ยูเอสเอส ไอโอวา (BB-61)
![]() | ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
![]() USS Iowa fires her 16-inch guns on 15 August 1984 during a firepower demonstration after her modernization
| |
ประวัติ | |
---|---|
![]() | |
ตั้งชื่อตาม | รัฐไอโอวา |
Ordered | 1 กรกฎาคม 1939 |
อู่เรือ | อู่ต่อเรือนิวยอร์ก |
ปล่อยเรือ | 27 มิถุนายน 1940 |
เดินเรือแรก | 27 สิงหาคม 1942 |
สนับสนุนโดย | อิโล วอลเลซ |
เข้าประจำการ | 22 กุมภาพันธ์ 1943 |
ปลดระวาง | 24 มีนาคม 1949 |
นำกลับมาประจำการใหม่ | 25 สิงหาคม 1951 |
ปลดระวาง | 24 กุมภาพันธ์ 1958 |
นำกลับมาประจำการใหม่ | 28 เมษายน 1984 |
ปลดระวาง | 26 ตุลาคม 1990 |
Stricken | 17 มีนาคม 2006 |
ท่าจอด | นอร์ฟอล์ก รัฐเวอร์จิเนีย (หลังการบูรณะช่วงทศวรรษที่ 1980) |
รหัสระบุ | Hull symbol: BB-61 |
คำขวัญ | "Our Liberties We Prize, Our Rights We Will Maintain" |
ชื่อเล่น |
|
เกียรติยศ | 11 battle stars |
ความเป็นไป | พิพิธภัณฑ์เรือ |
สถานะ | จัดแสดงที่ศูนย์เรือประจัญบานแปซิฟิก ณ ท่าเรือลอสแอนเจลิส |
หมายเหตุ | เรือนำลำสุดท้ายของเรือประจัญบานสหรัฐทุกชั้น |
สัญลักษณ์ | ![]() |
ลักษณะเฉพาะ | |
ชั้น: | เรือประจัญบานชั้นไอโอวา |
ขนาด (ระวางขับน้ำ): |
|
ความยาว: | 887 ft 3 in (270.43 m) |
ความกว้าง: | 108 ft 2 in (32.97 m) |
กินน้ำลึก: | 37 ft 2 in (11.33 m) (full load) |
ใบจักร: |
|
ความเร็ว: | 33 นอต (38 ไมล์ต่อชั่วโมง; 61 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) |
อัตราเต็มที่: | 151 officers, 2,637 enlisted (WWII) |
ยุทโธปกรณ์: |
|
เกราะ: |
|
อากาศยาน: | floatplanes, helicopters, UAVs |
ยูเอสเอส ไอโอวา (BB-61) เป็นเรือประจัญบานลำแรกในชั้นไอโอวาของสหรัฐอเมริกา ตั้งชื่อตามรัฐไอโอวา เนื่องจากการยกเลิกการสร้างเรือชั้นมอนแทนาดังนั้นเรือชั้นไอโอวาจึงเป็นเรือประจัญบาญรุ่นสุดท้ายและนับว่าเป็นเรือประจัญบาญที่ใหญ่ที่สุดที่สร้างโดยสหรัฐอเมริกา โดยเรือ ไอโอวา เป็นเรือลำเดียวในชั้นเดียวกันที่ได้เข้าปฏิบัติการในมหาสมุทรแปซิกฟิกในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
ในปี 1943 ไอโอวา ถูกเลือกเป็นเรือสำหรับประธานาธิบดีแฟรงกลิน ดี. โรสเวลต์ สำหรับการเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกไปประชุมกับนายกรัฐมนตรีวินสตัน เชอร์ชิลแห่งราชอาณาจักรและโจเซฟ สตาลินผู้นำโซเวียต ณ เมืองเตหะราน ดังนั้นเรือประจัญบานลำนี้จึงมีเครื่องอำนวยความสะดวก เช่น อ่างอาบน้ำสำหรับประธานาธิบดีและลิฟต์สำหรับขึ้นลงดาดฟ้าเรือ[2] ในปี 1944 เรือลำนี้ถูกส่งไปประจำการที่กองทัพเรือฝั่งแปซิฟิก และได้ทำการยิงปูพรมที่บริเวณชายหาดของเกาะ Kwajalein และ Eniwetok เพื่อเปิดทางให้เรือสะเทินน้ำสะเทินบกขึ้นฝั่งได้สะดวก และยังทำหน้าที่เฝ้าระวังเรือบรรทุกเครื่องบินในบริเวณหมู่เกาะมาร์แชลล์อีกด้วย
ระหว่างสงครามเกาหลี ไอโอวา มีส่วนร่วมในการโจมตีโฉบฉวยบริเวณชายฝั่งเกาหลีเหนือ ภายหลัง ไอโอวา ถูกปลดประจำการไปอยู่ในกองทัพเรือสำรองสหรัฐ หรือ "mothball fleet" และได้เข้าประจำการอีกครั้งในปี 1984 ในแผน 600-ship Navy โดยประจำการทั้งกองทัพแอตแลนติกและกองทัพฝั่งแปซิฟิกเพื่อตอบโต้กับกองทัพเรือโซเวียต ในปี 1989 เกิดการระเบิดที่ไม่ทราบสาเหตุที่บริเวณปืนหลักหมายเลข 2 ทำให้สูญเสียทหารเรือ 47 นาย
