อาบาราอิ เร็นจิ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ตัวละคร เทพมรณะ
อาบาราอิ เร็นจิ
อาชีพ ยมทูต รองหัวหน้าหน่วยหก
วันเกิด 1978922 สิงหาคม
อายุ 15
สีผม สีม่วง
สีตา ตาดาว
ส่วนสูง 188 เมตร
น้ำหนัก 78 กิโล
ดาบฟันวิญญาณ ซาบิมารุ
พากย์เสียงโดย [ หม่ำจกมก ]

อาบาราอิ เร็นจิ (ญี่ปุ่น: 阿散井 恋次โรมาจิAbarai Renji) (เกิด 31 สิงหาคม) ตัวละครการ์ตูนในเรื่อง เทพมรณะ เป็นยมทูตรองหัวหน้าหน่วย 6 แห่ง 13 หน่วยพิทักษ์

ลักษณะ/อุปนิสัย[แก้]

เร็นจิมีผมสีแดงแล้วรวบไว้เป็นหางม้า ตัวของเขาเต็มไปด้วยรอยสัก ไม่มีใครรู้ว่ารอยสักนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ดูเหมือนว่ายิ่งเขาฝึกการเป็นยมทูตสูงขึ้นไปเท่าไหร่ รอยสักนั้นก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เพราะก่อนหน้าที่เขาจะเข้าฝึกเป็นยมทูต เขาไม่มีรอยสักนั้น

เขาเป็นคนที่มีนิสัยบ้าระห่ำมากกว่ายมทูตคนอื่นๆ เขาเชื่อมั่นในตนเอง หยิ่งยะโส วู่วาม และเกลียดการพ่ายแพ้ต่อสิ่งใดๆ แต่ถ้าหากเขาได้พบกับคู่ต่อสู้ที่สูสี เร็นจิพร้อมที่จะสู้ พร้อมที่จะฆ่า และพร้อมที่จะตายเพื่ออะไรก็ตามที่เขาเชื่อมั่นและศรัทธา เร็นจิถือว่าเป็นคนที่อันตรายสำหรับใครก็ตามที่ไปยืนขวางทางของเขา เร็นจิซื่อสัตย์ต่อมิตรภาพที่มีให้ โดยเฉพาะกับเพื่อนสนิทเก่าแก่อย่าง คุจิกิ ลูเคีย และให้ความนับถือกับ มาดาราเมะ อิกคาคุสมัยที่ยังอยู่หน่วย 11 เดิมมากเช่นกัน

ประวัติ[แก้]

เร็นจิเติบโตมาในเมืองลูคอน อินุซึริ(Inuzuri) เขตที่ 78 (เมืองลูคอนแบ่งเป็น 1-80เขต ตัวเลขที่ยิ่งมาก หมายถึงความปลอดภัยที่น้อยลง) พร้อมกับเด็กอีกจำนวนมากที่นั่น เขามีเพื่อนสนิทคือลูเคียกับเพื่อนอีกสามคนซึ่งอาศัยอยู่ด้วยกันมาตลอด ต่อมาเพื่อนในเขตของเขาตายหมด มีเพียงเร็นจิและลูเคียเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่ จึงตัดสินใจที่จะออกจากเมืองลูคอนไปเป็นยมทูตในสถาบันวิญญาณชินโฮ และที่นั่นเขาได้เป็นเพื่อนกับ คิระ อิซึรุ และฮินาโมริ โมโมะ แต่เมื่อลูเคียถูกคนของตระกูลคุจิกิรับไปเลี้ยง เธอก็กลายเป็นขุนนางขั้นสูงซึ่งต่างจากเร็นจิมาก ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเร็นจิก็ค่อยๆ ห่างกันไปเรื่อยๆ

ในช่วงระหว่างการฝึกภาคสนาม เร็นจิ คิระ และฮินาโมริได้ถูกฮอลโลว์ที่มีความสามารถในการพรางพลังกดดันวิญญาณของตนเองได้โจมตี แต่ทุกๆคนก็ไม่ยอมแพ้แม้จะด้อยฝีมือกว่า จนในที่สุดทั้งหมดก็ได้รับความช่วยเหลือจากไอเซ็น โซสึเกะหัวหน้าหน่วย 5 และอิชิมารุ งินรองหัวหน้าหน่วย 5 ในขณะนั้น และหลังจากจบการศึกษา ไอเซ็นได้รับเร็นจิเข้าไปในหน่วย 5 แต่เมื่ออยู่ได้สักพักก็ได้มาอยู่ที่หน่วย 11 ของซาราคิ เคมปาจิ ก่อนที่จะขึ้นเป็นรองหัวหน้าหน่วย 6 ภายใต้การบังคับบัญชาของคุจิกิ เบียคุยะ ทำให้เร็นจิเริ่มมีความหวังว่าจะสามารถกลับมาคบกับลูเคียได้อีกครั้ง รวมทั้งเขาฝันและคาดหวังมาตลอดว่าซักวันจะต้องเก่งกว่าเบียคุยะให้ได้

