ข้ามไปเนื้อหา

ลอว์เรนซ์ คายน์ แสนพลออน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก ลอว์เรนซ์ คายแสนพรออน)

ลอว์เรนซ์ คายน์ แสนพลอ่อน ( ไทย: ลอเรนซ์ คายน์ แสนพลอ่อน, อักษรโรมัน: Most Rev. Lawrence Kai Sean-Phon-On , 17 สิงหาคม ค.ศ. 1928 – 24 กรกฎาคม ค.ศ. 2007 ) เป็น อัครมุขนายกกิตติคุณแห่งอัครมุขมณฑลท่าแร่-หนองแสง ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2523 จนกระทั่งเกษียณอายุในปี 2547 (6 มีนาคม 2523 - 14 พฤษภาคม 2547)[1]

ลอเรนซ์ คายน์ แสนพลอ่อน
อัครมุขนายกมิสซังโรมันคาทอลิกท่าแร่-หนองแสง
ดำรงตำแหน่ง
6 มีนาคม 2523 – 14 พฤษภาคม 2547
ก่อนหน้ามีคาแอล เกี้ยน เสมอพิทักษ์
ถัดไปหลุยส์ จำเนียร สันติสุขนิรันดร์
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด14 สิงหาคม 2471 (79 ปี)
บ้านทุ่งมน จังหวัดสกลนคร ประเทศไทย
เสียชีวิต24 กรกฎาคม พ.ศ. 2550
ที่ไว้ศพสุสานวัดอัครเทวดามีคาเอลท่าแร่
เชื้อชาติไทย
บุพการีนายคารและนางจันที แสนพลอ่อน
"ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยความพากเพียร ผ่านกางเขน สู่แสงสว่าง"

ประวัติส่วนตัว[แก้]

พระอัครสังฆราชลอเรนซ์ คายน์ แสนพลอ่อน เกิดเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ค.ศ. 1928 ที่บ้านทุ่งมน ตำบลเชียงเครือ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร เป็นบุตรของนายคารและนางจันที แสนพลอ่อน เมื่ออายุได้ 5 ขวบ บิดาของพระคุณเจ้าเสียชีวิต สองปีต่อมามารดาก็เสียชีวิต ทิ้งให้พระคุณเจ้าและน้องสาวอยู่ในความอุปการะของคุณยาย

การศึกษาและชีวิตกระแสเรียก[แก้]

พระอัครสังฆราชลอเรนซ์เริ่มการศึกษาที่บ้านเณรพระหฤทัยหนองแสง จังหวัดนครพนม ต่อมาศึกษาต่อที่บ้านเณรบางนกแขวก จังหวัดสมุทรสงคราม ภายใต้การอบรมของคณะซาเลเซียน และต่อที่เยเนรัล คอลเลจ บู เลาตีกุส ปีนัง ประเทศมาเลเซีย จนจบหลักสูตร ได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์เมื่อวันที่ 16 มกราคม ค.ศ. 1957 โดยพระสังฆราชมิแชล มงคล (อ่อน) ประคองจิต

เมื่อวันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 1980 สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 แต่งตั้งท่านเป็นพระอัครสังฆราชแห่งอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง และได้รับอภิเษกเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ค.ศ. 1980 ที่อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่

คติพจน์ประจำสมณสมัย[แก้]

  • “OMNIA POSSUM IN EO QUI ME CONFORTAT” (ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยความพากเพียร)
  • “Per Crucem Ad Lucem” (ผ่านกางเขน สู่แสงสว่าง)

ประวัติการทำงาน[แก้]

  • ค.ศ. 1957-1958: ผู้ช่วยอธิการโบส์ถอาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่
  • ค.ศ. 1959-1961: อาจารย์ภาษาอังกฤษโรงเรียนเซนต์ยอแซฟ ท่าแร่
  • ค.ศ. 1961-1962: ดูงานและช่วยงานอภิบาลที่สหรัฐอเมริกาและยุโรป
  • ค.ศ. 1962-1967: อธิการและผู้จัดการโรงเรียนเซนต์ยอแซฟท่าแร่
  • ค.ศ. 1967-1969: อธิการโรงเรียนวรสารพิทยา กรุงเทพฯ ผู้ช่วยอธิหารวัดนักบุญยอแซฟ ตรอกจันทน์และช่วยงานอภิบาลวัดแม่พระประจักษ์เมืองลูร์ด หัวตะเข้
  • ค.ศ. 1969-1976: อธิการบ้านเณรฟาติมาท่าแร่ ครูใหญ่ ผู้จัดการโรงเรียนยอแซฟ ท่าแร่
  • ค.ศ. 1976-2005: เจ้าอธิการวัดพระหฤทัยคู่ สกลนคร