ไอโอวา ถูกปลดประจำการครั้งสุดท้ายในปี 1990 และถูกนำมาใช้งานภายใต้โครงการของรัฐบาลที่ต้องการทำนุบำรุงเรือประจัญบานชั้นไอโอวาไว้สองลำ ในช่วงปี 1999 ถึง 2006 ท้ายสุดในปี 2011 ไอโอวา ถูกบริจาคให้กับ ศูนย์รวมเรือประจัญบานแปซิฟิกไม่แสวงหาผลกำไรประจำลอสแอนเจเลส และถูกย้ายไปจอดอย่างถาวรที่ Berth 87 ณ ท่าเรือลอสแอนเจเลส ในปี 2012 เพื่อเปิดให้บริการเป็นพิพิธภัณฑ์เรือประจัญบานต่อไป
การก่อสร้าง[แก้]
ไอโอวา เป็นเรือนำในกลุ่มของเรือชั้นไอโอวา และเรือในชั้นนี้ถูกออกแบบให้เป็นเรือประจัญบาญที่รวดเร็ว แผนการต่อเรือเริ่มขึ้นเมื่อปี 1938 โดยสาขาการออกแบบเบื้องต้น ที่สำนักก่อสร้างและซ่อมแซม ปล่อยลงทะเลเมื่อ 27 สิงหาคม 1942 และเข้าประจำการเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 1943 โดยมีกัปตันจอห์น แอล. แมคเครีย เป็นผู้บังคับการเรือ ไอโอวา เป็นเรือลำแรกในชั้นไอโอวาที่ได้เข้าประจำการในกองทัพเรือสหรัฐ
ยุทโธปกรณ์หลักของเรือประจัญบาญ ไอโอวา นั้นคือปืนใหญ่ 16 นิ้ว (406.4 มม.)/50 คาลิเบอร์ มาร์ค 7 จำนวน 9 กระบอก ซึ่งสามารถยิงกระสุนปืนใหญ่เจาะเกราะขนาด 2,700 ปอนด์ (1,200 กก.) ไปไกล 20 ไมล์ทะเล (23 ไมล์; 37 กม.) และมีอาวุธรองคือปืนใหญ่ 5 นิ้ว (130 มม.)/38 คาลิเบอร์ จำนวน 20 กระบอก ซึ่งสามารถยิงเป้าหมายที่อยู่ไกล 12 ไมล์ทะเล (14 ไมล์; 22 กม.) ได้ จากความต้องการในการครองความเป็นจ้าวแห่งท้องฟ้าทำให้มีเรือบรรทุกเครื่องบินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องยังส่งผลให้ ไอโอวา ต้องมีปืนต่อสู้อากาศยาน เช่น Oerlikon 20 มม. และ Bofors 40 มม. เพื่อป้องกันการโจมตีทางอากาศให้แก่เรือบรรทุกเครื่องบินฝ่ายเดียวกัน
สงครามโลกครั้งที่สอง (1943-1945)[แก้]
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ซ้อมรบทางทะเล และประจำการในกองทัพเรือแอตแลนติก[แก้]
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2486 ไอโอวา ถูกปล่อยลงทะเลในนอร์เวย์ แล้วจึงกลับมาสหรัฐอเมริกาเพื่อซ่อมบำรุงเป็นเวลาสองอาทิตย์ในวันที่ 25 ตุลาคม ที่ Norfolk Navy Yard[3]
ภายหลังจากการบำรุงซ่อมแซมและรวบรวมกองกำลังคุ้มกันเรียบร้อยแล้ว ไอโอวา ได้พาประธานาธิบดีโรสเวลต์, รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ คอร์เดลล์ เฮาล์, และนายทหารสัญญาบัตรสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ไปยัง Mers El Kébir, แอลจีเรีย ซึ่งเป็นจุดหมายแรกในการเดินทางสู่การประชุมเตหะราน.[5] ท่ามกลางเรือคุ้มกันของ ไอโอวา นั้นมีเรือพิฆาต วิลเลียม ดี. พอร์เทอร์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุร้ายหลายครั้งหลายคราว ครั้งที่เลวร้ายที่สุดคือการซ้อมปล่อยตอร์ปิโดซึ่งตอร์ปิโดจาก วิลเลียม ดี. พอร์เทอร์ มุ่งหน้าพุ่งสู่ ไอโอวา[6] ไอโอวา ได้รับคำเตือนและเลี้ยวหลบตอร์ปิโดอย่างหนักและรอดพ้นจากการระเบิดของตอร์ปิโดได้โดยไม่ได้รับความเสียหาย และได้เล็งปืนใหญ่ 16 นิ้วไปที่ วิลเลียม ดี. พอร์เทอร์ เพราะคิดว่าเรือเล็กลำนี้อาจมีเป้าหมายไม่ชอบในการลอบสังหารประธานาธิบดี