  • ของที่ชอบ : ของหวาน
  • ของที่เกลียด : ของเผ็ด, กาแฟ

อาหารที่เร็นจิชอบนั้น สำหรับเบียคุยะแล้วจะสลับคำตอบกันหมด

บทบาท[แก้]

ภาคแรก[แก้]

เร็นจิเดินทางมาที่โลกมนุษย์พร้อมกับเบียคุยะเพื่อจับกุมลูเคียตามคำสั่ง และได้เข้าต่อสู้กับอิชิดะ อุริวและทำให้อุริวเจ็บได้ พร้อมกับได้สู้กับ คุโรซากิ อิจิโกะ ซึ่งในตอนแรกก็สามารถไล่ต้อนได้เกือบจนมุม แต่การต่อสู้ครั้งนั้นก็ทำให้อิจิโกะปลดปล่อยพลังวิญญาณออกมาได้อย่างเต็มที่ ทำให้เร็นจิเกือบจะพ่ายแพ้ แต่ก็ได้รับความช่วยเหลือจากเบียคุยะจนรอดมาได้และพาตัวลูเคียกลับไป

ภาคโซลโซไซตี้[แก้]

เมื่อเขาอยู่ที่โซลโซไซตี้ เขาก็พบอิจิโกะกับพวกอีกครั้ง เขาต่อว่าอิจิโกะว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ลูเคียกำลังจะถูกประหาร และสู้กับอิจิโกะอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่เขาแพ้และบาดเจ็บสาหัส เร็นจิจึงขอร้องให้อิจิโกะช่วยปกป้องลูเคีย จากการทำงานล้มเหลว เขาถูกเบียคุยะสั่งขังคุก แต่ต่อมาเขาได้แหกคุกออกมา และไปฝึกการปลดปล่อยสวัสดิกะที่ที่อยู่ของโยรุอิจิพร้อมกับอิจิโกะ และเมื่อเขาทำได้ ก็รีบออกจากที่นั้นเพื่อช่วยลูเคียตามลำพัง

ระหว่างทางเขาถูกเบียคุยะเข้ามาขวาง เขาใช้ปลดปล่อยสวัสดิกะสู้แต่เพราะยังใช้ไม่ชำนาญจึงทำให้พ่ายแพ้แก่ปลดปล่อยสวัสดิกะของเบียคุยะ และถูกทำร้ายจนอาการปางตาย โชคดีที่ลูกน้องของเขา ริคิจิ ได้พา ยามาดะ ฮานาทาโร่ มาช่วยรักษาเขาจนหาย และรีบไปสมทบกับอิจิโกะที่กำลังไปขัดขวางการประหารของลูเคีย อิจิโกะเอาลูเคียออกมาจากโซเคียคุ แล้วส่งเธอให้เร็นจิ ก่อนสั่งให้เร็นจิหนีไปและปกป้องลูเคียด้วยชีวิตของเขาเอง เร็นจิรับคำแล้วหนีออกมาจากแดนประหารโดยมีลูเคียอยู่ในอ้อมแขน แต่เขากลับถูกโทเซ็น คานาเมะขวางเอาไว้และพากลับไปที่เนินประหาร และได้พบกับอิชิมารุและไอเซ็นไอเซ็นสั่งให้เขาทิ้งลูเคียเสีย เร็นจิไม่ยอมทำตามหลังจากที่ได้รู้ความจริงจากการประกาศของอิซาเนะ จึงถูกไอเซ็นทำร้ายบาดเจ็บสาหัส จนอิจิโกะมาช่วยและสู้กับไอเซ็นพร้อมกับอิจิโกะ แต่ทั้งคู่ก็ต้องพ่ายแพ้ในพริบตา และหลังจากไอเซ็นหลบหนีไป เขาก็ได้รับการรักษาจากหน่วย 4 จนหายดี

ภาคเบาท์[แก้]