ผลงานสำคัญ[แก้]

ด้านศาสนา:

  • เป็นบุคคลสำคัญในการยื่นเรื่องขอแต่งตั้งบุญราศรีแห่งสองคอน

สังคมและวัฒนธรรม:

  • ผู้บุกเบิกเริ่มต้น เทศกาลแห่งดาวคริสต์มาส  จนกลายเป็น เทศกาลสำคัญประจำปีของจังหวัดสกลนคร

การศึกษาและเศรษฐกิจ:

  • ก่อตั้งโรงเรียนในเครือเซนต์ยอแซฟตามจังหวัดและอำเภอใหญ่หลายแห่ง
  • ลงทุนในด้านการเลี้ยงสัตว์และการเกษตร แม้ประสบภาวะขาดทุนบ้าง

การแพร่ธรรมทางสื่อวิทยุ:

  • เริ่มรายการ “ระฆังชีวิต” ทางสถานีวิทยุกระจายเสียง F.M. ความถี่ 101.75Mhz
  • เริ่มสถานีวิทยุชุมชนท่าแร่ เครือข่ายศูนย์สังคมพัฒนาอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง ในความถี่ 104.50Mhz

พระอัครสังฆราชลอเรนซ์ คายน์ แสนพลอ่อน เป็นผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกลในด้านการศึกษาและการแพร่ธรรมผ่านสื่อวิทยุ ทำให้การพัฒนาของอัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง ก้าวหน้าและเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการศาสนาและการศึกษา

วาระสุดท้ายแห่งชีวิต[แก้]

พระอัครสังฆราชลอเรนซ์ คายน์ มีโรคประจำตัวคือโรคเบาหวาน เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ค.ศ. 2002 นายแพทย์สมบูรณ์ จิระวัฒนาสมกุล พบเนื้อร้ายในตับและแนะนำให้เข้ารับการรักษา ท่านได้รับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ กรุงเทพฯ พบว่าเป็นมะเร็งในตับ แต่ท่านยังคงเดินทางไปสหรัฐอเมริกา หลังจากเดินทางกลับมา ท่านยังคงทำหน้าที่นายชุมพาบาลอย่างเข้มแข็ง

วันที่ 27 เมษายน ค.ศ. 2007 หลังเป็นประธานพิธีมิสซาขอบพระคุณหน้าศพมารดาของคุณพ่อทวีชัย ศรีวรกุล ท่านอาการอ่อนเพลีย และถูกส่งเข้ารักษาที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 2007 ท่านเดินทางกลับอัครสังฆมณฑลเพื่อพักรักษาตัวที่บ้านริมหนองหาร แต่สุขภาพยังไม่ดีขึ้น และถูกส่งรักษาที่โรงพยาบาลสกลนคร ท่านเสียชีวิตเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 2007 สิริอายุ 79 ปี

ประวัติที่น่าสนใจ[แก้]

ที่บ้านทุ่งมน อำเภอเมืองสกลนคร มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อท่านยังเป็นเด็ก ท่านป่วยหนักโดยแม่ของท่านเป็นชาวคริสต์คาทอลิก ได้ขอพรพระเจ้าให้พระคุณเจ้าหายป่วยและมีชีวิตอยู่ต่อไป โดยมีสัญญาว่าจะถวายลูกของท่านให้บวชเป็นบาทหลวงหากเขามีชีวิตอยู่

ในวัยเป็นนักเรียนคาทอลิกอายุ 12-15 ปี ช่วงสงครามอินโดจีน ท่านเรียนในโรงเรียนของรัฐ และโดนสั่งปิดโรงเรียนเนื่องจากเป็นโรงเรียนที่มีผู้นับถือคริสต์ศาสนา

ด้วยความเป็นผู้นำโดยธรรมชาติในความศรัทธาต่อพระเจ้าของพระคุณเจ้า พระคุณเจ้าลอว์เรนซ์คายน์ ต้องเผชิญกับการทรมานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เบียดเบียนศาสนา จากความเข้าใจผิด และท่านต้องทนทุกข์ในบริเวณโรงเรียน ครูใหญ่ของโรงเรียนยังเคยพาท่านออกจากห้องเรียนและขังไว้ในห้องทำงาน ทำให้ได้รับบาดเจ็บจากการทุบตี ทุบหัวจากตำรวจซ้ำแล้วซ้ำ ซึ่งพยายามให้เขาปฏิเสธความศรัทธาของเขา

