เคนนี โรเจอส์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เคนนี โรเจอส์
เคนนี โรเจอส์ ในคอนเสริต์ที่ Chumash Casino ฮอลล์ รีสอร์ท,Santa Ynez,รัฐ แคลิฟอร์เนีย,กันยายน ปี 2006
ข้อมูลพื้นฐาน
ชื่อเกิดKenneth Ray Rogers.
เกิด21 สิงหาคม ค.ศ. 1938(1938-08-21)
ที่เกิดรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา
เสียชีวิต20 มีนาคม ค.ศ. 2020(2020-03-20) (81 ปี)
แนวเพลงคันทรี แจ๊ซ ร็อก ป็อป
อาชีพนักร้อง นักแต่งเพลง นักแสดง
ช่วงปี1958 - 2017
ค่ายเพลงUnited Artists
Reprise
Capitol Nashville
เว็บไซต์kennyrogers.com/

เคนนี โรเจอส์ (อังกฤษ: Kenny Rogers) หรือชื่อเต็มว่า Kenneth Ray Rogers. เกิดเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ค.ศ. 1938 เป็นนักร้องชาวอเมริกัน นักแต่งเพลง ช่างภาพ โปรดิวซ์เซอร์เพลง นักแสดง นักประพันธ์ และยังเป็นหนึ่งในสมาชิกของ Country Music Hall of Fame" มียอดขายอัลบั้ม รวมกว่า 165 ล้านชุด ทั่วโลก[1]ทำให้เขาเป็นหนึ่งในศิลปินที่มียอดขายสูงที่สุดตลอดการ มีซิงเกิลฮิตขึ้นชาร์ตอันดับ 1 ถึง 21 ซิงเกิล และมีซิงเกิลติดชาร์ตรวมทั้งหมด 120 เพลง ในชาร์ตเพลงป๊อปและคันทรีมากกว่า 200 สัปดาห์ ในสหรัฐอเมริกา

อัลบั้มทั้ง 2 ของเขา The Gambler และ Kenny ติดหนึ่งใน "200 อัลบั้มเพลงคันทรี่ที่มีอิทธิพลมากที่สุดตลอดกาล"[2] จากผลสำรวจในเว็บไซต์ About.com เขาเคยถูกยกให้เป็น "นักร้องคนโปรดตลอดกาล" ในปี 1986 โดยผู้อ่านจากทั้ง นิตยสาร USA Today และ People[3] เขาได้รับรางวัลมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น อเมริกันมิวสิกอะวอร์ด, รางวัลแกรมมี, ACMs และ CMAs รวมทั้งยังได้รับ รางวัลความสำเร็จในชีวิตตลอด 6 ทศวรรษที่ผ่านมา ในปี 2003[4]

ความสำเร็จครั้งล่าสุด คืออัลบั้ม Water & Bridges ในปี 2006 สามารถขึ้นถึงอันดับ 5 ในชาร์ตอัลบั้มเพลงคันทรี และ อันดับที่ 15 ใน Billboard 200 ซิงเกิลแรกจากอัลบั้มนี้คือเพลง "I Can't Unlove You" ที่สามารถขึ้นชาร์ตได้สูงพอสมควร ในปีถัดมาหลังจากที่เขา ทัวร์คอนเสริต์ ที่อังกฤษและไอร์แลนด์เสร็จ เขากล่าวกับดีเจวิทยุ "สตีฟ ไรท์" ของทาง BBC ว่า เพลงที่ของเขาที่ เขาชอบที่สุดคือ "The Gambler" เขายังเคยแสดงภาพยนตร์และทีวีโชว์มากมาย แต่ที่น่าจดจำที่สุดคือบทที่เขาเล่นใน ทีวีซีรีส์เรื่อง "The Gambler" และ "MacShayne" รวมทั้งการปรากฏตัวของเขาใน The Muppet Show[5][6]

ประวัติ[แก้]

ชีวิตในวัยเด็กและครอบครัว[แก้]

เคนเนท เรย์ โรเจอส์ เกิดที่เมืองฮิวสตัน ในรัฐเท็กซัส ปี 1938 เป็นบุตรคนที่ 4 จากทั้งหมด 8 มารดาชื่อ ลูซิล เป็นผู้ช่วยพยาบาล(เสียชีวิตปี 1991) และบิดาชื่อ เอ็ดเวิร์ด ฟลอยด์ โรเจอส์ เป็นช่างไม้(เสียชีวิตปี 1975) โรเจอร์จบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยม เจฟเฟอร์สันเดวิส ในฮิวสตั้น[7]