เร็นจิได้รับคำสั่งให้มายังโลก เพื่อรับผิดชอบดูแลในพื้นที่เดิมของลูเคียร่วมกับอิจิโกะ โดยได้โดยกลุ่มวิญญาณดัดแปลง 3 คนปั่นหัวสารพัดจากการทดสอบของ อุราฮาร่า คิสึเกะ หลังจากผ่านมาได้ กลุ่มมนุษย์ที่มีนามว่าเบาท์ ก็เริ่มก่อการใหญ่ เร็นจิได้เข้าต่อสู้กับเบาท์ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสหลายครั้ง แต่ก็ได้รับการช่วยเหลือจากยามาดะ ฮานาทาโร่ที่เดินทางไปที่โลกหลายครั้ง จนเมื่อพวก Bount ได้เริ่มแผนบุกโซลโซไซตี้ เร็นจิได้ร่วมมือกับพรรคพวกคนอื่นๆเข้าต่อสู้ และสามารถกำจัดเบาท์นั้นก็คือูกาคิ ได้คนหนึ่งด้วยการปลดปล่อยสวัสดิกะ

เมื่อกลับมาที่โซลโซไซตี้ เขาก็ได้เป็นหนึ่งในทีมที่ทำหน้าที่สืบสวนการบุกเข้ามาของเบาท์ โดยหลังจากที่พวกเบาท์ เข้ามาในเซย์เรย์เทย์ เร็นจิได้ป้องกันภายในโดยการรับมือกับดอลล์ ของเบาท์

ในช่วงสุดท้ายของภาค เร็นจิเป็นคนหนึ่งที่จับตามองการต่อสู้ระหว่างอิจิโกะกับ คาริยะ หัวหน้าของเบาท์ จนจบการต่อสู้ในที่สุด และได้พักรักษาตัวเองอยู่ที่โซลโซไซตี้

ภาคอารันคาร์[แก้]

เร็นจิได้รับคำสั่งให้มาร่วมมือกับตัวแทนยมทูต (อิจิโกะ) พร้อมกับยมทูตอีกห้าคนคือ"คุจิกิ ลูเคีย" "มาดาราเมะ อิกคาคุ" "อายาเซะงาวะ ยูมิจิกะ" "มัตสึโมโตะ รันงิคุ" และ "ฮิซึกายะ โทชิโร่" เพื่อรับมือกับเหล่าอารันคาร์ของไอเซ็น โดยเขาได้เผชิญหน้ากับ อิลฟอร์ท แกรนซ์ อารันคาร์ลำดับที่ 15 และเนื่องจากถูกจำกัดพลังเอาไว้ ทำให้ต่อสู้อย่างยากลำบากแม้จะปลดปล่อยสวัสดิกะแล้ว แต่เมื่อเขาได้รับคำสั่งสลายการจำกัดพลัง เร็นจิจึงเอาชนะได้ในที่สุดแม้จะได้รับบาดเจ็บมาก และหลังจากนั้นเขาได้รับการร้องขอจากอุราฮาร่าให้ช่วยฝึกซ้อมให้กับแซ็ด โดยหลังจากที่โอริฮิเมะไปหาพวกอารันคาร์แล้ว เขาได้รับคำสั่งใหักลับไปที่โซลโซไซตี้เพื่อเตรียมตัวรับมือกองกำลังอารันคาร์ของไอเซ็นพร้อมกับยมทูตคนอื่นๆ

ภาค ฮูเอโก้ มุนโด้[แก้]

เร็นจิ และลูเคียได้รับการช่วยเหลือจากเบียคุยะจนสามารถเดินทางมาที่ดินแดนฮอลโลว์ได้ โดยในปราสาทยักษ์ของไอเซ็น "ลาส นอร์เซ่" เร็นจิได้โดนไล่ตามจาก ดอนโดแจ็ค บิสแตน หนึ่งในสามพี่น้องฮอลโลว์เชิญยิ้ม ซึ่งป่วนเขาตลอดเส้นทาง จนในที่สุดเขาก็ได้มาพบกับซาเอล อพอลโล่ แกรนซ์ อารันคาร์น้องชายของอิลฟอร์ทที่ถูกเร็นจิจัดการไปก่อนหน้านี้ และเป็นอารันคาร์ชั้นเอสปาด้าลำดับที่ 8 ซึ่งเร็นจิได้ปลดปล่อยสวัสดิกะเข้าต่อสู้ทันที แต่ก็โดนอาณาเขตที่ซาเอล่ากางไว้ผนึกการปลดปล่อยสวัสดิกะไว้และได้พร้อมต่อสู้กัน ซึ่งเร็นจิได้ต่อสู้อย่างยากลำบากจนกระทั่งอิชิดะได้มาถึงพร้อมกับเข้าช่วยในการต่อสู้ด้วย ซึ่งด้วยเทคนิกการต่อสู้ของทั้งสองทำให้ซาเอลอพอลโลได้รับบาดเจ็บแต่ก็รอดมาได้จากการกินพวกเดียวกันก่อนที่จะหลบไปเปลี่ยนเสื้อ ซึ่งเร็นจิและอิชิดะก็ได้อาศัยช่วงนี้หลบหนีแต่ก็ไม่อาจจะผ่านไปจากความซับซ้อนของเส้นทางภายในที่พำนักของซาเอลได้ จนซาเอลกลับมาและได้ปลดปล่อยดาบเพื่อเตรียมต่อสู้กับทั้งสองอีกครั้ง ซาเอลอพอลโลปลดปล่อยดาบฟันวิญญานและทั้งสองคนก็สู้ไม่ได้แต่หัวหน้าหน่วยที่12คุโรซึจิ มายูริ กับ เนม มาช่วยสู้จนชนะ