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่โรงเรียนและเรียกท่านไป และใช้ปืนเพื่อขู่ลักษณะเพื่อขู่ว่าถ้าท่านไม่ทิ้งความเชื่อในพระเยซู เขาจะยิงท่านทิ้ง ต่อมาตำรวจยังคงกลั่นแกล้งโดยเรียกรวมแถวนักเรียนคาทอลิกในโรงเรียนและขอให้พวกเขาข้ามเส้นแบ่งเขต ถ้าพวกเขาเชื่อในพระเยซู มีเพียง พระคุณเจ้าคายน์ ที่เดินข้ามเส้นนั้นไป ด้วยเหตุนี้ท่านจึงถูกทรมานสารพัด ทั้งถูกแขวนข้อเท้าและคว่ำหัวลงในบ่อน้ำ อีกครั้งหนึ่งพวกเขาบังคับให้ท่านจ้องมองดวงอาทิตย์ ราวๆปี ค.ศ. 1940 ชายหนุ่มและหญิงสาวเจ็ดคน รวมทั้งนักบวชหญิง และเด็ก ถูกสังหารเพราะศรัทธาของตน ที่บ้านสองคอน และถูกแต่งตั้งเป็น มรณสักขีแห่งสองคอน

พระคุณเจ้าคายน์ ได้รับศีลอนุกรมเป็นบาทหลวงของท่าแร่ เมื่อวันที่ 16 มกราคม 1957 หลังจากนั้น ไม่นานครูใหญ่ของโรงเรียนที่ข่มเหงได้กลับมาขอการให้อภัยและได้รับแรงบันดาลใจจากพยานแห่งศรัทธาของท่าน และเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์ คาทอลิก

พระคุณเจ้าคายน์ เคยได้พบกับ บุคคลที่เกือบจะได้เป็น มรณสักขี ที่อายุน้อยในบรรดาผู้พลีชีพทั้งเจ็ด ของมรณสักขีแห่งสองคอน ซึ่งเป็นเด็กหญิงอายุ 13 ปี เธอเดินไปยังสถานที่แห่ง การมรณสักขี พร้อมกับ นักบวชหญิง 2 ท่าน และคนอื่นๆ อีก 4 คน แต่พระเจ้าทรงไว้ชีวิตเธออย่างอัศจรรย์ และเธอเล่าอย่างละเอียดถึงเรื่องราวการมรณสักขีแก่พระอัครสังฆราช คายน์ ซึ่งกลายเป็น คำพยานยืนยัน (Postulator) เพื่อส่งเสริมสาเหตุแห่งความเป็นผู้พลีชีพเป็น มรณสักขีของพวกเขา

ความเป็นมาของการเบียดเบียนศาสนาของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วง สงครามอินโดจีน[2]

เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 2483 มีการเบียดเบียนศาสนาในประเทศไทย จนถึงขั้นมีผู้เสียชีวิต มีชาวคาทอลิกเจ็ดคนถูกสังหาร ก่อนที่ ญี่ปุ่นจะบุกไทย ก็มีปฏิกิริยาต่อต้านสิ่งที่เป็นตะวันตกและต่างประเทศ รวมทั้งศาสนาคริสต์ด้วย สิ่งนี้นำไปสู่การพลีชีพของชาวคาทอลิกเจ็ดคนในหมู่บ้านสองคอน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นบุญราศีโดยสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 ในปี พ.ศ. 2532 (1989)[3]

มิชชันนารีกลุ่มแรกที่มาประเทศไทยคือบาทหลวงคณะ โดมินิกัน ชาวโปรตุเกสซึ่งมาถึง "สยาม" ในปี พ.ศ. 2097 (1554) ดังที่ทราบกันในสมัยนั้น สยามเป็นอาณาจักรทางพุทธศาสนาที่ต้อนรับชาวคริสต์เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ เมื่อถึงศตวรรษที่ 19 มิชชันนารีคาทอลิกส่วนใหญ่มาจากยุโรปโดย คณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส Paris Foreign Missions Society ( Société des Missions Étrangères de Paris – MEP) อาศัยอยู่ในเขตปกครองพิเศษและได้รับยกเว้นจากเขตอำนาจศาลและการเก็บภาษีของประเทศ ในช่วงทศวรรษที่ 1930 เกิดความวิตกกังวลและวิกฤตมากขึ้นเมื่อ ญี่ปุ่นบุกจีน และคุกคามเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปลี่ยนชื่อจาก สยามเป็นประเทศไทยในปี พ.ศ. 2482 รัฐบาลนี้มีจุดยืนเรื่องชาตินิยมและต่อต้านตะวันตก และศาสนาคริสต์ถูกตราหน้าว่าเป็น "ศาสนาต่างชาติ " และคริสเตียนชาวไทยก็ถูกกดดันรัฐบาลวิชี ก่อตั้งขึ้นหลังจากการล่มสลายของฝรั่งเศสในปี พ.ศ. 2483 อนุญาตให้ญี่ปุ่นตั้งฐานทัพในเวียดนามตอนเหนือ และรัฐบาลไทยตอบโต้ด้วย การรุกรานอินโดจีนของฝรั่งเศส (ปัจจุบันคือลาวและกัมพูชา) ญี่ปุ่นบุกไทยในปี พ.ศ. 2484 เพื่อยึดฐานทัพเพื่อรุกเข้าสู่แหลมมลายูและสิงคโปร์ และรัฐบาลไทยลงนามเป็นพันธมิตรที่คงอยู่จนกระทั่งญี่ปุ่นพ่ายแพ้ในปี พ.ศ. 2488