ไอโอวา เสร็จสิ้นภารกิจการคุ้มกันประธานาธิบดี โดยเดินทางกลับถึงสหรัฐอเมริกาโดยสวัสดิภาพในวันที่ 16 ธันวาคม[6] ประธานาธิบดีโรสเวลต์ได้กล่าวสุนทรพจน์แก่ลูกเรือ ไอโอวา ก่อนการอำลาว่า "... จากทุกสิ่งทุกอย่างที่เราได้เผชิญ และทุกอย่างที่เราได้รับฟัง กล่าวได้ว่า ไอโอวา นับเป็น 'เรือแสนสุข' (happy ship) และได้รับใช้กองทัพเรือมานานปี, ผมรู้ และพวกคุณก็รู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร" และยังได้กล่าวสรุปปิดท้ายว่า "... ขอให้โชคดี, โปรดจำไว้ว่าจิตวิญญาณของผมจะคงอยู่กับพวกคุณ, พวกคุณทุก ๆ คน"[7]
สงครามเกาหลี (1951-1952)[แก้]
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
กลับมาประจำการอีกครั้ง (1982-1984)[แก้]
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
เนื่องจากอดีตสหภาพโซเวียต(ประเทศรัสเซียในปัจจุบัน)ได้ปล่อยเรือ Kirov Class ออกมาสหรัฐประเมินว่า เรือลำนี้เป็นภัยคุกคามร้ายแรงอย่างมาก จึงนำเรือ Iowa class มาต่อกรกับเรือพลังงานนิวเคลียร์ลำนี้ แต่อดีตสหภาพโซเวียตล่มสลาย เรือ Kirov Class จึงตกเป็นของรัสเซีย และสหรัฐจึงปลดประจำการ และรอการเข้าประจำการใหม่ของเรือ Iowa Class
กองเรือสำรองและพิพิธภัณฑ์เรือ (ตั้งแต่ 1990)[แก้]
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
อ้างอิง[แก้]
- ↑ "The Battleship of Presidents' final sail". milmag.com. 1 July 2012. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 December 2018. สืบค้นเมื่อ 9 December 2018.
- ↑ 2.0 2.1 Iowa was not the first US battleship to have a bathtub, the 1912 joiner plans for the U.S.S. Texas and U.S.S. New York indicate that bathtubs were in the Admiral's Bath, Captain's Bath, Chief of Staff's bath, Junior Officer's Bath, Warrant Officer's Bath, Wardroom Officer's Baths, and the Sick Bay Bath when those ships were constructed. photo[1][2][3][4]
- ↑ 3.0 3.1 "USS Iowa (BB-61) Detailed History". USS Iowa Veterans Association. The Veteran's Association of the USS Iowa (BB-61). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-05-09. สืบค้นเมื่อ 9 August 2008.
- ↑ "Still Asset Details for DN-ST-86-02543". DefenseImagery.mil. United States Department of Defense. 1 December 1984. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-02-25. สืบค้นเมื่อ 24 August 2008.
- ↑ "Franklin D. Roosevelt: Day by Day". FDR Presidential Library. สืบค้นเมื่อ 15 April 2013.
- ↑ 6.0 6.1 Bonner, Kit (1994). "The Ill-Fated USS William D. Porter". The Retired Officer Magazine. The Veteran's Association of the USS Iowa (BB-61). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-06-12. สืบค้นเมื่อ 9 August 2008.
{{cite web}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|month=
ถูกละเว้น (help) - ↑ Roosevelt, Franklin D. (16 December 1943). "Remarks on Leaving the U.S.S. Iowa". The American Presidency Project. John T. Woolley and Gerhard Peters. สืบค้นเมื่อ 8 August 2008.
![]() |
บทความนี้ยังเป็นโครง คุณสามารถช่วยวิกิพีเดียได้โดยการเพิ่มเติมข้อมูล หมายเหตุ: ขอแนะนำให้จัดหมวดหมู่โครงให้เข้ากับเนื้อหาของบทความ (ดูเพิ่มที่ วิกิพีเดีย:โครงการจัดหมวดหมู่โครงที่ยังไม่สมบูรณ์) |