หมาป่าไคโยตี
หมาป่าไคโยตี ช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่: Middle Pleistocene – present (0.74–0.85 Ma)[1]:p131 | |
---|---|
![]() | |
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | สัตว์ |
ไฟลัม: | สัตว์มีแกนสันหลัง |
ชั้น: | สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม |
อันดับ: | สัตว์กินเนื้อ |
วงศ์: | หมา |
สกุล: | หมา |
สปีชีส์: | C. latrans |
ชื่อทวินาม | |
Canis latrans Say, 1823 | |
![]() | |
ถิ่นอาศัย |
หมาป่าไคโยตี (สำเนียงอเมริกัน: /kaɪˈoʊt̬i/, kaɪˈoʊt) หรือ โคโยตี (สำเนียงบริเตน: /kɔɪˈəʊti/) จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์มีแกนสันหลัง ชั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เป็นหมาป่าชนิดหนึ่ง ในตระกูลหมาใกล้เคียงกับหมาบ้าน หมาป่าไคโยตีมักออกล่าเหยื่อเดี่ยว และในบางครั้งอาจพบเจออยู่เป็นกลุ่มเล็ก ๆ ช่วงชีวิตของหมาป่าไคโยตีประมาณ 6 ปี อยู่อาศัยบริเวณทุ่งราบ และพบได้ในทวีปอเมริกาเหนือ หมาป่าไคโยตีถูกพบเจอครั้งแรกบริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา และแถบคอสตาริกา ซึ่งภายหลังหมาป่าไคโยตีได้ขยายดินแดนขึ้นมาทางอเมริกาเหนือ
ชื่อ[แก้]
ชื่อ "ไคโยตี" เป็นภาษาสเปนคำว่า โคโยเต coyote ที่มาจากประเทศเม็กซิโก ที่ยืมต่อมาจาก ภาษานาวัตล์ ของชาวแอซเทค คำว่า "coyotl" [ˈkojoːtɬ] ที่หมายถึง สุนัขร้องเพลง
รูปร่างลักษณะ[แก้]
ขนของหมาป่าไคโยตีมีอยู่หลายสี ข้างบนมีตั้งแต่สีน้ำตาลอมเทาจนถึงสีเทาอมเหลือง ส่วนตรงลำคอและท้องมักมีน้ำตาลเหลือง หรือ สีขาว ขาหน้า ข้างหัว ปาก และ ตีน มักมีสีน้ำตาลอมแดง ขนสั้นตรงหลังมักมีสีเหลืองเข้ม ปลายสีดำ ซึ่งทำให้มีลายสีดำกลางหลัง ไหล่มักมีสีเข้มเป็นเส้นขวาง ต่อมกลิ่นอยู่ตรงปลายหางมักเป็นสีดำ หมาป่าไคโยตีสลัดขนปีละครั้ง โดยเริ่มจากเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงที่สลัดขนบาง จนกระทั่งถึงเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงที่สลัดขนมากกว่า หมาป่าไคโยตีมีหูขนาดใหญ่เมื่อเปรียบเทียบกับขนาดของหัว ส่วนตีนมีขนาดเล็กเมื่อเปรียบเทียบกับขนาดของลำตัว[3]นักวิชาการหลายคนสังเกตว่ากระดูกหุ้มสมองของหมาป่าไคโยตีมีขนาดที่ใกล้เคียงกระดูกหุ้มสมองของหมาบ้านมากกว่ากระดูกหุ้มสมองของหมาป่า หมาป่าไคโยตีที่อาศัยอยู่ตามภูเขามักมีขนที่สีเข้มว่าหมาป่าไคโยตีที่อาศัยอยู่ตามทะเลทราย[4]
หมาป่าไคโยตีมีลำตัวยาวประมาณ 76–86 เซนติเมตร โดยไม่รวมหางซึ่งยาวประมาณ 30–41 เซนติเมตร ยืนสูงประมาณ 58–66 เซนติเมตร โดยวัดจากตีนถึงไหล่ มีน้ำหนักประมาณ 6.8–20.9 กิโลกรัม[5][6] หมาป่าไคโยตีพันธุ์ภาคเหนือมักตัวใหญ่กว่าหมาป่าไคโยตีพันธุ์ภาคใต้ โดยมีน้ำหนักหนักสุดคือ 33.91 กิโลกรัม ความยาวทั้งสิ้น 1.75 เมตร [7][8]
พฤติกรรม[แก้]
ส่วนมากฝูงหนึ่งมักมีหมาป่าไคโยตีที่อายุใกล้กันไม่ว่าจะโตเต็มตัวหรือกำลังเติบโตประมาณ 6 ตัว ฝูงหมาป่าไคโยตีส่วนใหญ่มักมีจำนวนน้อยกว่าฝูงหมาป่า และความสัมพันธุ์ระหว่างสมาชิกมักไม่มั่นคงเท่าความสัมพันธุ์ระหว่างสมาชิกของฝูงหมาป่า[9] ซึ่งทำให้พฤติกรรมทางสังคมของหมาป่าไคโยนีใกล้เคียงกับหมาป่าดิงโกมากกว่า[10]