ในบรรยากาศตึงเครียดก่อนการรุกรานของญี่ปุ่น คนไทยซึ่งปกติจะใจกว้างพบว่า “ศาสนาต่างชาติ” เป็นแพะรับบาปที่ง่ายดาย แม้ว่าศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกจะอยู่ในประเทศไทยมานานกว่า 350 แล้วก็ตาม

การสอบสวนและการเป็นบุญราศี มรณีสักขี ผู้น่าเคารพ

หลังจากการสืบสวนกรณีผู้รับใช้ของพระเจ้าทั้งเจ็ดนี้แล้ว รายงานการพิจารณาการแต่งตั้งให้เป็นบุญราศีและการแต่งตั้งให้เป็นมรณสักขีของพระศาสนจักรคาทอลิก ก็ถูกส่งไปยังที่ประชุมอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อเหตุของวิสุทธิชนในกรุงโรม ในปีพ.ศ. 2529 (1986) ในพิธีบูชาขอบพระคุณ ณ วัดพระมหาไถ่สองคอน ร่างของทั้ง 7 คนได้ขุดขึ้นมาและถูกฝังอีกครั้ง สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 ทรงประกาศแต่งตั้งการเป็นบุญราศีมรสักขีของพวกท่านทั้ง 7 แห่งสองคอน ณ กรุงโรม ในวันอาทิตย์แพร่ธรรมสากล วันที่ 22 ตุลาคม 1989[4]

คุณพ่อลอเรนซ์ คายน์ ได้รับการแต่งตั้งเป็น อัครมุขนายกแห่ง อัครมุขมณฑลท่าแร่-หนองแสง เมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2523 1980 และได้รับการอภิเสกเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2523,1980 โดย อัครมุขนายก มิเชล เกี้ยน เสมอพิทักษ์ บพระอัครมุขนายก องค์ก่อน

ในฐานะอัครมุขนายก ท่านมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากในการขยายอัครมุขฆมณฑล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาการศึกษาและการสร้างโบสถ์ นอกจากนี้ท่านยังจัดสัมมนาบ่อยครั้งเพื่อกำหนดโครงร่างต้นแบบสำหรับวิสัยทัศน์และพันธกิจของอัครมุขมณฑล

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2547, 2004 พระคุณเจ้าได้รับอนุญาตให้ลาออกจากตำแหน่ง [1] ท่านเสียชีวิตด้วยผลของโรคเบาหวานเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2550, 2007 และถูกฝังในวันที่ 28 กรกฎาคม 2007 ที่สุสานวัดอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่

อ้างอิง[แก้]

  1. 1.0 1.1 "Archbishop Lawrence Khai Saen-Phon-On of Thare and Nonseng resigns". Agenzia Fides. May 15, 2004. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 30, 2007. สืบค้นเมื่อ July 30, 2007.
  2. "บุญราศรีสองคอน". Bing.
  3. Thailand, Seven Martyrs of, Bb. | Encyclopedia.com
  4. "Dec 16 - The Seven Thai Martyrs of Songkhon (d. 1940)". Catholicireland.net (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).


ก่อนหน้า ลอว์เรนซ์ คายน์ แสนพลออน ถัดไป


มีคาเอลเกี้ยน เสมอพิทักษ์ อัครมุขนายกมิสซังโรมันคาทอลิกท่าแร่-หนองแสง
(6 มีนาคม 2523 - 14 พฤษภาคม 2547)
หลุยส์ จำเนียร สันติสุขนิรันดร์