โตโยต้า คราวน์
โตโยต้า คราวน์ | |
---|---|
![]() | |
ภาพรวม | |
บริษัทผู้ผลิต | โตโยต้า |
เริ่มผลิตเมื่อ | พ.ศ. 2498 – ปัจจุบัน |
แหล่งผลิต |
|
ตัวถังและช่วงล่าง | |
ประเภท | รถยนต์นั่งประเภทหรูหราขนาดกลาง; รถผู้บริหาร (Mid-Size Luxury Car; E) |
รูปแบบตัวถัง |
|
โครงสร้าง |
|
รุ่นที่คล้ายกัน | เชฟโรเลต อิมพาลา ฟอร์ด คราวน์ วิกตอเรีย โฮลเด้น คอมโมเดอร์ ไครสเลอร์ 300ซี |
ระบบส่งกำลัง | |
เครื่องยนต์ | 1.4-4.6 ลิตร I4, I6, V6, V8 |
ระยะเหตุการณ์ | |
รุ่นก่อนหน้า | ไม่มี |
รุ่นต่อไป | โตโยต้า เครสสิด้า (สำหรับ อเมริกาเหนือ) เล็กซัส จีเอส (โตโยต้า อริสโต) โตโยต้า โซอาเรอร์ (ฮาร์ดท็อป 2 ประตู) |
โตโยต้า คราวน์ (อังกฤษ: Toyota Crown) เป็นรถยนต์นั่งประเภทหรูหราขนาดกลางของโตโยต้า พบเห็นได้ทั่วไปตามท้องถนนในประเทศญี่ปุ่น เริ่มต้นนั้นถูกออกแบบมาเพื่อใช้เป็นรถแท็กซี่[2] ตลอดช่วงการผลิตของคราวน์นั้น เป็นที่ปรากฏเพียงเล็กน้อยที่มีการใช้คราวน์แบบซีดานเป็นแท็กซี่ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2538 โตโยต้าได้แตกแขนงคราวน์แบบซีดานออกมาสำหรับใช้เป็นรถแท็กซี่โดยเฉพาะ คือ คราวน์ คอมฟอร์ท นอกจากนี้ โตโยต้า คราวน์ยังได้รับการไว้วางใจในกิจการตำรวจทั่วประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย รวมถึงการรับส่งเจ้าหน้าที่รัฐในทุกระดับ
ในประเทศญี่ปุ่น จะสามารถหาซื้อโตโยต้าคราวน์ได้เฉพาะช่องทางของตัวแทนจำหน่ายค้าปลีกของโตโยต้าเท่านั้น คราวน์จัดว่าเป็นรถซีดานที่เก่าแก่ที่สุดของโตโยต้าที่ยังอยู่ในสายการผลิต หากเทียบสถานะและเกียรติภูมิของคราวน์ในบรรดารถญี่ปุ่นแล้ว เป็นรองแต่เพียงคราวน์ มาเจสตา และ เซ็นทูรี เท่านั้น
โตโยต้า คราวน์ถูกใช้เป็นรถรับรองอย่างแพร่หลายในหลากบริษัทของญี่ปุ่น ในบางประเทศ โตโยต้า คราวน์จัดว่าเป็นรถที่มีราคาแพงมาก ดังนั้นเมื่อโตโยต้า เครสสิด้าได้รับการอนุญาตให้ส่งออกในต้นทศวรรษที่ 1980 คราวน์จึงถูกแทนที่ด้วยรถรุ่นดังกล่าว
Toyota Crown – รุ่นที่ 1 (RS/S10/S20/S30; พ.ศ. 2498-2505)[แก้]

โฉมนี้ ใช้รหัสโมเดลว่า โมเดล RS กับโมเดล S30 เริ่มการผลิตครั้งแรกใน พ.ศ. 2498 โดยในช่วงแรก เครื่องยนต์จะเป็นเครื่องยนต์ขนาดเล็ก 1.5 ลิตร แต่ต่อมาก็มีเครื่องยนต์รุ่นพิเศษ ขนาด 1.9 ลิตร แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังใช้เครื่องขนาด 1.5 ลิตร เป็นมาตรฐานไปจนจนยุคของโฉมใน พ.ศ. 2505 โดยจุดเด่นของรุ่นนี้มีทั้งช่วงล่างแบบ ดับเบิ้ลวิชโบน (ในช่วงล่างด้านหน้า ส่วนด้านหลังยังคงเป็นแบบแหนบ) และ ใช้เกียร์กึ่งอัตโนมัติ 2 จังหวะในชื่อ Toyoguild
แกลอรี่รุ่นแรก[แก้]
|
Toyopet Crown – รุ่นที่ 2 (S40; พ.ศ. 2505-2510)[แก้]