การสื่อสาร[แก้]
เสียงร้องของหมาป่าไคโยตีเป็นเสียงที่สูง ไม่ว่าจะเป็นเสียงเห่าหรือหอน เสียงดั่งกล่าวอาจเป็นเสียงยาวจากต่ำไปสูงหรือจากสูงไปต่ำ (เวลาหอน) มักใช้เสียงนี้ยามกลางคืนหรือหัวค่ำ แต่บางครั้งก็อาจหอนยามกลางวัน มักใช้เสียงเหล่านี้ในยามฤดูใบไม้ผลิซึ่งเป็นฤดูผสมพันธุ์ และในยามฤดูใบไม้ร่วงซึ่งเป็นยามที่ลูกหมาป่าไคโยตีต้องจากลาจากครอบครัวเพื่อไปตั้งรากฐานใหม่เป็นของตัวเอง หมาป่าไคโยตีมักร้องเป็นเสียงสูงเมื่อเรียกฝูงตนมารวมตัว ฝูงหมาป่าไคโยตีจะหอนเสียงสูงขึ้นสูงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อมารวมตัวกันเป็นฝูงใหญ่
ในสื่ออื่น[แก้]
ในการ์ตูนเรื่องไวลี อี. ไคโยตี และโรด รันเนอร์ ไวลี อี. ไคโยตี เป็นหมาป่าไคโยตีที่ต้องวิ่งไล่จับนกโรด รันเนอร์แต่ไม่เคยสำเร็จ
ในภาพยนตร์เรื่อง โคโยตี้ อั๊กลี่ บาร์ห้าวสาวฮ็อต (Coyote Ugly) ลิล (เจ้าของบาร์) ได้ตั้งชื่อร้านตามคำสแลง ในภาษาอังกฤษจากคำว่า "coyote ugly" หมายถึง คนที่น่าเกลียดมาก ใช้กับเหตุการณ์ที่ผู้ชายหรือผู้หญิงตื่นขึ้นมาจากการร่วมหลับนอนกับคนที่เพิ่งพบกัน และสังเกตเห็นว่าคู่นอนหน้าตาน่าเกลียดมาก ไม่เหมือนกับตอนก่อนหลับนอนกัน และพยายามที่จะหนีแม้ว่าจะต้องตัดแขนตัวเองให้ขาด เปรียบเทียบกับ หมาป่าไคโยตีเมื่อเวลาติดกับดักจะพยายามดึงขาตัวเองให้หลุดออกจากกับดัก แม้ว่าขาจะขาดก็ตาม
ศัตรูของหมาป่าไคโยตี[แก้]
- 1.สุนัขจิ้งจอก
- 2.งูโบอา
- 3.มนุษย์
- 4.กวาง
- 5.แพรรีด็อก
- 6.นกอินทรี
- 7.เตกู
- 8.นกเหยี่ยว
- 9.เพียงพอน
อ้างอิง[แก้]
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อtedford2009
- ↑ Sillero-Zubiri & Hoffmann (2008). "Canis latrans". IUCN Red List of Threatened Species. 2008. สืบค้นเมื่อ May 5, 2008.CS1 maint: ref=harv (link)
- ↑ "Canis latrans". Animal Diversity Web. สืบค้นเมื่อ August 15, 2007.
- ↑ "Coyote". Lioncrusher's Domain. คลังข้อมูลเก่า เก็บจาก แหล่งเดิม เมื่อ 2008-05-03. สืบค้นเมื่อ August 15, 2007.
- ↑ "Canis latrans". Animal Diversity Web. สืบค้นเมื่อ August 15, 2007.
- ↑ Coyote (Canis latrans). University of Washington, Olympic Natural Resources Center
- ↑ "Coyote". Replay.web.archive.org. สืบค้นเมื่อ 2013-09-14.
- ↑ Boitani, Luigi, Simon & Schuster's Guide to Mammals. Simon & Schuster/Touchstone Books (1984), ISBN 978-0-671-42805-1
- ↑ Macdonald, David (1984). The Encyclopedia of Mammals: 1. London: Allen & Unwin. p. 446. ISBN 0-04-500028-X.
- ↑ Domestication: the decline of environmental appreciation by Helmut Hemmer, translated by Neil Beckhaus, Edition: 2, illustrated. Published by Cambridge University Press, 1990. ISBN 0-521-34178-7
![]() |
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: หมาป่าไคโยตี |