วันอาทิตย์ทมิฬ (1972)
วันอาทิตย์ทมิฬ | |
---|---|
เป็นส่วนหนึ่งของ เดอะทรับเบิลส์ | |
สถานที่ | เดอร์รี, ไอร์แลนด์เหนือ |
พิกัด | 54°59′49″N 7°19′32″W / 54.9969674°N 7.3255581°W |
วันที่ | 30 มกราคม ค.ศ.1972 16:10 (UTC+00:00) |
ประเภท | เหตุกราดยิง |
อาวุธ | L1A1 SLR rifles |
ตาย | 14 (เสียชีวิตทันที 13 คน อีก 1 คนเสียชีวิตหลายเดือนต่อมา) |
เจ็บ | มากกว่า 15 (12 คนถูกยิง อีกสองถูกรถชน ส่วนคนอื่นถูกกระสุนยางและสะเก็ด) |
ผู้ก่อเหตุ | กองทัพบกสหราชอาณาจักร (กรมพลร่ม) |
วันอาทิตย์ทมิฬ (ไอริช: Domhnach na Fola)[1] หรือบางครั้งอาจเรียกว่า การสังหารหมู่บ็อกไซต์[2] เป็นเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 1972 ในเขตบ็อกไซต์ของเมืองเดอร์รี ไอร์แลนด์เหนือ โดยกลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องสิทธิพลเมือง 26 คน ถูกยิงโดยกรมพลร่มแห่งกองทัพบกอังกฤษ ระหว่างการเดินชุมนุมของสมาพันธ์สิทธิพลเมืองไอร์แลนด์เหนือ[3] จนมีผู้เสียชีวิตทันที 13 คน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นวัยรุ่น 7 คน และยังมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนในอีก 4 เดือนครึ่งให้หลัง ผู้ชุมนุม 2 คนได้รับบาดเจ็บ เมื่อพวกเขาถูกไล่ตามโดยพาหนะของกองทัพ[4] มีพยานหลายคน รวมทั้งผู้เห็นเหตุการณ์และนักหนังสือพิมพ์ ซึ่งระบุได้ชัดเจนว่ากลุ่มผู้ชุมนุมที่ถูกยิงนั้นมิได้มีอาวุธ ซึ่งมีผู้ชุมนุม 5 คน ได้รับบาดเจ็บจากการโดนยิงเข้าทางด้านหลัง[5]
รัฐบาลอังกฤษได้จัดตั้งผู้สืบสวน 2 คน โดยบารอน จอห์น วิดเจอรี ซึ่งถูกแต่งตั้งขึ้นหลังจากเหตุการณ์ในทันที ได้กล่าวโทษทหารและทางการอังกฤษอย่างกว้างขวาง จอห์นได้อธิบายถึงการยิงดังกล่าวว่าเป็น "เป็นรอยต่อของความบ้าระห่ำ"[6][7][8] รวมทั้งเสนาธิการของนายโทนี่ แบลร์ โจนาธาน โพเวลล์[9] การสืบสวนซาวิลล์ถูกจัดตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1998 เพื่อสืบสวนเหตุการณ์อีกครั้ง หลังสืบสวนเป็นเวลา 12 ปี มีการเปิดเผยรายงานต่อสาธารณะในปี ค.ศ. 2010 สรุปว่าการสังหารหมู่นี้ "ไม่ชอบธรรม" และ "ไม่มีเหตุอันควร" การสืบสวนพบว่าผู้ถูกยิงปราศจากอาวุธ ไม่มีท่าทีคุกคาม ไม่มีการขว้างปาระเบิด และทหาร "ตั้งใจอ้างคำบอกเล่าเท็จ" เพื่อสนับสนุนการก่อเหตุ[10][11] ทหารที่ก่อเหตุปฏิเสธว่ามิได้ยิงบุคคลตามที่ปรากฏชื่อและปฏิเสธว่ามิได้ยิงใครด้วยความผิดพลาด[12] ขณะที่เดวิด แคเมอรอน นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักรแสดงความเสียใจอย่างเป็นทางการเมื่อมีการเปิดเผยรายงาน[13]
การรณรงค์ของกองทัพสาธารณรัฐนิยมชั่วคราวไอริชเพื่อต่อต้านการแบ่งแยกไอร์แลนด์ได้เริ่มขึ้น 2 ปีก่อนหน้าเหตุการณ์วันอาทิตย์ทมิฬ แต่เหตุการณ์วันดังกล่าวได้เพิ่มสถานะขององค์กรและมีประชาชนเข้าเป็นสมาชิกจำนวนมาก[14] เหตุการณ์ดังกล่าวยังนับว่าเป็นเหตุการณ์สำคัญในความขัดแย้งทางการเมืองในไอร์แลนด์เหนือ เนื่องจากผู้ลงมือเป็นทหาร มิใช่กำลังกึ่งทหาร และกระทำในที่เปิดเผย[2]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ CAIN: Posters - Examples of Bloody Sunday Posters
- ↑ 2.0 2.1 Eamonn McCann (2006). The Bloody Sunday Inquiry - The Families Speak Out. London: Pluto Press. ISBN 0-7453-2510-6. P. 4-6
- ↑ "Widgery Report". CAIN. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-09-23. สืบค้นเมื่อ 2007-05-18.
- ↑ 'Bloody Sunday', Derry 30 January 1972 - Names of the Dead and Injured เก็บถาวร 2011-08-06 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน CAIN Web Service, 23 March 2006. Retrieved 27 August 2006.
- ↑ Extracts from 'The Road to Bloody Sunday' by Dr. Raymond McClean เก็บถาวร 2019-01-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Retrieved 2007-02-16.
- ↑ David Granville (28 July 2005). "More 'butcher' than 'grocer'". The Morning Star. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-12-02. สืบค้นเมื่อ 18 May 2007.
- ↑ Nick Cohen (1 February 2004). "Schooled in scandal". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 2007-05-18.
- ↑ "1972: 'Bloody Sunday' report excuses Army". BBC News. สืบค้นเมื่อ 2007-05-18.
- ↑ Nicholas Watt (19 March 2008), McGuinness: there was no need for Bloody Sunday inquiry, The Guardian, สืบค้นเมื่อ 31 December 2012
- ↑ "Bloody Sunday inquiry: key findings". The Guardian. 15 June 2010. สืบค้นเมื่อ 10 November 2015.
- ↑ McDonald, Henry; Norton-Taylor, Richard (10 June 2010). "Bloody Sunday killings to be ruled unlawful". The Guardian. London. สืบค้นเมื่อ 12 June 2010.
- ↑ Principal Conclusions and Overall Assessment of the Bloody Sunday Inquiry. The Stationery Office. pp. 36–37
- ↑ "Bloody Sunday report published". BBC. 15 June 2010. สืบค้นเมื่อ 8 April 2011.
- ↑ Peter Pringle & Philip Jacobson (2000). Those Are Real Bullets, Aren't They?. London: Fourth Estate. ISBN 1-84115-316-8. P. 293: "Youngsters who had seen their friends die that day flocked to join the IRA..."