โฉมนี้ ใช้รหัสโมเดลว่า โมเดล S40 เริ่มผลิตครั้งแรกใน พ.ศ. 2505 โดยในช่วงแรกจะเป็นเครื่องยนต์มาตรฐาน 4 สูบ แต่ตั้งแต่ พ.ศ. 2508 ก็เริ่มมีการผลิตเครื่องยนต์คราวน์รุ่น M ซึ่งมี 6 สูบ แต่ในโฉมนี้ คราวน์เริ่มมีการผลิตรถแบบ Wagon ซึ่งก็จะผลิตคู่กับคราวน์แบบซีดานต่อไป
โฉมนี้ คราวน์มีความกว้าง ยาว และความดึงดูดใจลูกค้ามากขึ้น โดยเฉพาะใน พ.ศ. 2507 ก็เริ่มมีการผลิตรุ่น Crown Eight ใช้พลังจากเครื่องยนต์ V8 2.6 ลิตร ระบบเกียร์อัตโนมัติในรุ่นนี้ได้รับการพัฒนาต่อมา เป็นแบบอัตโนมัติทั้งระบบ โดยยังคงใช้ชื่อเรียกจากรุ่นที่แล้ว
|
Crown Eight (G10)[แก้]
โตโยต้า คราวน์ Eight (G10) | |
---|---|
![]() | |
ภาพรวม | |
เริ่มผลิตเมื่อ | เมษายน พ.ศ. 2507 – กรกฎาคม พ.ศ. 2510 |
แหล่งผลิต | Japan: Yokosuka (Kanto Auto Works)[3] |
ตัวถังและช่วงล่าง | |
รูปแบบตัวถัง | 4-door sedan |
โครงสร้าง | Front-engine, rear-wheel-drive |
ระบบส่งกำลัง | |
เครื่องยนต์ | 2.6L (2599cc) V V8 |
ระบบเกียร์ | 3-speed automatic column |
มิติ | |
ระยะฐานล้อ | 2,750 mm (108 in) |
ความยาว | 4,720 mm (186 in) |
ความกว้าง | 1,845 mm (72.6 in) |
ความสูง | 1,460 mm (57 in) |
น้ำหนัก | 1,375 kg (3,031 lb) |
ระยะเหตุการณ์ | |
รุ่นต่อไป | โตโยต้า เซ็นจูรี |
Toyopet Crown – รุ่นที่ 3 (S50; พ.ศ. 2510-2514)[แก้]

โฉมนี้ ใช้รหัสโมเดลว่า S50 โดยโฉมนี้เป็นโฉมที่คราวน์เริ่มมีการผลิตตัวถังแบบ Pick-up (ซึ่งมีใช้กับโฉมที่ 3 เพียงโฉมเดียว) กับ Hardtop Coupe 2 ประตู ซึ่งเป็นโฉมที่คราวน์เปลี่ยนไปไม่มากนักจากโฉมก่อน แต่เพิ่มรายละเอียดเข้าไปในรถบ้าง ซึ่งรถที่คราวน์ผลิตส่งออก จะใช้รถรุ่น 2M ขนาด 2.3 ลิตร โดยจุดเด่นที่เพิ่มมาในรุ่นนี้มีอาทิเช่น พวงมาลัยพาวเวอร์,กระจกอัดซ้อนนิรภัย,กระจกไฟฟ้าและดิสก์เบรกล้อหน้า
รุ่นที่ 4 (S60/S70; พ.ศ. 2514-2517)[แก้]
โฉมนี้ ใช้รหัสโมเดลว่า S60 กับ S70 เริ่มผลิตใน พ.ศ. 2514 เริ่มมีการผลิตรถทริมแบบ Super Saloon ซึ่งเป็นโฉมสุดท้ายของคราวน์ ที่มีขายใน สหรัฐอเมริกา แต่ก็เป็นโฉมแรกที่คราวน์ ผลิตในยี่ห้อรถชื่อ "โตโยต้า" เพราะก่อนหน้านี้ โตโยต้าไม่ได้ใช้ชื่อนี้ แต่ใช้ชื่อยี่ห้อผลิตภัณฑ์รถว่า "โตโยเพ็ท" (Toyopet) (กล่าวอีกอย่างว่า โฉม 1-3 มีชื่อว่า โตโยเพ็ท คราวน์ (Toyota Crown) พอถึงโฉมที่ 4 เป็นต้นมา จึงจะมีชื่อว่า โตโยต้า คราวน์) ซึ่งโดยส่วนใหญ่ ไฟหน้าจะเป็นวงกลม 2 ดวงต่อข้าง ยกเว้นรถ Hardtop ที่ขายในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น จะมีไฟหน้าเป็นสี่เหลี่ยม โดยจุดเด่นในรุ่นนี้ที่เพิ่มเข้ามาได้แก่ ระบบเกียร์แบบ 3 สปีดควบคุมด้วยไฟฟ้า (EAT) , เป็นรถญี่ปุ่นรุ่นแรกๆที่มีระบบควมคุมเสถียรภาพการทรงตัวในล้อหลัง (rear wheel ESC) และยังถือเป็นรุ่นแรกหัวฉีดน้ำมันแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EFI)
-
2600 Super Saloon Coupe (pre-facelift; UK)
-
