อัศฮาบุลอุคดูด

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

อัศฮาบุลอุคดูด (อาหรับ: أصحاب الأخدود, อักษรโรมัน: ʿaṣ'ḥābu l-ʿukhdūdi) เป็นเรื่องราวที่กล่าวถึงในซูเราะฮ์ อัลบุรูจญ์ จากอัลกุรอาน โดยเป็นเรื่องราวของผู้คนที่ถูกโยนเข้าในคูและจุดไฟเผาเนื่องจากความเชื่อต่ออัลลอฮ์[1]

เรื่องราว[แก้]

โองการที่ 4 ถึง 7 เป็นเรื่องราวผู้ศรัทธาที่ถูกเผาในคู:

โองการ ภาษาอาหรับ แปลไทย
4 قُتِلَ أَصْحَابُ الْأُخْدُودِ บรรดาเจ้าของหลุมพรางถูกสาปแช่ง
5 النَّارِ‌ ذَاتِ الْوَقُودِ ไฟที่เต็มไปด้วยเชื้อเพลิง
6 إِذْ هُمْ عَلَيْهَا قُعُودٌ ขณะที่พวกเขานั่งอยู่ตรงหน้าไฟ
7 وَهُمْ عَلَىٰ مَا يَفْعَلُونَ بِالْمُؤْمِنِينَ شُهُودٌ[2] และพวกเขารู้เห็นเป็นพยานต่อสิ่งที่บรรดาลูกน้องกระทำกับบรรดาผู้ศรัทธา[3]

จากนั้นในโองการ 8 ถึง 10 อัลกุรอานระบุต่อว่าพวกเขาถูกฆ่าเนื่องจากศรัทธาต่ออัลลอฮ์เท่านั้น:

โองการ ภาษาอาหรับ แปลไทย
8 وَمَا نَقَمُوا مِنْهُمْ إِلَّا أَن يُؤْمِنُوا بِاللَّـهِ الْعَزِيزِ الْحَمِيدِ และพวกเขามิได้แก้แค้นเขาเหล่านั้นเว้นแต่ว่าเขาเหล่านั้นศรัทธาต่อัลลอฮฺผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ
9 الَّذِي لَهُ مُلْكُ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْ‌ضِ ۚ وَاللَّـهُ عَلَىٰ كُلِّ شَيْءٍ شَهِيدٌ ผู้ซึ่งกรรมสิทธิ์แห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของพระองค์ และอัลลอฮฺนั้นทรงเป็นพยานต่อทุกสิ่งอย่าง
10 إِنَّ الَّذِينَ فَتَنُوا الْمُؤْمِنِينَ وَالْمُؤْمِنَاتِ ثُمَّ لَمْ يَتُوبُوا فَلَهُمْ عَذَابُ جَهَنَّمَ وَلَهُمْ عَذَابُ الْحَرِ‌يقِ[2] แท้จริงพวกที่ประหัตประหารบรรดาผู้ศรัทธาชายและบรรดาผู้ศรัทธาหญิง แล้วพวกเขามิได้สำนึกผิดกลับตัวนั้น พวกเขาจะได้รับการลงโทษแห่งนรกญะฮันนัม และพวกเขาจะได้รับการลงโทษแห่งการเผาไหม้[3]

ความหมายของ 'อุคดูด'[แก้]

รายงานจากอัลมุฟเราะดาตฟีเฆาะรีบิลกุรอาน "อุคดูด" (อาหรับ: أخـدود) เป็นรากศัพท์จาก "ค็อด" (อาหรับ: خـد) ซึ่งหมายถึง "คูกว้างและลึกแผ่กระจายไปทั่วแผ่นดิน"[4] สาเหตุที่มีชื่อนี้เพราะเชื่อกันว่าเป็นบริเวณที่เกิดเหตุการณ์เผาตัว[5]

ช่วงเวลาที่เกิดเหตุ[แก้]

อัลอุคดูดเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่อยู่ทางตอนใต้ของนัจญ์รอนของซาอุดีอาระเบีย 5 กิโลเมตร (3.1 ไมล์) โดยเกิดขึ้นใน ค.ศ. 520 หรือ 523 ในรัชสมัยของษูนุวาส กษัตริย์ฮิมยัรองค์สุดท้าย[5][6]

เรื่องราวในข้อมูลอื่น[แก้]