เส้นทางสายอาชีพ[แก้]

ช่วงเริ่มต้น[แก้]

เขาเริ่มต้นสู่การเป็นนักดนตรีในช่วงกลางยุค 50 เมื่อครั้งที่เขาได้อัดเพลง กับ วงดนตรีร็อค นามว่า "The Scholars" ซึ่งมีซิงเกิลที่ประสบความสำเร็จคือ "Poor Little Doggie" วงนี้ต้องแยกวงหลังจากออกซิงเกิลได้อีก 2 เพลง เพราะโรเจอส์ ออกจากการเป็นนักร้องนำ หลังจากแยกวง เขาก็ได้ออกซิงเกิลเดี่ยวของตัวเอง คือเพลง "That Crazy Feeling" ในปี 1958 ที่ประสบความสำเร็จมาก

หลังจากยอดขายเริ่มลดลง โรเจอส์ ได้เข้าร่วมกับวงแจ๊ซ นามว่า "The Bobby Doyle Trio" ซึ่งเล่นดนตรีตามคลับต่างๆมากมาย และยังได้อัดเพลงกับ Columbia Records อีกด้วย วงนี้แยกวงในปี 1965 หลังจากนั้นในปี 1966 โรเจอส์ ได้ปล่อยซิงเกิล แจ๊ส-ร็อค ภายใต้ Mercury Records ชื่อว่า "Here's That Rainy Day" แต่ไม่ประสบความสำเร็จ โรเจอส์ ยังได้ทำงาน ในฐานะโปรดิวซ์เซอร์เพลง นักแต่งเพลง และนักดนตรีให้ศิลปินอื่นด้วย เช่น Mickey Gilley และ Eddy Arnold ในปี 1966 เขาเข้าร่วมกับวง "The New Christy Minstrels" ในฐานะนักร้องและ นักเล่น ดับเบิลเบส

ด้วยความที่การเป็นนักดนตรีในวงนั้น ไม่ประสบความสำเร็จดั่งที่พวกเขาหวัง โรเจอส์ และ สมาชิกวง "ไมค์ เซทเทิ่ล,เทอรี วิลเลียม,เทลม่า คามาโช จึงออกจากวง และมาตั้งวงใหม่ในชื่อ The First Edition ในปี 1967 (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น "เคนนี โรเจอส์แอนด์เดอะเฟิรส์อิดิชั่น") พวกเขามีเพลงดัง ที่ขึ้นติดชาร์ตได้ทั้งป้อปและคันทรี

เช่น"Just Dropped In (To See What My Condition Was In)", "But You Know I Love You","Ruby, Don't Take Your Love to Town","Reuben James", and "Something's Burning"โรเจอส์ มีภาพลักษณ์ที่คล้าย ฮิปปี้ เช่นไว้ผมยาว มีตุ้มหู และ แว่นกันแดดสีชมพู ในช่วงที่เขายังอยู่กับวงนี้

หลังจากแยกวงในปี 1976 โรเจอส์ก็เริ่มต้นการเป็นศิลปินเดี่ยว โรเจอส์ได้ปรับเสียงร้องให้ต่ำลงมา แม้จะค่อนข้างหยาบเล็กน้อยแต่ไพเราะละมุน ซึ่งเป็นที่ถูกใจของผู้ฟังเพลงป้อปและคันทรี่ ปัจจุบัน เขามีเพลงขึ้นชารต์ที่สูงกว่าอันดับ 60 ถึง 40 ซิงเกิลฮิต (รวมทั้ง 25 เพลงที่ขึ้นถึงอันดับ 1) และ 50 อัลบั้ม เพลงของเขายังรวมอยู่ในซาว์แทร็คของหนังดังหลายเรื่อง เช่น Convoy,Urban Cowbay และ The Big Lebowski [8] [9]

การเป็นศิลปินเดี่ยว[แก้]