2600 Super Saloon Coupe (pre-facelift; US)
-
Super Saloon sedan (Japan)
-
SE Sedan (facelift; Australia)
-
2600 Estate (facelift; UK)
รุ่นที่ 5 (S80/S90/S100; พ.ศ. 2517-2522)[แก้]
โฉมนี้ ใช้รหัสโมเดลว่า S80, S90 และ S100 เริ่มผลิตใน พ.ศ. 2517 และเริ่มส่งออกต่างประเทศใน พ.ศ. 2518 โฉมนี้ เริ่มมีการผลิตรถตัวถังแบบ Hardtop 4 ประตู มีการผลิตรถรุ่นทริมแบบ Royal Saloon ขึ้น โฉมนี้มีทริม 4 ระดับ คือ Standard , Deluxe , Super Saloon และ Royal Saloon
เครื่องยนต์ มีแบบเบนซิน 2.0 , 2.6 ลิตร และเป็นครั้งแรกที่มีเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร มาให้เลือกอีกด้วยและยังมีจุดเด่นที่เพิ่มมาเช่น ระบบเกียร์แบบ 4 สปีด โอเวอร์ไดร์ฟ , ดิสก์เบรก 4 ล้อ , เบรกมือแบบเหยียบ และเบาะปรับไฟฟ้าด้านหลัง
|
รุ่นที่ 6 (S110; พ.ศ. 2522-2526)[แก้]

โฉมนี้ ใช้รหัสโมเดลว่า S110 เริ่มผลิตใน พ.ศ. 2522 เป็นโฉมสุดท้ายของคราวน์ที่มีการผลิตตัวถังแบบ Hardtop Coupe 2 ประตู , โฉมนี้มีเครื่องยนต์ให้เลือก 3 ขนาด คือ 2.0 , 2.2 ดีเซล , 2.6 และ 2.8 DOHC ลิตร และเป็นโฉมแรกที่มีรถรุ่น "Crown Turbo" ในขนาดเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร (M-TEU) แต่ในโฉมนี้ คราวน์ เทอร์โบ มีขายเฉพาะในญี่ปุ่น และจุดเด่นที่เพิ่มมาในรุ่นนี้ได้แก่ ระบบควบคุมการทำงานของเกียร์ด้วยคอมพิวเตอร์ ( ECT ) , เบาะปรับไฟฟ้าทั้งคัน , มาตรวัตดิจิตอล
โฉมนี้ รถแบบ Royal Saloon ที่ขายในประเทศญี่ปุ่น กับรถรุ่นแรกๆ ของโฉม จะมีไฟหน้าเป็นสี่เหลี่ยม ส่วนเกรด standard จะมีไฟหน้าเป็นดวงกลม
|
รุ่นที่ 7 (S120; พ.ศ. 2526-2530)[แก้]

โฉมนี้ ใช้รหัสโมเดลว่า S120 เริ่มผลิตใน พ.ศ. 2526 มีเครื่องยนต์ที่หลากหลาย เครื่องเบนซินก็จะมี 1G-E 2.0 ลิตร , M-E 2.0 ลิตร SOHC (SOHC = Single Overhead Cam) , M-TEU 2.0 ลิตร SOHC TURBO , 1G-GE 2.0 ลิตร DOHC (DOHC = Double Overhead Cam) , 1G-GZE DOHC supercharger ไปจนถึง 5M-GE 2.8 ลิตร DOHC ส่วนเครื่องดีเซล ก็มี 2L 2.4 ลิตร SOHC , 2L-TE 2.4 ลิตร SOHC และ 2L-THE 2.4 ลิตร SOHC Diesel Turbo ceramic Hi Power และในโฉมนี้ ยังมีการเปิดตัวทริมใหม่ คือ Royal Saloon G มาเป็นรุ่นท็อป แทนทริม Royal Saloon
รุ่นที่ 8 (S130; พ.ศ. 2530-2534)[แก้]

โฉมนี้ ใช้รหัสโมเดลว่า S130 เริ่มผลิตใน พ.ศ. 2530 ในรถยนต์รุ่นท็อป (Royal Saloon G) ช่วงแรกๆจะใช้เครื่องบล็อก 7M-GE ต่อมามีการปรับปรุงโฉมโดยเล็กน้อยโดยจะใช้เครื่อง 1UZ-FE 4.0 ลิตร (เครื่องแบบเดียวกับรถรุ่น Lexus LS400 , Toyota Celsior) ส่วนรองๆ ลงมาก็จะมีเครื่องแบบ 7M-GE 3.0 ลิตร DOHC , 1G-GZE 2.0 ลิตร DOHC Superchager , 1G-GE 2.0 ลิตร DOHC และเครื่องดีเซล อีกคือ 2L-THE 2.4 ลิตร OHC Turbo Diesel Hi Power , 2L-TE 2.4 ลิตร OHC Turbo Diesel และ 2L 2.4 ลิตร OHC
