พลตำรวจโทเทศา ศิริวาโท อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8, พลตำรวจเอกเดชา ชวยบุญชุม อดีตที่ปรึกษา สบ.10, พันตำรวจเอกสีหนาท ประยูรรัตน์ อดีตเลขาธิการ ป.ป.ง., พลตำรวจโทสกลเขต จันทรา ประจำสำนักพระราชวัง, พลตำรวจโทพิสัณห์ จุลดิลก สมาชิกวุฒิสภาและอดีตเลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย, พลตำรวจเอกพงศพัศ พงษ์เจริญ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พลตำรวจโทวิสุทธิ์ วานิชบุตร, และพลตำรวจโทวินัย ทองสอง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล[3]

กระทั่งได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาตามลำดับจนกระทั่งได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2557 สืบต่อจาก พลตำรวจโทสุรพล ทวนทอง ที่ขยับขึ้นไปดำรงตำแหน่ง จเรตำรวจ (สบ 8)[4] พร้อมกับรับพระราชทานยศพลตำรวจโท ก่อนจะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน 2559

โดยในระหว่างรับราชการได้สร้างผลงานไว้มากมาย เช่น คลี่คลายคดีฆาตกรรมศยามล จนได้รับฉายา มือปราบศยามล แต่ระหว่างที่ไปรับราชการอยู่ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี และมียศร้อยตำรวจเอก เกิดไปมีเรื่องจนโดนสั่งย้ายห้ามเข้าลพบุรีและสระบุรี

ต่อมาในวันที่ 15 มิถุนายน 2566 ได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งพลตำรวจโทเรวัชเป็นกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ แทนพลตำรวจเอกปัญญา มาเม่น ที่ลาออกไป[5]

ประวัติการรับราชการ[แก้]

พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร และ พล.ต.อ.หาญพล นิตย์วิบูลย์ สองนายพลตำรวจนักบู๊ติดทำเนียบมือปราบปืนดุแห่งวงการผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

พลตำรวจโท เรวัช กลิ่นเกษร ติดยศ “นายพล” ขึ้นเป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรีเมื่อปี 2550[6] โดยขยับมาจากตำแหน่ง รองผู้บังคับการศูนย์สืบสวนตำรวจภูธรภาค 7 แล้วย้ายเป็นผู้บังคับการประจำสำนักงานจเรตำรวจ เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 รองจเรตำรวจ (สบ 7) รักษาการผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล และนั่งเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กระทั่งเกษียณอายุราชการในปี 2559

เครื่องราชอิสริยาภรณ์[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. ประวัติ “พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร” มือปราบเจ้าของ “คดีศยามล” และไสยเวทประจำตัว
  2. เปิดประวัติ "พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร" เจ้าของวลีเด็ด “ไอ้พวกนี้มันขี้ตีนเรา”
  3. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานยศตำรวจ (หน้า 85)
  4. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการตำรวจ
  5. แต่งตั้ง พล.ต.ท.เรวัช เป็น กก.พิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ แทน พล.ต.อ.ปัญญา
  6. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานยศตำรวจ (หน้า 45)
  7. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๕๗, เล่ม ๑๓๑ ตอนที่ ๒๗ ข หน้า ๒๐, ๓ ธันวาคม ๒๕๕๗
  8. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๕๔, เล่ม ๑๒๘ ตอนที่ ๒๔ ข หน้า ๖๖, ๒ ธันวาคม ๒๕๕๔
  9. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญราชการชายแดน, เล่ม ๑๒๙ ตอนที่ ๒๖ ข หน้า ๕, ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕
  10. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญจักรมาลาและเหรียญจักรพรรดิมาลา ประจำปี ๒๕๖๐, เล่ม ๑๓๔ ตอนที่ ๕๒ ข หน้า ๒, ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๐