สมเด็จพระราชินีดรากาแห่งเซอร์เบีย
สมเด็จพระราชินีดรากาแห่งเซอร์เบีย | |
---|---|
ดรากีจา มิโครวิช ลุยจิเคีย สมเด็จพระราชินีมาเรียแห่งเซอร์เบีย | |
สมเด็จพระราชินีแห่งเซอร์เบีย | |
ประสูติ | 11 กันยายน พ.ศ. 2407 ณ ราชอาณาจักรเซอร์เบีย |
สวรรคต | 11 มิถุนายน พ.ศ. 2446 (38 พรรษา) ราชอาณาจักรเซอร์เบีย |
พระราชสวามี | เซโตเรส มาซิน พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 1 แห่งเซอร์เบีย |
สมเด็จพระราชินีมาเรียแห่งเซอร์เบีย | |
ราชวงศ์ | ราชวงศ์โอเบรโนวิก |
พระราชบิดา | เพนเตลิจา ลุยจิเคีย |
พระราชมารดา | อินจาโคโรวิช |
สมเด็จพระราชินีดรากาแห่งเซอร์เบีย (อังกฤษ: Draga Mašin)
พระราชประวัติ
[แก้]สมเด็จพระราชินีดรากา ทรงมีพระนามเดิมว่า ดรากีจา มิโครวิช ลุยจิเคีย หรือพระนามลำลองว่า ดรากา เสด็จพระราชสมภพ ณ ราชอาณาจักรเซอร์เบีย เป็นธิดาใน เพนเตลิจา ลุยจิเคีย กับ อินจาโคโรวิช พระราชบิดาของพระองค์เป็นนายอำเภอเมืองแอนโดรวิช โดยพระองค์ทรงมีพระพี่น้อง 7 คน พระองค์เป็นคนที่ 6 โดยพระราชมารดาของพระองค์เสียชีวิตจากอาการติดสุรา
สมเด็จพระราชินีแห่งเซอร์เบีย
[แก้]พระองค์ทรงเข้าพระราชพิธีอภิเษกสมรสกับ พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 1 แห่งเซอร์เบีย โดยได้รับการสถนาปนาเป็น สมเด็จพระราชินีดรากาแห่งเซอร์เบีย โดยก่อนที่ทั้ง 2 จะเสกสมรสกับ พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ ได้มีพระราชดำรัสต่อหน้าประชาชนเรื่องทรงหมั้นกับสามัญชนนคนนี้ แต่เป็นกระแสวิพากษ์เป็นอย่างมากด้วยเหตุความไม่เหมาะสม ซึ่ง สมเด็จพระราชินีนาตาลีแห่งเซอร์เบีย พระราชมารดาของพระราชสวามีคัดค้านเป็นอย่างมาก อันทรงพ้นถึงราชบัลลังก์ แต่อย่างไรก็ตามทั้ง 2 สามารถพ้นจากวิกฤตครั้งนี้ไปได้
เหตุการณ์ลอบปลงพระชนม์
[แก้]ผลโดยทั่วไปคือ วุฒิสภาได้รับการสนับสนุนจากพระมหากษัตริย์และสมเด็จพระราชินีมากที่สุดและรัฐบาลก็ได้รับเสียงข้างมากในการเลือกตั้งทั่วไป พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ไม่ทรงลังเลอีกต่อไปโดยทรงประกาศให้พระเชษฐาของสมเด็จพระราชินีดรากาดำรงเป็นรัชทายาทโดยสมมติ ทั้งๆที่มีการตกลงกับรัฐบาลเซอร์เบียไว้แล้วว่า เจ้าชายมีร์โกแห่งมอนเตเนโกร ผู้ซึ่งอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงนาตาลียา ตอนสแตนติโนวิกที่เป็นพระนัดดาในเจ้าหญิงอันกา โอเบรโนวิก ผู้ทรงมีศักดิ์เป็นพระปิตุจฉาในพระเจ้ามิลาน ควรจะเป็นองค์รัชทายาทสืบต่อเมื่อพระเจ้าอเล็กซานเดอร์และสมเด็จพระราชินีดรากาทรงไร้รัชทายาท[1]
