สวนหว่างซือ

บทความนี้เป็นบทความแปลของพนักงานดีแทคในความร่วมมือกับวิกิพีเดีย คลิกเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม
พิกัด: 31°18′01.20″N 120°37′47.60″E / 31.3003333°N 120.6298889°E / 31.3003333; 120.6298889
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

สวนโบราณเมืองซูโจว *
  แหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโก
ประเทศจีน
ภูมิภาค **เอเชีย
ประเภทวัฒนธรรม
เกณฑ์พิจารณาi, ii, iii, iv, v
อ้างอิง813
ประวัติการขึ้นทะเบียน
ขึ้นทะเบียน1997 (คณะกรรมการสมัยที่ เอเชีย)
เพิ่มเติม2000
* ชื่อตามที่ได้ขึ้นทะเบียนในบัญชีแหล่งมรดกโลก
** ภูมิภาคที่จัดแบ่งโดยยูเนสโก

สวนหว่างซือ (อังกฤษ: Master of the Nets Garden; จีนตัวย่อ: 网师园; จีนตัวเต็ม: 網師園; พินอิน: Wǎngshī Yuán) ในเมืองซูโจว (Suzhou) เป็นหนึ่งในสวนจีนโบราณทรงคุณค่าที่สุดในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งอยู่ที่เลขที่ 11 ถนนไต้เฉิงเฉี่ยว ในเขตกูซู (เดิมเรียก เขตชางหลาง) (沧浪区带城桥路阔家头巷11号) และได้รับการยกย่องเป็นแหล่งมรดกโลก โดยองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ร่วมกับสวนโบราณเมืองซูโจวแห่งอื่นๆ ด้วย การออกแบบสวนแสดงถึงทักษะชั้นสูงของนักออกแบบซึ่งสามารถผสมผสานศิลปะ ธรรมชาติ และสถาปัตยกรรมเข้าด้วยกันอย่างงดงามและเป็นหนึ่งเดียวได้ สวนหว่างซือได้รับการชื่นชอบเป็นอย่างมากโดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ศึกษาการออกแบบในด้านมิติ ความชัดลึก ความแตกต่างหรือตัดกัน และการหยิบยืมมุมมอง (borrowed scenery)

ประวัติ[แก้]

สวนหว่างซือถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1140 มีชื่อว่า โถงหนึ่งหมื่นเล่ม (อังกฤษ: Ten Thousand Volume Hall; จีนตัวย่อ: 万卷堂) โดย สือเจิ้งจี้ (Shi Zhengzhi; 史正志) ผู้มีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยเสนาบดี สมัยการปกครองของราชวงศ์ซ่งใต้ ซึ่งตรงกับตำแหน่ง "ผู้ช่วยรัฐมนตรีฝ่ายกิจการพลเรือน (the Deputy Civil Service Minster)" ในปัจจุบัน[1] ซึ่งเขาได้รับแรงบันดาลใจจากชีวิตอันเรียบง่ายและสันโดษของชาวประมงที่อยู่ในงานเขียนของปรัชญาจีน หลังจากที่เขาเสียชีวิตลง สวนหว่างซือก็ผ่านการเป็นเจ้าของจากผู้คนจำนวนมาก และในปี ค.ศ. 1785 ซึ่งเป็นช่วงที่ตกต่ำ สวนแห่งนี้ก็ได้รับการบูรณะใหม่โดยซ่ง จงหยวน (Song Zongyuan; 宋宗元) ข้าราชการเกษียณอายุสมัยราชวงศ์ชิง [1] เขาได้ปรับปรุงการออกแบบสวนใหม่อย่างมาก และยังเพิ่มจำนวนอาคารภายในสวนอีกหลายแห่ง แต่ยังคงจิตวิญญาณของสวนแห่งนี้ไว้ โดยเขามักเรียกตัวเองว่าเป็นชาวประมง และเปลี่ยนชื่อสวนเป็น "สวนเจ้าของอวน (Master of the Nets Garden)" ที่มีความเกี่ยวโยงถึงชีวิตที่เรียบง่ายของชาวประมง