มีเรื่องราวเกี่ยวกับอัศฮาบุลอุคดูดที่ต่างกัน โดยหนึ่งในนั้นปรากฏในฮะดีษเกี่ยวกับมะลิก (อาหรับ: مَـلِـك, กษัตริย์) ที่มี ซาฮิร (อาหรับ: سَـاحِـر, ผู้วิเศษ) ในสมัยก่อนหน้ามุฮัมมัด เมื่อผู้วิเศษเริ่มแก่ชรา เขากล่าวแก่กษัตริย์ให้หาเด็กชายที่ฉลาดเพื่อเรียนรู้ ซิหร์ (อาหรับ: سِـحْـر, เวทมนตร์) จากเขา อย่างไรก็ตาม ขณะที่เด็กชายกำลังฝึกเวทมนตร์ เขาพบนักบวชขณะเดินทางไปเรียนเวทมนตร์ทุกวัน และท้ายที่สุดกลายเป็นผู้ศรัทธาในพระเจ้า ทำให้เขาสามารถช่วยคนและรักษาผู้ป่วยในวิธีที่แปลกประหลาดได้ เมื่อกษัตริย์ทราบสิ่งนี้ พระองค์สั่งให้เด็กชายละทิ้งความศรัทธานี้เสีย แต่เด็กลายปฏิเสธ ทำให้เขาถูกฆ่าตามพระราชกระแสรับสั่ง พระองค์ก็เผาผู้ที่ติดตามดีน (อาหรับ: ديـن, ศาสนา) ของเด็กชายในคูหนึ่งหรือหลายคู[7][8][9]

อิบน์ อิสฮาก-กิโยมตีความข้อความนี้เป็นการพาดพิงถึงการฆ่าชาวคริสต์แห่งนัจญ์รอนตามพระราชกระแสรับสั่งของพระเจ้าษูนุวาส ข้อมูลคริสเตียนรายงานว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นประมาณ ค.ศ. 523 ษูนุวาสหันไปนับถือศาสนายูดาห์และเปลี่ยนชื่อเป็นโยเซฟ พระองค์เสด็จไปที่นัจญ์รอนเพื่อบังคับให้ชาวคริสต์เข้ารีตศาสนายูดาห์ เมื่อพวกเขาปฏิเสธ พระองค์จึงโยนพวกเขาลงในคูหนึ่งหรือหลายคูที่เผาไหม้ทั้งเป็น[5]

มีฮะดีษเกี่ยวกับพระเจ้าทรงเลือกนบี (อาหรับ: نَـبِي, ศาสดา) ในอบิสซีเนีย แต่ผู้คนที่นั่นปฏเสธเขา ท้ายที่สุดทั้งศาสดาและผู้ติดตามถูกเผาในคู[10]

และมีรายงานว่าผู้ติดตามของดาเนียลถูกเผาในคู[11] บางคนกล่าวว่ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นหลายครั้งและหลายที่ เช่น เยเมน คอนสแตนติโนเปิล บาบิโลน อิรัก และอัชชาม; และเรื่องราวนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่เหตุการณ์เดียว[12]

อ้างอิง[แก้]

  1. "People of the Ditch".
  2. 2.0 2.1 Quran 85:4–7 "Quran (85:4–7)".
  3. 3.0 3.1 "อัลกุรอานซูเราะฮ์ที่ 85 แปลไทย".
  4. Sadr-Ameli, Sayyed Abbas. "85". An enlightening commentary into the light of the Quran. Vol. 19. Imam Ali foundation.
  5. 5.0 5.1 5.2 Encyclopaedia Of The Quran, Jane Dammen McAuliffe, vol.2, pp.147–148
  6. "Ukhdud Najran the story is narrated by Quran and successive civilizations". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2015-09-24. สืบค้นเมื่อ 2015-08-09.
  7. Abdul Malik bin Hisham Ibn Hisham, Biography of the Prophet, Darol-Ma'refah Publication, Beirut, vol.1, pp.35–36, 1355 H.Sh.
  8. Muhammad Bal'ami, History of the Prophets and Kings, Sorosh Publication, Tehran, vol.2, pp.121–122, 1378 H.Sh.
  9. "The Story of the Boy and the King from Surah al-Buruj". สืบค้นเมื่อ 6 September 2015.
  10. Barghi, Ahmad ibn Muhammad. Almahasen. Vol. 1. p. 250.
  11. Shaykh Tabarsi. Majma' al-Bayan. Vol. 10. p. 706.
  12. al-Tha'labi, Ahmad ibn Muhammad. Ghesas al-Anbia. Vol. 1. Beirut. pp. 438–439.