โรเจอส์ปลีกตัวเองออกจากเดอะเฟิรส์อิดิชั่นในปี 1976 หลังจากอยู่รวมกันมาหลายปี และได้เซ็นสัญญากับ United Artists โปรดิวซ์เซอร์ แลร์รี่ บัตเลอร์ และ โรเจอส์ เริ่มรู้จักกันและเป็นเพื่อนร่วมงานนานกว่า 4 ปี [10] อัลบั้มแรกของของ จากต้นสังกัดใหม่ คือ Love Lifted Me อัลบั้มมีซิงเกิลติดชาร์ต ทั้งหมด 2 เพลง คือ "Love Lifted Me" และ "While The Feeling's Good" ซึ่งประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อย เพลง "Runnaway Girl" ถูกนำไปใช้เป็นเพลงประกอบหนังเรื่อง Trackdown ต่อมาในปี 1976 โรเจอส์ ได้ออกอัลบั้มที่ 2 ของเขา ซึ่งมีชื่อเดียวกับตัวเขา มีซิงเกิลแรกคือเพลง Laura What He's Got That I Ain't Got? ซึ่งถือว่าเป็นเพลงฮิตอีกเพลงหนึ่ง

ซิงเกิล Lucille ในปี 1977 นั้น ถือเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ เพลงนี้สามารถขึ้นถึงอันดับ 1 ในชาร์ตเพลงป้อปในทั้ง 12 ประเทศ มียอดขายมากกว่า 5 ล้านก้อปปี้ และทำให้โรเจอร์โด่งดังกว่าช่วงที่อยู่กับวงเดอะเฟิรส์อิดิชั่น ด้วยความโด่งดังของ "Lucille" ทำให้อัลบั้มนี้ขึ้นอับดับ 1 ในชาร์ตอัลบั้มเพลงคันทรีได้ ความสำเร็จที่มากกว่าต่อมาคือ อัลบั้ม The Gambler ที่มียอดขายกว่าหลายล้านชุด และซิงเกิลอันดับ 1 ทั่วโลก Coward of the County จากอัลบั้ม "Kenny"ที่ได้รับความสำเร็จพอๆกัน ในปี 1980 โรเจอส์และบัตเลอร์ ไม่ได้ร่วมงานกันต่อไป แต่ก็กลับมาร่วมงานกันอีกในอัลบั้ม "I Prefer the Moonlight" ปี 1987 และ อีกครั้งในอัลบั้ม "If Only My Heart Had a Voice" ในปี 1993

ในปลายยุค 70 โรเจอส์ ร่วมกันทำอัลบั้มคู่กับ Dottie West เพื่อนสนิทตำนานเพลงคันทรี อัลบั้มคู่ของทั้ง2นั้น มียอดขายถึงหลัก โกลด์ 2 ชุด (หลังจากนั้นอีก1ชุดก็แตะหลักเพลทตินั่ม) รวมทั้งยังได้ รางวัล CMA Awards 2 ตัว เข้าชิง ACM (Academy of Country Music) และ 2 รางวัลแกรมมี กับอีก 1 Music City News Awards สำหรับอัลบั้ม Every Time Two Fools Collide (อันดับ 1) และ Classics (อันดับ 3) เป็นช่วงที่บัตรคอนเสริต์ทัวร์ขายออกหมดตลอดและพวกเขาก็ได้ออกรายโทรทัศน์บ่อยๆเช่นเดียวกัน

เพลงฮิตของทั้งคู่ได้แก่ Every Time Two Fools Collide (อันดับ1) ,Anyone Who Isn't Me Tonight (อันดับ2) ,What Are We Doin' in Love (อันดับ1) ,All I Ever Need Is You (อันดับ1) ,Till I Can Make It On My Own (อันดับ3) ทั้งหมดนี้ล้วนกลายเป็นเพลงคันทรีพื้นฐานไปแล้ว โรเจอส์ กล่าวถึง เวสท์ ในการสัมภาษณ์กับ TNN ว่า "เธอเป็นคนที่พิเศษกว่าใครที่เคยร่วมงานมา เธอถ่ายถอดอารมณ์เพลงออกมาได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ผู้คนมากมายร้องออกมาจากตัวอักษร แต่ ดอทตี้ เวสท์ เธอร้องออกมาจากความรู้สึก" ในช่วงที่วางขายอัลบั้ม Every Time Two Fools Collide ปี 1978 นั้น โรเจอส์ กล่าวว่า เวสท์ เป็นคนทำให้เขาเข้ากับผู้ฟังเพลงคันทรีได้มากขึ้น ในขณะเดียวกัน เวสท์ ก็กล่าวว่าเขาทำให้เธอได้ฐานผู้ฟังหน้าใหม่เพิ่มขึ้น โรเจอส์ อยู่กับเวสท์ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่เธอจะเสียชีวิต ด้วยวัย 58 ปี หลังจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในปี 1991 เขาได้กล่าวเพิ่มเติมในหนังสือชีวประวัติของเขา Luck Or Something Like It ในปี 2012 "ในปี 1995 เขาร่วมแสดงคู่กับ Michele Lee ในสารคดีชีวประวัติ ของ CBS ชื่อ Big Dreams and Broken Hearts: The Dottie West Story