ภาคสงครามล้างเลือด 1000 ปี[แก้]

โดนนักรบดวงดารา จัดการอย่างสะบัดสะบอม แต่หลังจากพวกควินซี่กลับไปแล้ว ได้รับการรักษาจนพ้นขีดอันตรายได้ และได้รับการฝึกพิเศษจากหน่วย0 หลังจากฝึกฝนที่วังราชันย์เสร็จเรียบร้อย เร็นจิได้บังไครูปลักษณ์ใหม่ และจัดการหนึ่งในพวกควินซี ซุปเปอร์สตาร์

ดาบฟันวิญญาณ[แก้]

ขั้นต้น (ชิไค)[แก้]

  • ชื่อ ซาบิมารุ (ญี่ปุ่น: 蛇尾丸โรมาจิZabimaruทับศัพท์: วานรหางอสรพิษ)
  • คำปลอดปล่อย จงคำราม (ญี่ปุ่น: 咆えろโรมาจิhoero)
  • ลักษณะ เป็นดาบที่มีใบมีดจำนวนมากต่อกัน ใบมีดที่ต่อกันของซาบิมารุเกิดจากการเชื่อมของพลังกดดันวิญญาณของเจ้าของ จึงสามารถยืดได้คล้ายกับดาบแส้ที่เป็นอาวุธของยุโรปโบราณ ใบมีดจะมีเหล็กแหลมยื่นออกมาด้วย
  • รูปร่างที่แท้จริง มีสองคนคนนึ่งเป็นผู้หญิงคล้ายกับลิง ส่วนอีกคนเป็นเด็กผู้ชายมีหางเป็นงู ทั้งสองมีโซ่เป็นตัวเชื่อมกันและมีนิสัยโวยวายเหมือนกัน
  • ความสามารถ
  • รูปแบบที่1 ซาบิมารุ (วานรหางอสรพิษ) ตัวดาบที่เป็นใบมีดต่อกันสามารถยืดออกไปโจมตีศัตรูตั้งแต่ระยะกลางถึงไกลในระดับหนึ่งได้
  • รูปแบบที่2 ฮิกะเซ็คโค (ผนึกเขี้ยวบาบูนจู่โจม) เป็นการใช้ใบมีดพุ่งเข้าโจมตีศัตรูพร้อมกันรอบทิศทางได้

ขั้นปลดปล่อยสวัสดิกะ (บังไค)[แก้]

  • ชื่อ SOO Zabimaru (ญี่ปุ่น: 双王蛇尾丸โรมาจิSOO Zabimaruทับศัพท์: ราชันย์บาบูนหางงู)
  • ลักษณะ เมื่อรู้ชื่อที่แท้จริงของดาบฟะนวิญญาณ บังไคของ เร็นจิจะมีรูปแบบกะทัดรัดมากขึ้นมีการสวมใส่ร่างการเป็นส่วนใหญ่ บนข้อมือข้างขวาของเขาเร็นจิ เป็นกะโหลกศีรษะของงูที่มีฝาครอบที่ทำจากขนสัตว์สีแดงรอบฐาน สามารถขยายใบมีดขนาดใหญ่ออกมาจากปากของงู มีขนคลุมไหล่
  • ความสามารถ
  • รูปแบบที่1 Hihiō (狒々王,หัตถ์ราชันย์) มือด้านซ้าย จะมีแขนขนาดใหญ่ มีพละกำลังมหาศาล
  • รูปแบบที่2 Orochiō (オロチ王,ดาบงูราชันย์) ดาบงอกออกมาจากหัวกะโหลกจากแขนด้านซ้าย ใบดาบจะมีลักษณะเป็นหยัก
  • รูปแบบที่3 SOO Zabimaru, Zaga Teppo (双王蛇尾丸蛇牙鉄炮, ปืนคู่งูราชันย์) เมื่อแทงดาบเข้ากับร่างของศัตรู แล้วปล่อยคลื่นพลังออกมาจากกะโหลกงู ทำให้ร่างศัตรูสลายเป็นเถ้าถุลี