มาสด้า เซ็นเทีย
มาสด้า เซ็นเทีย | |
---|---|
ผู้ผลิต: | มาสด้า |
ปี: | พ.ศ. 2534 - 2542 |
ประเภท: | {{{ประเภท}}} |
ลักษณะ: | ซีดาน 4 ประตู |
เครื่องยนต์: | 3.0 L JE-ZE V6 |
รุ่นก่อนหน้า: | มาสด้า ลูเช่ / เกีย โพเทนเทีย |
รุ่นต่อไป: | เกีย โอปิรุส (สำหรับ เกีย เอ็นเตอร์ไพรส์) |
รุ่นที่ใกล้เคียง: | โตโยต้า คราวน์ ฮอนด้า เลเจนด์ มิตซูบิชิ เดบอเนีย/พราวเดีย/ดิกนิตี เชฟโรเลต อิมพาลา นิสสัน เซดริค/ฟูกา/ซิมา ซีตรอง C6 ฮุนได ไดนาสตี้/เจเนสิส |
มาสด้า เซ็นเทีย (อังกฤษ: Mazda Sentia) เป็นรถยนต์นั่งขนาดใหญ่ (Full-Size Car) ซึ่งผลิตโดยมาสด้า เริ่มผลิตและเปิดตัวเมื่อปี พ.ศ. 2534 ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลังและใช้โครงสร้างตัวถัง H-Platform ของมาสด้า (เป็นโครงสร้างที่ใช้ในรถยนต์ขนาดใหญ่ขับเคลื่อนล้อหลังของมาสด้า) แบบ HD และ HE ซึ่งใช้ร่วมกันกับรถตระกูล 929 ซึ่งเซ็นเทียเป็นหนึ่งในรถตระกูล 929 รวมถึงใช้ร่วมกับรุ่นแองฟินิ MS-9 ด้วย และยังมีการส่งออกไปยังประเทศเกาหลีใต้โดยใช้แบรนด์เกีย ในชื่อ เกีย เอ็นเตอร์ไพรส์ (อังกฤษ: Kia Enterprise) อีกด้วย
รุ่นที่ 1 (พ.ศ. 2534-2539)[แก้]
929[แก้]
มาสด้า เซ็นเทีย รุ่นที่ 1 เปิดตัวเมื่อปี พ.ศ. 2534 โดยเปิดตัวออกมาเพื่อหวังจะเป็นรถธงของมาสด้า ซึ่งออกมาแทนมาสด้า ลูเช่ (อังกฤษ: Mazda Luce) เครื่องยนต์ของเซ็นเทียจะเป็นเครื่องยนต์ V6 และมีเฉพาะตัวถังซีดานเท่านั้น ซึ่งเครื่องยนต์จะมีเครื่องยนต์ 2.5 และ 3.0 ลิตรให้เลือก
และในรุ่นนี้ ได้มีการออกรุ่นใหม่ที่แตกแขนงมาจากเซ็นเทีย คือมาสด้า มิลเลเนีย (อังกฤษ: Mazda Millenia) ซึ่งออกมาในช่วงเวลาที่ค่ายรถญี่ปุ่นเปิดตัวแบรนด์รถยนต์หรู เช่น โตโยต้าเปิดตัวเล็กซัส ,ฮอนด้าเปิดตัวแอคิวรา ,นิสสันเปิดตัวอินฟินิที และมาสด้า ก็ได้เปิดตัวแบรนด์อมาติเช่นกัน โดยมิลเลเนีย เป็นรถยนต์ที่มีคุณสมบัติคล้ายกับเซ็นเทีย แต่แตกต่างกันตรงที่ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า และนอกจากนี้ รุ่นนี้ มีมาขายในประเทศไทยในช่วงที่รัฐบาลมีนโยบายภาษีรถนำเข้า ซึ่งในช่วงนั้นมีรถนำเข้าหลายรุ่นที่เข้ามาขายในไทย แต่ในไทยใช้ชื่อว่า 929 (Mazda 929) ไม่ใช่เซ็นเทีย (Sentia)
รุ่นที่ 2 (พ.ศ. 2539-2542)[แก้]
มาสด้า เซ็นเทีย รุ่นที่ 2 ถือได้ว่าเป็นเซ็นเทียรุ่นสุดท้าย ก่อนที่จะถูกแทนที่โดยมาสด้า มิลเลเนีย (อังกฤษ: Mazda Millenia) อย่างสมบูรณ์ เซ็นเทียเปิดตัวในประเทศออสเตรเลียในเดือนเมษายน พ.ศ. 2539 โดยมีเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.0 ลิตร และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด แต่เนื่องจากช่วงที่เซ็นเทียเปิดตัวมาได้ปีเดียว มีปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจเกิดขึ้นในเอเชีย ทำให้ยอดขายไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าไรนัก โดยเฉพาะในปีสุดท้ายของการผลิต ราคาของเซ็นเทียสูงถึง 83,000 ดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว และกระจังหน้าของรถดูแก่ ไม่ทันสมัย จึงทำให้ไม่ประสบความสำเร็จเท่ากับรุ่นที่ 1 จึงต้องเลิกผลิตไป