-
Toyota Crown Hardtop Royal Saloon (Japan)
-
Toyota Crown Hardtop Royal Saloon (Japan)
-
Toyota Crown Hardtop Royal Saloon G V8 (UZ131, Japan)
-
Toyota Crown Hardtop Royal Saloon G V8 (UZ131, Japan)
-
Toyota Crown Sedan 2.0i Royal Saloon (Indonesia)
-
Toyota Crown Sedan 2.0i Royal Saloon (Indonesia)
-
Crown Royal Saloon Hardtop (1991 JZS131)
รุ่นที่ 9 (S140; พ.ศ. 2534-2538)[แก้]

โฉมนี้ ใช้รหัส S130 Facelift กับ S140 เริ่มผลิตใน พ.ศ. 2534 และในโฉมนี้ คราวน์เริ่มมีการผลิตรถรุ่น Majesta คล้ายคลึงควบคู่กับทริมแบบ Royal Saloon G
เครื่องยนต์เบนซินมี 3 ขนาด คือ 2.0 , 2.5 และ 3.0 ลิตร ส่วนดีเซล จะมี 2.4 ลิตร
ส่วนรุ่นท็อป Royal Saloon G จะเป็นเครื่องขนาด 4.0 ลิตร
-
Facelift model Crown Sedan Diesel for Taxi (YS130) with round headlights.
-
Toyota Crown Deluxe used by JGSDF
-
Toyota Crown Royal Saloon (JZS133, Indonesia), 3 stripes grill.
-
Toyota Crown 3.0 Royal Saloon (JZS133, Indonesia)
-
Toyota Crown Royal Saloon (Japan), 4 stripes grill.
-
Toyota Crown Royal Saloon (Japan)
-
Toyota Crown sedan (China), 5 stripes grill.
-
Toyota Crown Royal Saloon wagon (Japan)
-
Toyota Crown Royal Saloon wagon (Japan)
-
Toyota Crown Van Super Deluxe (Japan)
-
Side profile, pre-facelift model
-
Facelift Crown Hardtop Royal Saloon in Japan
รุ่นที่ 10 (S150; พ.ศ. 2538-2542)[แก้]

โฉมนี้ ใช้รหัส S150 เริ่มผลิตใน พ.ศ. 2538 เป็นโฉมสุดท้ายที่มีการผลิตแบบ Hardtop 4 ประตู และนอกจากนี้ ยังมีการเริ่มผลิตรถคราวน์ในสไตล์สปอร์ตในชื่อทริม Royal Touring และ Royal Extra ซึ่ง Royal Saloon กับ Royal Extra จะมีเครื่องแบบขับเคลื่อน 4 ล้อให้เป็นตัวเลือกคู่กับแบบขับเคลื่อน 2 ล้อทั่วไป
เครื่องยนต์มี 4 ขนาด คือ 2.0 , 2.5 และ 3.0 ลิตร ในแบบ 6-Cylinder กับเครื่อง 4.0 ลิตร แบบ V8 เป็นการเริ่มยุคแรกของระบบ VVT-i
-
Sedan front
-
Sedan rear
-
Hardtop front
-
Hardtop rear
รุ่นที่ 11 (S170; พ.ศ. 2542-2546)[แก้]

โฉมนี้ ใช้รหัส S170 เริ่มผลิตใน พ.ศ. 2542 โฉมนี้ สเกิร์ตหน้าจะหดสั้นลง และพื้นที่ในห้องโดยสารและสเกริ์ตหลังที่ใช้บรรจุของจะมีพื้นที่เพิ่มขึ้น และมีการเปิดตัวทริมใหม่ คือ Athlete ซึ่ง Athlete จะเป็นรถสไตล์ Wagon
ขนาดเครื่องยนต์ มีดังเดิม คือ 2.0 , 2.5 , 3.0 และ 4.0 ลิตร
แกลอรี่ S170[แก้]
|
รุ่นที่ 12 (S180; พ.ศ. 2546-2551)[แก้]

โฉมนี้ ใช้รหัส S180 เริ่มผลิตใน พ.ศ. 2546 มีคอนเซปต์การผลิตว่า Zero Crown มีเครื่อง 4 ขนาด คือ 2.5 , 3.0 , 3.5 และ 4.3 ลิตร และเป็นโฉมสุดท้ายที่คราวน์ผลิตรถแบบ Wagon โฉมนี้ความยาวฐานล้อได้เพิ่มขึ้น 70 มม.และความยาวตัวถังเพิ่มขึ้น 15 มม.
แกลอรี่ S180[แก้]
|
รุ่นที่ 13 (S200; พ.ศ. 2551-2555)[แก้]

โฉมนี้ ใช้รหัส S200 เริ่มผลิตเมื่อไม่นานมานี้ใน พ.ศ. 2551 และถูกนำมาจัดแสดงในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์ ซึ่งคราวน์โฉมนี้ มีตัวถังแบบเดียวคือแบบซีดาน มีทริมให้เลือก 5แบบ คือ รุ่นพื้นฐาน,royal saloon,Athlete,Majestaและไฮบริด มีเครื่องยนต์ คือ 2.5,3.0,3.5 V6,4.0 V8,5.0 ไฮบริด
แกลอรี่ S200[แก้]
|
รุ่นที่ 14 (S210; พ.ศ. 2555-2561)[แก้]
โฉมนี้ใช้รหัส S210 มีตัวถังให้เลือกแค่ตัวถังซีดาน โดยเครื่องยนต์มีให้เลือกคือ 2.5 เบนซิน V6,2.5 ไฮบริด,3.5 V6และ4.6 V8 รุ่นนี้มีความยาวตัวถัง 4,895 มม.และกว้าง 1,860 มม. ในรุ่นAthlete นั้นมีรูปลักษณ์ที่ปราดเปรียวโฉบเฉี่ยวมากกว่า Royal เพราะได้รับการตกแต่งพิเศษอย่างกระจังหน้าแบบสปอร์ต กันชนหน้า-หลังดีไซน์ใหม่และชุดแอโรพาร์ทรอบคัน ในห้องโดยสารตกแต่งเน้นความทันสมัยและใช้เบาะที่นั่งกึ่งบั๊กเก็ตซีทและมีเทคโนโลยีไฮเทคอย่าง Toyota Multi-Operation Touch ซึ่งผสมผสานการควบคุมฟังก์ชันตัวรถอยู่ที่สวิทช์ชิ้นเดียวซึ่งติดตั้งบริเวณคอนโซลกลาง
แกลอรี่ S210[แก้]
|
รุ่นที่ 15 (S220; พ.ศ. 2561-2565)[แก้]

โฉมนี้ใช้รหัส S220 มีตัวถังให้เลือกแค่ตัวถังซีดาน พัฒนามาจากรถต้นแบบ Toyota Crown Concept ในปี 2017 โดยใช้โครงสร้าง TNGA รุ่นนี้มีความยาวตัวถัง 4,910 มม.และกว้าง 1,800 มม. วางจำหน่ายเมือวันที่ 26 มิถุนายน ปี 2018 หลังจากการเปิดตัว โตโยต้า เซ็นจูรี รุ่นที่ 3 เปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ All NEW Toyota Crown ถือเป็น generation ที่ 15 ของตระกูล โดยฉีกดีไซน์จากเดิมไปค่อนข้างมาก ด้วยการหันมาเน้นความสปอร์ต พร้อมชูโรงรหัส RS ส่วนขุมพลังมีให้เลือกด้วยกัน 3 แบบ ทั้งเบนซิน เทอร์โบ และ เบนซิน Hybrid ระบบความปลอดภัยที่ติดตั้งมาให้คือ Toyota Safety Sense 2.0 เป็นอุปกรณ์มาตรฐานทุกรุ่นย่อย ซึ่งประกอบด้วยระบบป้องกันการชนด้านหน้าพร้อมตรวจจับคนเดินถนน, Dynamic Radar Cruise Control, ระบบช่วยประคองรถให้อยู่ในเลน Lane Tracing Assist เป็นต้น ควบรวมระบบต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน ทั้งระบบเบรกอัตโนมัติ ที่สามารถตรวจจับคนได้ทั้งเวลากลางวัน – กลางคืน และจักรยานในเวลากลางวัน พร้อมระบบเบรกอัตโนมัติระหว่างถอยหลัง เมื่อตรวจพบส่งกีดขวางทั้งยานพาหนะและคนเดินถนน และระบบ Toyota T-Connect.
ตามรายงานจากสื่อญี่ปุ่น BestCarweb ระบุว่า Toyota Crown รุ่นปัจจุบัน ได้หยุดรับคำสั่งซื้อรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ในญี่ปุ่นแล้ว และรุ่น Hybrid คาดว่าจะยุติการขายในเดือนเมษายนนี้ เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับรุ่นใหม่ สื่อญี่ปุ่นคาดว่า Toyota Crown รุ่นใหม่ จะเปิดตัวในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2565 นี้ นอกจากตัวถัง Sedan แล้ว ยังคาดว่าจะมีรุ่นตัวถัง Crossover-SUV รวมไปถึงการเพิ่มเติมในรุ่นตัวถัง Coupe และ Wagon ตามมา พร้อมแนบภาพเรนเดอร์ออกมาให้ชมอีกด้วย Toyota Crown รุ่นใหม่ จะเปลี่ยนไปใช้แพลตฟอร์ม TNGA-K แบบเดียวกับ Toyota Harrier และ Toyota Camry ส่งผลให้จะมีฐานล้อที่ยาวขึ้น และพื้นที่ห้องโดยสารที่มากขึ้น สื่อญี่ปุ่นเปิดเผยว่าขุมพลังเดิมที่ใช้เคื่องยนต์เทอร์โบ 2.0 ลิตร ในรุ่นก่อน จะถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบ 2.4 ลิตร ของ Lexus NX จับคู่เกียร์ Direct Shift-CVT 8 สปีด ในรุ่นท็อปรองรับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้กำลังสูงสุดมากว่า 275 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร
Gallery[แก้]
-
Toyota Crown 2.0 RS รุ่นปี 2018
-
2018 Toyota Crown 2.5 Hybrid S Four (AZSH21, Japan)
-
2018 Crown 2.5 Hybrid RS Advance (AZSH20, ญี่ปุ่น)
-
2018 Toyota Crown ภายในห้องโดยสาร
-
The Crown emblem สำหรับรุ่นที่ 15
-
Toyota Crown prototype รถต้นแบบ Toyota Crown รุ่นที่ 15 แสดงในงาน 2017 Tokyo Motor Show
-
Toyota Crown Concept รถต้นแบบ Toyota Crown รุ่นที่ 15
รุ่นที่ 16 (พ.ศ. 2565-ปัจจุบัน)[แก้]
รุ่นที่ 16 Crossover (S235) | |
---|---|
![]() | |
ภาพรวม | |
เริ่มผลิตเมื่อ |
|
รุ่นปี | 2023 (อเมริกาเหนือ; Crossover) |
แหล่งผลิต | ญี่ปุ่น: Toyota, Aichi (Motomachi plant and Tsutsumi plant) |
ผู้ออกแบบ |
|
ตัวถังและช่วงล่าง | |
รูปแบบตัวถัง |
|
โครงสร้าง | |
แพลตฟอร์ม | |
รุ่นที่คล้ายกัน | |
ระบบส่งกำลัง | |
เครื่องยนต์ | |
มอเตอร์ไฟฟ้า | รายการ
|
กำลัง | รายการ
|
ระบบเกียร์ |
|
มิติ | |
ระยะฐานล้อ |
|
ความยาว |
|
ความกว้าง |
|
ความสูง |
|
น้ำหนัก |
|
ระยะเหตุการณ์ | |
รุ่นก่อนหน้า | Toyota Avalon (อเมริกาเหนือ) |
หลังจากที่มีภาพสิทธิบัตรหลุดออกมาก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมิถุนายน 2022 ของรุ่นพลิกโฉมของรถซีดานหรูเรือธงของ Toyota ที่มีประวัติยาวนานที่สุดของค่าย ด้วยระยะเวลาทำตลาดนานถึง 70 ปี ผ่านมาแล้วกว่า 16 เจเนอเรชั่น อีกทั้งยังเป็น Toyota รุ่นแรกที่ถูกส่งออกไปจำหน่ายยังทวีปอเมริกาเหนือ
โดยครั้งนี้ Toyota ได้ตัดสินใจเปลี่ยนจากตัวถังซีดานอนุรักษนิยมมาเป็น SUV ยกสูงท้ายลาด สไตล์ Fastback ที่มีคู่แข่งในตลาดเป็นรถหรูจากค่ายเยอรมันทั้งหลาย เช่น Mercedes-Benz GLE BMW X6 เป็นต้น โดยมีกำหนดการเปิดตัวในช่วงฤดูร้อน ปี 2023 ในฐานะรุ่น MY2024 โดย Toyota ได้เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นการในวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 อย่างไรก็ตาม Toyota ได้เคยนำชื่อรุ่น Crown ไปใช้กับตัวถังอื่นที่ไม่ใช่รถซีดานมาก่อนหน้านี้ โดยทำตลาดในประเทศจีน กับตัวถัง SUV บนพื้นฐานของ Toyota Highlander โดยใช้ชื่อว่า Crown Kluger และรถตู้ยอดนิยมอย่าง Vellfire ภายใต้ชื่อ Crown Vellfire
สำหรับภาพสิทธิบัตรที่หลุดมาก่อนหน้านี้เผยให้เห็นถึงสัดส่วนตัวถังที่มีความยาว 4,930 มิลลิเมตร กว้าง 1,840 มิลลิเมตร สูง 1,540 มิลลิเมตร และความยาวฐานล้อ 2,850 มิลลิเมตร โดย Crown ใหม่นี้จะถูกสร้างขึ้นบน TNGA-K Platform (เครื่องวางหน้าตามขวาง) ที่รองรับระบบขับเคลื่อนทั้งแบบ 2 ล้อหลังและ 4 ล้อ และแน่นอนว่าจะมีทั้งขุมพลังแบบ Full hybrid และ Plug-in hybrid ให้เลือก
โฉมนี้ใช้รหัส S235 Toyota Crown เปิดตัวครั้งแรกในปี 1955 ในฐานะที่เป็นรถยนต์นั่งแบบ Mass production รุ่นแรกของ Toyota จวบจนถึงปัจจุบันก็นับเป็นเวลารวมกว่า 67 ปี แล้วที่ชื่อ Crown เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ครั้งนี้แนวคิด “innovation and limit-pushing” ก็ได้ถูกถ่ายทอดมายัง Crown รุ่นใหม่เหมือนเดิม แต่เนื่องด้วยความต้องการของตลาดผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม การวางจำหน่างเพียงแค่ตัวถัง 4 ประตูซีดาน คงจะไม่เหมาะสมอีกต่อไปแล้ว คราวนี้ Toyota จึงเปิดตัว Toyota Crown ทีเดียวถึง 4 ตัวถัง ได้แก่
- ตัวถัง Crossover (ซีดานท้ายสั้น: Fastback sedan)
- ตัวถัง Sedan
- ตัวถัง Sport และ Estate (ทรงรถเอสยูวี: SUV)
Crossover (S235; 2022)[แก้]
-
ด้านหลัง
-
ภายใน
2.4-liter Turbo Hybrid System
เครื่องยนต์เบนซิน 4สูบ รหัส T24A-FTS ขนาด 2.4 ลิตร 2,393 ซีซี กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 87.5มม. x 99.5 มม. อัตราส่วนกำลังอัด 11.0:1 ฉีดน้ำมันตรงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ด้วยเทคโนโลยี D-4ST พ่วงระบบอัดอากาศ Turbo Charger Single twin-scroll ให้กำลังสูงสุด 272 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 460 นิวตันเมตร ที่ 2,000-3,000 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับระบบไฮบริด eAxle electric powertrain 83 แรงม้า แรงบิด 292 นิวตันเมตร
เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 350 แรงม้า แรงบิด 550 นิวตันเมตร แบตเตอรี่แบบ bipolar nickel-hydrogen ขับเคลื่อน 4 ล้อ E-Four Advanced พร้อมระบบเกียร์ Direct Shift-CVT 8 สปีด
2.5-liter Series Parallel Hybrid System
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ รหัส A25A-FXS ขนาด 2.5 ลิตร 2,487 ซีซี. VVT-iE กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 87.5 x 103.4 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 14.0:1 ให้กำลังสูงสุด 186 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 221 นิวตันเมตร ที่ 3,800–5,400 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 119.6 แรงม้า แรงบิด 202 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT แบตเตอรี่ bi-polar nickel-hydrogen ขับเคลื่อน 4 ล้อ E-Four
Toyota Crown รุ่นที่ 16 ตัวถัง Crossover ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานงานวิศวกรรม TNGA-K Platform มีน้ำหนักเบา มีความแข็งแรง และ ถูกพัฒนาให้ตำแหน่งการนั่ง(hip point) สูงขึ้นจากรุ่นเดิม ซึ่งส่วนหนี่งเป็นอานิสงส์มาจากการใช้ล้อที่มีขนาดใหญ่ถึง 21 นิ้ว ส่งผลให้การขึ้นลงรถทำได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มทัศนวิสัยให้ดีขึ้นอีกด้วย และด้วยความที่มิติตัวถังของรถเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ความกว้าง ความยาว และความสูงทำให้พื้นที่ใช้สอยภายในรถ รวมทั้งพื้นที่เหนือศีรษะ(Headroom)ทั้งด้านหน้า และด้านหลังมีมากขึ้น เพื่อให้ผู้โดยสารไม่ว่าจะโดยสารบนเบาะตำแหน่งใด ก็จะได้รับความสบายแบบ first-class อย่างเท่าเทียมกัน
Sport (2023)[แก้]
รุ่นที่ 16 Sport | |
---|---|
ภาพรวม | |
เริ่มผลิตเมื่อ | พ.ศ. 2566 (ที่จะเริ่ม) |
แหล่งผลิต | ญี่ปุ่น |
ตัวถังและช่วงล่าง | |
รูปแบบตัวถัง | 5-ประตู SUV |
โครงสร้าง | Front-engine, four-wheel-drive (E-Four) |
ระบบส่งกำลัง | |
ระบบขับเคลื่อนรถไฮบริด | |
มิติ | |
ระยะฐานล้อ | 2,770 mm (109.1 in) |
ความยาว | 4,710 mm (185.4 in) |
ความกว้าง | 1,880 mm (74.0 in) |
ความสูง | 1,560 mm (61.4 in) |
Sedan (2023)[แก้]
รุ่นที่ 16 Sedan (S230) | |
---|---|
![]() | |
ภาพรวม | |
เริ่มผลิตเมื่อ | พ.ศ. 2566 (ที่จะเริ่ม) |
แหล่งผลิต | ญี่ปุ่น |
ตัวถังและช่วงล่าง | |
รูปแบบตัวถัง | 4-ประตู รถเก๋ง (Sedan) |
โครงสร้าง | เครื่องวางหน้าตามยาว, ขับเคลื่อนล้อหลัง |
แพลตฟอร์ม | TNGA: GA-L |
รุ่นที่คล้ายกัน | Toyota Mirai (JPD20) |
ระบบส่งกำลัง | |
ระบบขับเคลื่อนรถไฮบริด | Power-split |
มิติ | |
ระยะฐานล้อ | 3,000 mm (118.1 in) |
ความยาว | 5,030 mm (198.0 in) |
ความกว้าง | 1,890 mm (74.4 in) |
ความสูง | 1,470 mm (57.9 in) |
Estate (2023)[แก้]
รุ่นที่ 16 Estate | |
---|---|
ภาพรวม | |
เริ่มผลิตเมื่อ | พ.ศ. 2567 (ที่จะเริ่ม) |
แหล่งผลิต | ญี่ปุ่น |
ตัวถังและช่วงล่าง | |
รูปแบบตัวถัง | 5-door station wagon |
โครงสร้าง | Front-engine, four-wheel-drive (E-Four) |
ระบบส่งกำลัง | |
ระบบขับเคลื่อนรถไฮบริด | |
มิติ | |
ระยะฐานล้อ | 2,850 mm (112.2 in) |
ความยาว | 4,930 mm (194.1 in) |
ความกว้าง | 1,880 mm (74.0 in) |
ความสูง | 1,620 mm (63.8 in) |
ชื่อที่ใช้กับรุ่นอื่นๆ[แก้]
Toyota Crown จะไม่ได้มีเพียงแต่ในรูปแบบของรถยนต์ 4 ประตู สำหรับชาวจีนเท่านั้น แต่มีการขยายมายังพิกัดรถยนต์ SUV ในชื่อ Toyota Crown Kluger ซึ่งเป็นการนำ Highlander XSE เวอร์ชันสหรัฐฯ มาเปลี่ยนชื่อใหม่ พร้อมทั้งปรับปรุงหน้าตาให้แตกต่างจากเดิมในบางส่วน
Toyota Crown Kluger เปลี่ยนโลโก้กระจังหน้าสามห่วงของค่าย ไปเป็นโลโก้มงกุฎของ Toyota Crown ซึ่งรวมไปถึงโลโก้ดุมล้อด้วย แต่โลโก้ฝาท้ายยังเป็นของสามห่วงเช่นเคย กันชนหน้าปรับช่องลมด้านล่างใหม่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เสริมด้วยขอบสีเงิน ส่วนกันชนหลังมีการปรับชายล่างเล็กน้อยให้เข้ากับกันชนหน้า ห้องโดยสารยกทุกสิ่งอย่างมาจาก Highlander XSE รวมไปถึงหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ โดยสิ่งที่เปลี่ยนไปมีเพียงโลโก้บนพวงมาลัยจากสามห่วงเป็นมงกุฏ ส่วนขุมพลังระบุแค่ว่ามีเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.5 ลิตร มีให้เลือกทั้งแบบธรรมดา และ Hybrid THS II โดยอย่างหลังทั้งระบบให้กำลังสูงสุด 218 แรงม้า ขับเคลื่อนสี่ล้อ e-FOUR
platform ที่ใช้เป็นแบบ TNGA-K สำหรับการเปิดตัวของ Toyota Crown Kluger มีขึ้นที่ประเทศจีน ในงาน Auto Shanghai 2021 ซึ่งจัดตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน และจะทำตลาดที่นั่นเท่านั้น โดยเริ่มออกจำหน่ายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ พร้อมวางตำแหน่งทางการตลาดวางให้เป็น flagship SUV ของ FAW Toyota
-
Toyota Crown Kluger SUV ร่วมตลาดของ FAW Toyota
-
Crown Kluger
-
Crown Vellfire
อ้างอิง[แก้]

- ↑ Toyota Australia - Timeline Retrieved on 28 March 2012
- ↑ "Toyopet Crown - the car which laid the foundation of today's prosperity". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-04-04. สืบค้นเมื่อ 2007-09-17.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อSHIOJI
- ↑ Chan, Mick (2022-07-15). "2023 Toyota Crown unveiled as new series of models – no more sedan; four bodystyles, two hybrid engines". Paul Tan. Malaysia: Driven Communications. สืบค้นเมื่อ 2022-07-16.
http://auto-news-4u.blogspot.com/2013/01/toyota-crown-2013-14.html