หลังยุค 90[แก้]

การแสดง[แก้]

ประวัติการสมรส[แก้]

  • Wanda Miller, 1 มิถุนายน,ปีคศ. 1997 – ปัจจุบัน; บุตร 2 คน
  • Marianne Gordon, 1 ตุลาคม,ปีคศ. 1977 – 1993, หย่าร้าง; บุตร 1 คน
  • Margo Anderson, เดือนตุลาคม ปีคศ. 1964 – 1976, หย่าร้าง; บุตร 1 คน
  • Jean Rogers, เดือนตุลาคม ปีคศ. 1960 – 1963, หย่าร้าง
  • Janice Gordon, 15 พฤษภาคม,ปีคศ. 1958 - เดือน เมษายน ปีค.ศ. 1960, หย่าร้าง; บุตร 1 คน

ผลงาน[แก้]

ผลงานอัลบั้ม [11][แก้]

รางวัลและเกียรติยศ[แก้]

ปี รางวัล สาขา
2010 American Eagle Award American Eagle Award[12]
2009 ACM Honors Cliffie Stone Pioneer Award[13] (w/ Jerry Reed, Randy Travis, Hank Williams Jr.)
2007 ASCAP Golden Note Award ASCAP Golden Note Award[14]
2007 CMT Music Awards Album of The Year — Water & Bridges
2005 CMT Music Awards Favorite All Time Country Duet — "Islands In the Stream" (กับ ดอลลี่ พาร์ตัน)
2004 CMT's 100 Greatest Cheating Songs "Ruby Don't Take Your Love to Town" — No. 6
2003 International Entertainment Buyers Association Lifetime Achievement Award
2003 CMT's 100 Greatest Country Songs "The Gambler" — No. 26
2002 CMT's 40 Greatest Men of Country Music Ranking — No. 19
2000 TNN Music Awards Career Achievement Award
1999 BBC's Greatest Country Singer Ranking — No. 2
1988 Grammy Awards Best Duo Country Vocal Performance — "Make No Mistake She's Mine" (กับ/ Ronnie Milsap)
1986 USA Today Favorite Singer of All Time
1985 American Music Awards Favorite Country Album — Eyes That See In the Dark
1985 American Music Awards Favorite Male Country Artist
1983 Academy of Country Music Awards Single of the Year — "Islands In the Stream" (กับ ดอลลี่ พาร์ตัน)
1983 Academy of Country Music Awards Top Vocal Duet — (กับ ดอลลี่ พาร์ตัน)
1983 American Music Awards Favorite Pop/Rock Country Artist
1983 American Music Awards Favorite Country Single — "Love Will Turn You Around"
1983 ASAP Awards Favorite Single — "Islands In the Stream" (กับ ดอลลี่ พาร์ตัน)
1982 American Music Awards Favorite Country Album — Greatest Hits
1981 American Music Awards Favorite Pop/Rock Male Artist
1981 American Music Awards Favorite Country Album — The Gambler
1981 American Music Awards Favorite Country Single — "Coward of the County"
1980 American Music Awards Favorite Male Country Artist
1980 American Music Awards Favorite Country Album — The Gambler
1980 Music City News Country Single of the Year
1979 American Music Awards Favorite Male Country Artist
1979 American Music Awards Favorite Country Album — 10 Years of Gold
1979 Country Music Association Awards Male Vocalist of the Year
1979 Country Music Association Awards Vocal Duo of the Year — (กับ ดอทตี้ เวสท์)
1979 Country Music Association Awards Album of the Year — The Gambler
1979 Music City News Country Male Artist of the Year
1979 Music City News Country Single of the Year — "The Gambler"
1979 Grammy Awards Best Male Country Vocal Performance — "The Gambler"
1978 American Music Awards Favorite Single — "Lucille"
1978 Country Music Association Awards Vocal Duo of the Year — (กับ ดอทตี้ เวสท์)
1978 Academy of Country Music Awards Entertainer of the Year
1978 Academy of Country Music Awards Top Male Vocalist
1977 Country Music Association Awards Single of the Year — "Lucille"
1977 Academy of Country Music Awards Top Male Vocalist
1977 Academy of Country Music Awards Single of the Year — "Lucille"
1977 Academy of Country Music Awards Song of the Year — "Lucille"
1977 Grammy Awards Best Male Country Vocal Performance — "Lucille"


ค่ายเพลง[แก้]

รายชื่อค่ายเพลงที่ โรเจอส์ เคยเซ็นสัญญาด้วย :

  • Cue (1957, ร่วมกับวง The Scholars และในฐานะนักร้องเดี่ยว)
  • Carlton (1958, เดี่ยว)
  • KenLee (1 ซิงเกิล, ก่อตั้งโดย โรเจอร์ และพี่ชาย ลีแลน )
  • Columbia (1960s, กับวงดนตรีแจ๊ซ The Bobby Doyle Three)
  • Reprise (1967, กับวง The First Edition, เพลงทุกอย่างที่ได้อัดไว้ในช่วงนี้ปัจจุบันตกเป็นของ Universal Music)
  • Jolly Rogers (1973, กับวง The First Edition, ก่อตั้งโดย โรเจอร์)
  • United Artists (1975, เดี่ยว)
  • Liberty (1980, United Artists ได้รวมกับ EMI/Capitol ในปี 1980
  • RCA (1983, เดี่ยว)
  • Reprise (1989, เดี่ยว)
  • Giant (1993, อัลบั้มเดี่ยว 1 ชุด)
  • Atlantic (1994, อัลบั้มเดี่ยว 1 ชุด)
  • onQ Music (1996, อัลบั้มเดี่ยว 1ชุด)
  • Magnatone (1996, เดี่ยว)
  • Dreamcatcher (1998, เดี่ยว; Dreamcatcher บริหารจัดการโดยมี โรเจอร์ เป็นเจ้าของ และปิดตัวลงในปี 2004
  • Capitol Nashville (2004 - ปัจจุบัน)

ผลงานการแสดง[15][แก้]

โทรทัศน์[แก้]

ปี เรื่อง บทบาท
1973 Saga of Sonora นักร้องเพลงบัลลาด
1975 The Dream Makers เอิร์ล
1980 The Gambler เบรดี้ ฮอว์ค
1981 The Coward Of The County ลุงแมทธิว
1983 The Gambler: The Adventure Continues เบรดี้ ฮอว์ค
1985 Wild Horses แมท คูปเปอร์
1987 The Gambler, Part III: The Legend Continues เบรดี้ ฮอว์ค
1990 Christmas in America แฟรงค์ มอร์แกน
1991 The Gambler Returns: The Luck of the Draw เบรดี้ ฮอว์ค
1993 Rio Diablo เควนติน ลีช
1994 The Gambler V: Playing for Keeps เบรดี้ ฮอว์ค
ภาพยนตร์
ปี เรื่อง บทบาท
1982 Six Pack (film) บริวสเตอร์ เบรกเกอร์

ดูเพิ่ม[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. http://www.billboard.com/articles/columns/the-615/5755401/kenny-rogers-on-eclectic-new-album-and-finally-entering-hall-of
  2. http://countrymusic.about.com/library/top200albums/bltop200f.htm
  3. http://countrymusic.about.com/library/blkrogersfacts.htm
  4. http://www.cmt.com/artists/kenny-rogers/biography/
  5. http://www.imdb.com/name/nm0737006/
  6. http://www.imdb.com/title/tt0653199/
  7. http://www.last.fm/music/Kenny+Rogers?v=share_listening&utm_expid=44142428-15.qDQ8Jf0nQAWJD148h2r1eA.4&utm_referrer=https%3A%2F%2Fwww.google.co.th%2F
  8. http://www.amazon.com/The-Big-Lebowski-Original-Soundtrack/dp/B000001EYO
  9. http://www.amazon.com/Urban-Cowboy-Original-Picture-Soundtrack/dp/B000002H4B/ref=sr_1_1?s=music&ie=UTF8&qid=1336598742&sr=1-1
  10. http://www.nytimes.com/2012/01/25/arts/music/larry-butler-producer-for-kenny-rogers-dies-at-69.html?_r=0
  11. http://www.allmusic.com/artist/kenny-rogers-mn0000069986/discography
  12. "National Music Council". Musiccouncil.org. สืบค้นเมื่อ 2011-07-21.
  13. September 23, 2009; Written by Edward Morris (2009-09-23). "CMT News". Cmt.com. สืบค้นเมื่อ 2011-07-21.{{cite web}}: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์)
  14. "ASCAP". ASCAP. 2007-09-18. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-03-14. สืบค้นเมื่อ 2011-07-21.
  15. http://www.imdb.com/name/nm0737006/bio

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]