ต่อมาในปี ค.ศ. 1795 ได้เปลี่ยนเจ้าของเป็น ชูหย่วนคุน (Qu Yuancun; 瞿远村) นักวิชาการผู้มีความเชี่ยวชาญเรื่องประวัติศาสตร์และวรรณคดี เขาได้เพิ่มเติมและปรับเปลี่ยนอาคาร เพิ่มต้นไม้ และจ้ดวางหินใหม่ ในช่วงเวลานี้สวนหว่างซือได้รับฉายาว่า สวนชู (Qu's Garden) และยังได้รับการชื่นชมจากนักวิจารณ์เป็นครั้งแรก เมื่อเจ้าของเปลี่ยนเป็น หลี่หงยี่ (Li Hongyi; 李鸿裔) ข้าราชการในองค์พระจักรพรรดิและนักเขียนอักษรวิจิตรในปี ค.ศ. 1868 [1] เขาได้จารึกหินกว่าครึ่งที่อยู่ในสวนแห่งนี้ ต่อมามีการเปลี่ยนมือเจ้าของเป็นเหอซัวฉาง (He Chang; 和收藏) ในปี ค.ศ. 1940 ผู้ซึ่งบูรณะปรับปรุงสวนใหม่และยังเลี่ยนชื่อสวนกลับมาเป็นชื่อ "สวนหว่างซือ (Master of Nets Garden)" อีกครั้ง[1] ซึ่งเขาได้เขียนไว้ในพินัยกรรมระบุให้ทายาทบริจาคสวนแห่งนี้ให้แก่ทางการ ดังนั้นในปี ค.ศ. 1958 เหอเจอหุย (He Zehui) ลูกสาวของเขาจึงได้ส่งมอบสวนนี้ให้แก่เมืองซูโจว

ช่วงศตวรรษที่ 18 สวนหว่างซือได้รับการยอมรับในความมีชื่อเสียงด้านดอกโบตั๋น (peonies) เฉียนต้าซิน (Qian Daxin) ระบุไว้ในจดหมายเหตุสวนหว่างซือ (Notes on the Master of Nets Garden) ของเขาว่า "เป็นการผสมผสานอันรื่นรมย์ของหมู่บ้านและเมือง (A good integration of the delights of the village and town)"[1] นักวิจารณ์สมัยใหม่ เฉินฉงซู (Chen Congzhou) ก็ได้กล่าวถึงสวนนี้ไว้ในหนังสือสวนจีนโบราณที่มีชื่อเสียง (Famous Classical Gardens of China) ว่าเป็นสวนที่ดีที่สุดของศิลปะสวนจีนโบราณ [1]

การออกแบบ[แก้]

พื้นที่สวนทั้งหมดประมาณ 5,400 ตารางเมตร ซึ่งแบ่งพื้นที่เป็นส่วนตะวันออกและตะวันตก[2] สวนตะวันออกประกอบด้วยอาคารที่พักอาศัย ในขณะที่บริเวณสวนจะอยู่ทางฝั่งตะวันดก

สวนตะวันออกที่เป็นส่วนที่พักอาศับ ประกอบด้วยโถงต่างๆ เรียงรายตามลำดับถึง 4 โถง รวมถึงสวน 4 แห่ง ส่วนสวนตะวันตกประกอบด้วยอาคารต่างๆ ล้อมรอบสระเมฆสีกุหลาบ (Rosy Cloud Pool) ขนาดพื้นที่ 334 ตารางเมตร ประดับด้วบหินและต้นไม้ต่างๆ ที่สร้างสรรค์ความงามให้แก่สวนหว่างซือ และสร้างมุมมองที่เป็นตัวแทนของหลายๆ ฤดู มีศาลาแปดหลี่ยมริมมสระน้ำ องค์ประกอบที่โดดเด่นสองส่วนคือ ต้นสนไซปรัสโบราณตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิง (Barrier of Cloud grotto) และสนที่มีอายุหลายร้อยปี พื้นที่ทางทืศใต้ของสระน้ำเคยถูกใช้เป็นที่สังสรรค์พบปะ ส่วนพื้นที่ทางทิศเหนือของสระน้ำเคยถูกใช้เป็นสถานที่เรียนรู้ อาคารต่างๆ โดยรอบสระน้ำถูกจัดวางให้อยู่ใกล้กับน้ำมาก โดยอาคารขนาดเล็กจะตั้งอยู่บนโขดหินหรือยื่นลงไปในน้ำ ส่วนอาคารขนาดใหญ่จะมีสวนเล็กๆ กั้นระหว่างอาคารและสระน้ำ

ดูเพิ่ม[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. 1.00 1.01 1.02 1.03 1.04 1.05 1.06 1.07 1.08 1.09 1.10 1.11 1.12 1.13 1.14 World Cultural Heritage, 2004
  2. Suzhou, 2009

บรรณานุกรม[แก้]

  • Suzhou China (2009), The Master-of-Nets Garden, คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-04-26, สืบค้นเมื่อ 2009 {{citation}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]

  • Terebess Hungary LLC. (2009), The Master-of-Nets Garden, สืบค้นเมื่อ 2009 {{citation}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)

31°18′01.20″N 120°37′47.60″E / 31.3003333°N 120.6298889°E / 31.3003333; 120.6298889