เห็นได้ชัดว่าเพื่อป้องกันไม่ให้พระเชษฐาของสมเด็จพระราชินีดรากาได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาท แต่ในความเป็นจริงเป็นการพยายามแทนที่พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ โอเบรโนวิกด้วยปีเตอร์ คาราดอร์เจวิก กลุ่มผู้ก่อการถูกจัดตั้งขึ้นโดยกลุ่มทหารนำโดยดรากูทิน ดิมิทรีเจวิก ซึ่งเป็นที่รู้จักในนามว่า "เอพิส" ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยจักรวรรดิรัสเซีย[2] และเอพิสเป็นหัวหน้าของสมาคมลับ แบล็กแฮนด์ องค์กรที่ต่อมาทำการลอบปลงพระชนม์อาร์ชดยุกฟรันซ์ แฟร์ดีนันด์แห่งออสเตรียในปีค.ศ. 1914 นักการเมืองหลายคนก็เป็นส่วนหนึ่งของผู้ก่อการและอดีตนายกรัฐมนตรีนิโกลา พาสิกก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดเช่นกัน[3] พระราชวังได้ถูกบุกรุก ทั้งสองพระองค์ทรงหลบซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้าในห้องบรรทมของสมเด็จพระราชินี และยังมีความเป็นไปได้อื่นอีกในละครโทรทัศน์ประวัติศาสตร์เซอร์เบีย เรื่อง "อวสานราชวงศ์โอเบรโนวิก" ซึ่งทั้งสองพระองค์ได้หลบซ่อนในเซฟรูมที่ถูกซ่อนไว้หลังกระจกในห้องบรรทม ห้องได้มีทางเข้าลับที่จะนำออกนอกพระราชวังได้ แต่ทางเข้าไม่สามารถเข้าได้เนื่องจากตำแหน่งตู้เสื้อผ้าของสมเด็จพระราชินีได้ปิดทางไว้หลังงานพระราชพิธีอภิเษกสมรส
ผู้ก่อการได้ค้นหาทั่วพระราชวังและในที่สุดก็ค้นพบและปลงพระชนม์ทั้งสองพระองค์ในเช้าตรู่ของวันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ. 1903 พระเจ้าอเล็กซานเดอร์และสมเด็จพระราชินีดรากาทรงถูกยิง พระศพถูกทำลายและถูกควักเอาเครื่องในออกมา ตามบันทึกของพยาน ร่างของทั้งสองพระองค์ได้ถูกโยนลงมาจากหน้าต่างชั้นสองลงสู่กองปุ๋ยคอกในสวนของพระราชวัง[3] ในคืนเดียวกัน พระเชษฐาของสมเด็จพระราชินีคือ นิโกดิเยและนิโกลา ลุนเยวิกาได้ถูกสังหาร นายกรัฐมนตรีนายพลดิมิทรีเย ซินซา-มาร์โกวิกและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มิโลวาน ปาฟโลวิกถูกสังหารในที่พำนัก พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ขณะนั้นทางมีพระชนมายุ 26 พรรษา พระบรมศพของทั้งสองพระองค์ถูกฝังไว้ที่โบสถ์เซนต์มาร์ค กรุงเบลเกรด
เหรียญ
[แก้]- Dame Grand Cross of the Order of Miloš the Great (Kingdom of Serbia, 1900).[4]
- ↑ Leroy, Pierre Olivier (2004). "Biography of Prince Mihajlo Petrovic Njegos". The Njegoskij Fund Public Project. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-09-27. สืบค้นเมื่อ September 28, 2007.
- ↑ C. L. Sulzberger, The Fall of Eagles, p.202, Crown Publishers, New York, 1977
- ↑ 3.0 3.1 Sulzberger, p.202
- ↑ Vhkcs