ศาลเจ้าโชเซ็ง
ศาลเจ้าโชเซ็ง | |
ฮันกึล | 조선신궁 |
---|---|
ฮันจา | |
อาร์อาร์ | Joseon Singung |
เอ็มอาร์ | Chosŏn Singung |
ศาลเจ้าโชเซ็ง (เกาหลี: 조선신궁, อักษรฮันจา: 朝鮮神宮; ภาษาญี่ปุ่นแบบเฮปเบิร์น: Chōsen Jingū) เป็นศาลเจ้าชินโตที่สำคัญที่สุดในประเทศเกาหลีตั้งแต่ ค.ศ. 1925 ถึง 1945 ในสมัยการปกครองของญี่ปุ่น
เบื้องหลัง
[แก้]หลังญี่ปุ่นผนวกเกาหลีใน ค.ศ. 1910 รัฐบาลญี่ปุ่นได้ดำเนินการตามนโยบายกระบวนการกลายเป็นญี่ปุ่น (Japanization) ซึ่งรวมไปถึงการสักการะที่ศาลเจ้าชินโต เช่นเดียวกันกับการแสดงออกทางการเมืองต่อความรักประเทศชาติเป็นข้อปฏิบัติทางศาสนา[1][2] ตั้งแต่ ค.ศ. 1925 นักเรียนในโรงเรียนจะต้องเข้าไปในศาลเจ้าชินโต และใน ค.ศ. 1935 มีการบังคับให้นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยและข้าราชการจะต้องเข้าร่วมพิธีศาสนาชินโต[3][4] จนถึง ค.ศ. 1945 มีศาลเจ้าในเกาหลีที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐชินโต (State Shinto) รวม 1,140 แห่ง[3]
โชเซ็งจิงงูถูกสร้างขึ้นใน ค.ศ. 1925 ที่ยอดเขานัมซานในเมืองเคโจ เพื่ออุทิศแด่เทพีอามาเตราซุกับจักรพรรดิเมจิ ตัวอาคารมีรูปแบบสถาปัตยกรรมชินเม-ซูกูริตามศาลเจ้าอิเซะ[5][6] ไม่กี่เดือนหลังเกาหลีเป็นเอกราชจากญี่ปุ่น โชเซ็งจิงงูจึงถูกทำลายในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1945 และใน ค.ศ. 1970 ได้มีการสร้าง "อนุสรณ์สถานรักชาติ อัน จุง-กึน" ในบริเวณที่เคยเป็นศาลเจ้า เพื่อยกย่องอัน จุง-กึน ผู้ลอบสังหารอิโต ฮิโรบูมิ ผู้ตรวจราชการชาวญี่ปุ่นคนแรก[2][7]
ดูเพิ่ม
[แก้]- รัฐชินโต (State Shinto)
- ศาสนาชินโตในประเทศเกาหลี
- เกาหลีภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น
- การจัดอันดับศาลเจ้าชินโตในระบบสมัยใหม่ (Modern system of ranked Shinto Shrines)
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Sung-Gun Kim (1997). "The Shinto Shrine Issue in Korean Christianity under Japanese Colonialism". Journal of Church and State. 39: 503–521. doi:10.1093/jcs/39.3.503.[ลิงก์เสีย]
- ↑ 2.0 2.1 Wakabayashi, Ippei. "Ahn Jung-geun and the Cultural Public Sphere" (PDF). Bunkyo University. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 13 June 2011. สืบค้นเมื่อ 31 March 2011.
- ↑ 3.0 3.1 Grayson, James H. (1993). "Christianity and State Shinto in Colonial Korea: A Clash of Nationalisms and Religious Beliefs". Diskus. British Association for the Study of Religions. 1 (2): 13–30. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-09-05. สืบค้นเมื่อ 2011-04-27.
- ↑ Wagner, Edward W.; และคณะ (1990). Korea Old and New: A History. Harvard University Press. p. 315. ISBN 0-9627713-0-9.
- ↑ "Chōsen Jingū". Genbu.net. สืบค้นเมื่อ 31 March 2011.
- ↑ Hiura, Satoko (2006). "朝鮮神宮と学校 : 勧学祭を中心に". Japan Society for the Historical Studies of Education. National Institute of Informatics. 49: 110–112.
- ↑ Keene, Donald (2002). Emperor of Japan: Meiji and his World, 1852-1912. Columbia UP. pp. 664ff.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้](ในภาษาญี่ปุ่น) Chōsen Jingū (plan and photographs)
- 1931 photograph เก็บถาวร 2016-03-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน