มาสด้า อเซลา
บทความนี้หรือส่วนนี้ของบทความต้องการปรับรูปแบบ ซึ่งอาจหมายถึง ต้องการจัดรูปแบบข้อความ จัดหน้า แบ่งหัวข้อ จัดลิงก์ภายใน และ/หรือการจัดระเบียบอื่น ๆ คุณสามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้โดยการกดที่ปุ่ม แก้ไข ด้านบน จากนั้นปรับปรุงหรือจัดรูปแบบอื่น ๆ ในบทความให้เหมาะสม |
มาสด้า 3 | |
---|---|
ภาพรวม | |
บริษัทผู้ผลิต | มาสด้า |
เรียกอีกชื่อ | มาสด้า อเซล่า (ญี่ปุ่นและจีน, 2546–2562) |
เริ่มผลิตเมื่อ | 2546[1]–ปัจจุบัน |
ตัวถังและช่วงล่าง | |
ประเภท | รถยนต์นั่งขนาดเล็ก |
รูปแบบตัวถัง | 5 ประตู แฮทช์แบ็ก 4 ประตู ฟาสต์แบ็ก |
โครงสร้าง | เครื่องวางหน้า, ขับเคลื่อนล้อน้า เครื่องวางหน้า, ขับเคลื่อนสี่ล้อ[2] |
ระยะเหตุการณ์ | |
รุ่นก่อนหน้า | มาสด้า แฟมิเลีย / 323 |
มาสด้า อเซลา (อังกฤษ: Mazda Axela) หรือเรียกว่า มาสด้า 3 (อังกฤษ: Mazda 3) เป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ที่ผลิตโดยบริษัทมาสด้า ซึ่งปัจจุบันเป็นที่รู้จักเป็นอย่างมากและประสบความสำเร็จไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย เริ่มผลิตครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2546 โดยมาทดแทนมาสด้า แฟมิเลีย ซึ่งเริ่มผลิตมาตั้งแต่ พ.ศ. 2506 (หรือที่คนไทยรู้จักในชื่อ มาสด้า 323) เนื่องจากแนวทางการทำตลาดรถยนต์เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย จึงได้มีการผลิตมาสด้า 3 ออกมาทดแทน และได้แตกแขนงรุ่นย่อยออกมาก็คือ มาสด้าสปีด 3 (อังกฤษ: Mazdaspeed 3) อีกด้วย
มาสด้า อเซลา รุ่นที่ 1 ผลิตระหว่างปี พ.ศ. 2546-2552 ในรุ่นนี้จะมีเครื่องยนต์ขนาด 1.4 ,1.5 ,1.6 ,2.0 และ 2.3 ลิตร และมีเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ,เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ,เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด โดยมีการออกแบบร่วมกับ ฟอร์ด โฟกัส และวอลโว่ S40 และได้ใช้แพลทฟอร์ม BK ในการออกแบบ
รุ่นนี้ มีการประกอบในประเทศเพียง 7 ประเทศเท่านั้น โดยมีการประกอบที่ญี่ปุ่น ,จีน ,ไต้หวัน ,ฟิลิปปินส์ ,โคลัมเบีย ,อเมริกาใต้ และซิมบับเว นอกจากนี้ ในรุ่นนี้ ได้มีการแตกแขนงรุ่นสปอร์ตออกมา คือ มาสด้า สปีด 3 สำหรับใช้ในการแข่งรถเช่นกัน
ในประเทศไทย เปิดตัวรุ่นนี้เมื่อ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2547 ผลิตที่โรงงาน Auto Alliance factory จ.ระยอง และสร้างปรากฏการณ์การจองและส่งมอบรถข้ามปี เนื่องจากมีลูกค้าสั่งจองจำนวนมาก ในประเทศไทยรุ่นที่จำหน่ายจะเป็นเครื่องยนต์ 1.6 และ 2.0 ลิตร ตัวท๊อปให้ออฟชั่นซันรูฟและราคาเริ่มต้นที่ 779,000 บาท ถึง 1,049,000 บาท ทำให้หลังจากเปิดตัวเพียงสัปดาห์เดียวมียอดจองกว่า 3,000 คัน จนเกิดกระแส มาสด้า3 ฟีเวอร์ และเป็นรถสปอร์ตซีดานที่กวาดรางวัลต่างๆ ถึง 32 รางวัลจากทั่วโลก โดยรุ่นนี้เริ่มจำหน่ายระหว่างปี พ.ศ. 2547-2554
รุ่นปรับโฉม
[แก้]ถึงแม้ว่า Mazda 3 / Axela รุ่นใหม่ จะเปิดตัวออกสู่ตลาดโลกมาแล้ว ตั้งแต่ปี 2009 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ในเมื่อ การเตรียมพร้อม เพื่อนำรถรุ่นใหม่ มาตั้งสายการผลิตในเมืองไทย ยังไม่เสร็จสิ้นจนกว่าจะถึงช่วงต้นปีหน้า ดังนั้น ในช่วงระหว่าง รอการมาถึงของ Mazda 3 ใหม่ ทาง Mazda Sales Thailand ก็เลยตัดสินใจ กระตุ้นตลาดกันอีกครั้ง ด้วยรุ่นปรับโฉม ของ Mazda 3 รุ่นปัจจุบันกันอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับรถรุ่นนี้ กันเสียที
ไม่มาเดี่ยวแต่มาคู่ ส่ง Mazda 3 Move Series ก่อนที่โฉมปัจจุบันจะปลดระวางช่วงปลายปี 2010 จึงขอกระตุ้นตลาดด้วย Microchange เปลี่ยนเล็กน้อยตกแต่งสปอร์ตรอบคันก่อนสิ้นอายุขัยประกอบด้วยรุ่น
- 1.6 ลิตร แฮทช์แบค i-Move เต็มๆว่า Intelligent-Move ตกแต่งรอบคันด้วยสปอยเลอร์และสเกิร์ต ไฟตัดหมอกทรง Angola Shape เซ็นเซอร์ถอยหลัง 4 จุด ปลายท่อสแตนเลสทรงรี มี 3 สีให้เลือก สีขาวไดมอนด์ไวท์ สีดำแพนเธอร์แบล็กเมทัลลิค และสีเงินมูนดัสซิลเวอร์ จำนวนจำกัด 200 คัน ตั้งราคาไม่แพงนักที่ 897,000 บาท คุ้มกว่าไปซื้อรถสแตนดาร์ดแล้วมาตกแต่งเอง
- 2.0 ลิตร แฮทช์แบค S-Move ชื่อเต็มว่า Sport-Move แต่งรอบคันสไตล์ MPS ตัวแรงของเมืองนอก มีเซ็นเซอร์ 4 จุด แต่เพิ่มเครื่องเล่น DVD จอสัมผัส 7 นิ้ว พร้อมระบบ GPS Navigator รองรับ Bluetooth,USB,iPod,SD Card,DVD/CD/MP3/MP4 ตัวรถให้เลือกสองสีคือ สีขาวไดมอนด์ไวท์และสีดำแพนเธอร์แบล๊กเมทัลลิค จำกัดจำนวนแค่ 100 คัน ราคา 1,110,000 บาท
รุ่น เครื่องยนต์ ราคาจำหน่าย (รุ่นปรับโฉม)
- Mazda3 Groove MZR 1,600cc. 755,000 บาท
- Mazda3 Spirit MZR 1,600cc 830,000 บาท
- Mazda3 Sport เบาะหนัง MZR 1,600cc. 857,000 บาท
- Mazda3 Maxx MZR 2,000cc. 966,000 บาท
- Mazda3 Maxx Sport S/R MZR 2,000cc 1,035,000 บาท
ต้นปี 2011 กันเลยทีเดียว เพื่อไม่ให้ โชว์รูม มาสด้าทั่วประเทศเงียบเหงาเกินไป มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) ก็เลย ปล่อย Mazda 3 รุ่นพิเศษทั้ง รุ่น “Life” และรุ่น “Play” เมื่อ 23 กันยายน 2009 คราวนี้ มีทั้งรุ่นซีดาน 4 ประตู และรุ่นแฮ็ทช์แบ็ค 5 ประตู ตกแต่งสไตล์สปอร์ต เสริมอุปกรณ์ตกแต่ง เพิ่มความคุ้มค่าถึง 2 รุ่นพิเศษภายใต้ชื่อ “Life” เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร และ “Play” เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร พร้อมติดตั้งเครื่องเล่น DVD ทัชสกรีน พร้อมระบบนำทาง GPS หรือเนวิเกเตอร์จากโรงงานทุกรุ่น!! ราคาเริ่มเพียง 872,000 บาทเท่านั้น
มาสด้า อเซลา รุ่นที่ 2 ผลิตระหว่างปี พ.ศ. 2552-2557 ในช่วงก่อนที่จะมีการเปิดตัวในปี พ.ศ. 2552 ในปลายปี พ.ศ. 2551 ได้มีการปล่อยภาพและวีดิโอแสดงการออกแบบของรุ่นที่ 2 ซึ่งยังคงใช้แพลทฟอร์ม BK ในการออกแบบเช่นเดียวกัน รุ่นนี้ เป็นรุ่นแรกที่มีการผลิตรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลออกมาในรุ่น 1.6 ,2.0 และ 2.2 ลิตร และยังคงมีเครื่องยนต์เบนซินในรุ่น 1.6 ,2.0 และ 2.5 ลิตร นอกจากนี้ ยังมีการผลิตเครื่องยนต์แบบใหม่ คือเครื่องยนต์ Skyactiv แต่ยังไม่มีขายในประเทศไทย
รุ่นนี้ ยังไม่มีการผลิตตัวถังแบบใหม่ๆ ออกมา ยังมีแค่ซีดาน 4 ประตูและแฮทช์แบ็ค 5 ประตูตามเดิม และรุ่นนี้ มีการประกอบใน 6 ประเทศได้แก่มาเลเซีย ,อิหร่าน ,ญี่ปุ่น ,โคลัมเบีย ,อเมริกาใต้ และไทย
ในประเทศไทย เปิดตัวรุ่นนี้เมื่อปี พ.ศ. 2554 ผลิตที่โรงงาน AutoAlliance Thailand จ.ระยอง โดยมีเครื่องยนต์ 1.6 และ 2.0 ลิตรตามเดิม โดยยังไม่มีเครื่องยนต์ดีเซลและเครื่องยนต์เบนซินแบบ Skyactiv ให้เลือกแต่อย่างใด โดยรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเปิดตัวก่อน ส่วนเครื่องยนต์ 1.6 ลิตรจึงเปิดตัวตามมาในปี พ.ศ. 2555 หลังจากที่ Mazda 3 Gen1 ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามมาถึง 5 ปี มาถึงคราวต้องปรับลุคกันบ้าง ทางมาสด้าจึงได้เปิดตัว Mazda 3 Gen 2 ในปี 2011 ในคอนเซ็ปต์ “ลุคใหม่…พิกัดใหม่ สายพันธุ์สปอร์ต” ออกแบบทั้งภายนอกและภายในเพิ่มเติมความเป็นสปอร์ตมากขึ้นกว่าโฉมเดิม เครื่องยนต์เดิมสองขนาดทั้ง 1.6 ลิตร 2.0 ลิตร แต่มีจุดเด่นเรื่องระบบเกียร์ “แอ๊คทีฟเมติก” (Activematic) มีค่าตัวเริ่มต้นตั้งแต่ 755,000 บาท ถึง 1,064,000 บาท
รุ่นปรับโฉม
[แก้]นาน ๆ ครั้งที่ Mazda เปิดตัวรถยนต์นั่งรุ่นใหม่พร้อมกันถึง 2 รุ่นในคราเดียว แล้ววันนี้ ( 22 พฤษภาคม 2012) พวกเขาก็ได้จัดงานเปิดตัว Mazda 2 Minorchange รุ่นปี 2012 และเพิ่มรุ่นให้กับ All New Mazda 3 ด้วยเครื่องยนต์ 1.6 ลิตรที่หลายคนรอคอย
เริ่มจากการแนะนำ All New Mazda 3 รุ่นเครื่องยนต์ 1.6 ลิตรเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับตลาด C-Car ที่ Mazda ครองตำแหน่งผู้นำตลาดในกลุ่มเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร (ชนิดที่ลูกค้าทุกท่านไม่เคยทราบมาก่อน) ด้วยสัดส่วนการตลาดในกลุ่มเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรมีมากถึง 40% เหนือกว่า Toyota Corolla Altis, Honda Civic, Ford Focus และ Mitsubishi Lancer EX
แต่เนื่องจากกลุ่มลูกค้า C-Car ระดับ 1,600-1,800 ซีซีมีสัดส่วนการตลาดสูงที่สุดทำให้ Mazda จำเป็นต้องขยายตลาดนั่นหมายความว่าจะต้องทำยอดขาย Mazda 3 โฉมใหม่ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้จะเป็นลูกค้าที่มีความคาดหวังค่อนข้างสูง ทั้งในเรื่องของรูปลักษณ์ดีไซน์ สมรรถนะการขับขี่ ความคุ้มค่าคุ้มราคา อุปกรณ์ที่เพิ่มความหรูหรา สะดวกสบาย คุณภาพของวัสดุที่นำมาประกอบ และระบบความปลอดภัยที่มีให้มากพอตามความต้องการ รวมถึงความประหยัดทั้งค่าบำรุงดูแลรักษาและการประหยัดน้ำมัน และมีระดับราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้ง่าย
ราคาจำหน่าย
- Mazda3 1.6L Groove ซีดาน 4 ประตู เกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะแอคทีฟเมติค ภายในสีดำ เบาะผ้า ล้ออัลลอยด์ 15 นิ้ว ราคาจำหน่าย 755,000 บาท
- Mazda3 1.6L Spirit ซีดาน 4 ประตู เกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะแอคทีฟเมติค ภายในสีดำ เบาะผ้า ล้ออัลลอยด์ 16 นิ้ว ราคาจำหน่าย 825,000 บาท
- Mazda3 1.6 Spirit Sports แฮ็ชต์แบ็ค 5 ประตู เกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะแอคทีฟเมติค ภายในสีดำ เบาะหุ้มหนังสีดำ ล้ออัลลอยด์ 16 นิ้ว ราคาจำหน่าย 869,000 บาท
มาสด้า 3 โฉมที่ 3 ได้เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่ออสเตรเลียในวันที่ 26 มิถุนายน 2556 และได้ใช้แพลตฟอร์มใหม่ Skyactiv chassis ซึ่งไม่ได้ใช้แพลตฟอร์ม Ford C1 อีกต่อไป มาสด้า 3 รุ่นนี้ เป็นรุ่นที่ 3 ที่อยู่ภายใต้การออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของมาสด้า 'KODO' soul of motion' ตามหลังจาก มาสด้า 6 และ มาสด้า CX-5
โฉมนี้ ใช้เครื่องยนต์ SKYACTIV-G 2.0 DOHC แถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่อัจฉริยะ Dual S-VT และระบบไอเสีย 4-2-1 ขนาด 1,998 cc 165 แรงม้า แรงบิดสูง 210 นิวตัน-เมตร ประหยัดน้ำมัน 27 กิโลเมตร/ลิตร รองรับน้ำมัน E85
มาสด้าได้เปิดตัว Mazda 3 Gen 3 ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี “SkyActiv” ให้กับคนไทยได้รู้จักในปี 2014 ด้วยรูปลักษณ์สปอร์ต ปราดเปรียว ภายใต้ปรัชญาการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของมาสด้า KODO DESIGN soul of motion เช่นเดียวกับรุ่นพี่อย่าง Mazda 6 , Mazda CX-5 และยังขับขี่สบายใจมากขึ้นกับเทคโนโลยีความปลอดภัยสุดล้ำ i-ACTIVSENSE พร้อมเชื่อมต่อกับโลกโซเชียลจากระบบ เอ็มแซดดี คอนเน็ค (MZD Connect) และ ระบบนำทางเนวิเกเตอร์ เครื่องยนต์ใหม่ SKYACTIV-G 2.0 ลิตร พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่อัจฉริยะ Dual S-VT ทำให้มาสด้าชูจุดเด่นความแรงและความประหยัดจากเครื่องยนต์ SKYACTIC-G นี้ได้ โดยมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 838,000 บาท ถึง 1,099,000 บาท
รุ่นปรับโฉม
[แก้]รุ่นปรับโฉมได้เปิดตัวในประเทศไทยเมื่อวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2560 มีการปรับปรุงภายนอก อย่างเช่น มีการออกแบบกระจังหน้าแบบใหม่ โคมไฟหน้าเพิ่มระบบไฟหน้าอัจฉริยะ ส่วนระบบความปลอดภัยได้เพิ่มระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ i-Activsense และระบบควบคุมการทรงตัวขณะเลี้ยว G-Vectoring Control (GVC) มีสีตัวถังเพิ่มมาใหม่ 3 สี คือ สีดำ (Jet Black) สีน้ำเงิน (Ethanol Blue) และสีเทา (Meteor Gray)
ราคาอย่างเป็นทางการ
- 2.0 Entry AT 857,000 บาท (ปรับเพิ่ม 10,000 บาท)
- 2.0 Core AT 951,000 บาท (ปรับเพิ่ม 23,000 บาท)
- 2.0 High AT 998,000 บาท (ปรับเพิ่ม 10,000 บาท)
- 2.0 High Plus AT 1,149,000 บาท (ปรับเพิ่ม 30,000 บาท)
รุ่นที่ 4 (BP; พ.ศ. 2562-ปัจจุบัน)
[แก้]มาสด้า 3 โฉมที่ 4 เจนปัจจุบันพึ่งเปิดตัวในงานมหกรรมรถยนต์ LA Auto Show 2018 ที่พึ่งจัดขึ้นช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2018 มาพร้อมตัวถัง ซีดาน 4 ประตู และ แฮทซ์แบ็ค 5 ประตู เครื่องยนต์เบนซินใหม่ SKYACTIV-X 2.0 ลิตร 4 สูบ จะมาพร้อมระบบอัดอากาศซุปเปอร์ชาร์จเจอร์เพื่อเพิ่มแรงบิดขึ้นอีกราว 10-30 เปอร์เซ็นต์ และเครื่องยนต์ Skyactiv-D 1.8 ลิตร (S8-DPTS/S8-DPTR) เทอร์โบดีเซล 4 สูบ
ในประเทศไทย เปิดตัวรุ่นนี้เมื่อ วันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2562 โดยมีเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร SKYACTIV-G ตามเดิม แต่มีสีตัวถึงเพิ่มมาใหม่ 1 สี คือ สีเทานม (Polymetal Grey)
ยกเลิกรุ่นย่อยเริ่มต้น 2.0 Entry ส่วนรุ่น 2.0 Core / High (S) / High Plus (SP) ราคาปรับเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิม 18,000 – 71,000 บาท
จากนั้นในช่วงเดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 Mazda ประเทศไทย ฉลองครบรอบ 100 ปี แบรนด์ Mazda เปิดตัว Mazda 3 100th Anniversary รุ่นพิเศษ 1,237,000 บาท เพิ่ม หลังคา Sunroof เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า, ภายในห้องโดยสาร สีทูโทน ขาว – แดงเลือดนก Burgundy และ ตราสัญลักษณ์ 100 ปี รอบคัน
ล่าสุด Mazda ประเทศไทย เตรียมเปิดตัว Mazda 3 MY2022 ภายในเดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 นี้ ! มีการปรับอุปกรณ์เพิ่มเติมในแต่ละรุ่นย่อย ให้คุ้มค่ากว่าเดิม และ อาจมีการเพิ่มโทนสีตัวถังภายนอกใหม่ สีเบจ Platinum Quartz
รุ่นปรับโฉม 2565
[แก้]ล่าสุด Mazda ส่งมาดใหม่ลุคส์ใหม่ของ Mazda 3 รุ่นปรับปรุงใหม่ หรือ MY2022 ออกสู่ตลาดโดยมีการเพิ่มสีบรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ เข้ามา หน้าตายังคงเดิมในร่างสองตัวถังหลักทั้งซีดาน 4 ประตู และฟาสต์แบ็ค 5 ประตู หล่อเดิมทั้งกระจังหน้าแบบ Signature Wing ไฟหน้า Projector แบบ LED และไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน Daytime Running Lamp แบบ Signature ระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS และไฟท้าย LED ทรงกลมโดนัท 2 ดวง เป็นออพชั่นใหม่ในรุ่น 2.0 C และ 2.0 S ส่วน 2.0 SP ยังคงเดิม กระจกมองข้างทรงสปูนปรับพับด้วยไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยวในตัว กล้องมองหลังในรุ่น 2.0 S และสัญญาณกะระยะถอยจอดรวมกัน 10 จุด ทั้งด้านหน้าและด้านหลังออพชั่นใหม่ในรุ่น 2.0 S ส่วน 2.0 SP คงเดิม และ สัญญาณกะระยะถอยจอดถอยหลังกับกล้องมองหลัง เป็นออพชั่นใหม่ในรุ่น 2.0 C เสาอากาศฝังกระจกหน้า และล้ออัลลอยเลือกได้สองขนาดทั้ง 5 ก้านคู่ 18 นิ้วพร้อมยาง 215/45R18 กับขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 205/60R16
อุปกรณ์ที่เปลี่ยนแปลง
- เฉพาะรุ่น 2.0 Core และ 2.0 High
- เพิ่ม ไฟ Daytime Running Light แบบ LED, ระบบปรับไฟหน้าตามองศาการเลี้ยวของรถ AFS และ ไฟท้ายแบบ LED
- เฉพาะรุ่น 2.0 High และ 2.0 High Plus
- ตัด เซนเซอร์กะระยะช่วยจอด ด้านหลัง จาก 6 เหลือ 4 ตำแหน่ง
- 2.0 Core
- เพิ่ม เซนเซอร์กะระยะช่วยจอด ด้านหลัง 4 ตำแหน่ง และ กล้องมองภาพขณะถอยจอด
- 2.0 High
- เพิ่ม แป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift
- 2.0 High Plus
- เพิ่ม หลังคา Sunroof เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า และ อัพเกรด ระบบควบคุมความเร็ว และ พวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS จากเดิมทำงานที่ความเร็วไม่เกิน 60 km/h เป็น 145 km/h
- สีใหม่
- สีตัวถังภายนอก สีเบจ Platinum Quartz (มาแทน น้ำตาล Titanium Flash)
- ราคา
- ราคาปรับเพิ่ม 10,000 บาท (2.0 C (Core); จากเดิม 969,000 บาท มาเป็น 979,000 บาท)
รุ่นพิเศษ Carbon Edition
[แก้]ล่าสุดทาง Mazda ประเทศไทย ได้เพิ่มทางเลือกกับรถใหม่รุ่นพิเศษ นามว่า CARBON EDITION ที่ลูกค้าสามารถเลือกได้กับรถใหม่ถึง 4 รุ่น ดังนี้ Mazda2, Mazda3, Mazda CX-3 และ Mazda CX-30 โดยปรับราคาเพิ่มจากรุ่นปกติ 10,000 บาท
Mazda เอาใจคนรักความสปอร์ตพรีเมี่ยมภายใต้ชื่อ Carbon Edition มาพร้อมแนวคิด “Unique You” โดดเด่นทั้งภายนอกและภายในที่ได้รับการออกแบบขึ้นพิเศษ กับคอนเซ็ปต์สไตล์คาร์บอนมาสร้างแรงบันดาลใจในการถ่ายทอดภาพลักษณ์ความสปอร์ต ดีไซน์ภายนอกโทนสีเข้มบ่งบอกความเรียบหรู ภายในเบาะนั่งสีแดง Burgundy สปอร์ตโฉบเฉี่ยวมีเอกลักษณ์ที่ไม่ซ้ำใคร ครบครันด้วยฟังก์ชั่นและเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ระบบความปลอดภัยระดับโลกอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะมาสด้า
อุปกรณ์ตกแต่งที่คัดสรรด้วยวัสดุคุณภาพสูงรอบคัน โดยใช้รูปแบบการตกแต่งสไตล์คาร์บอนในการถ่ายทอดภาพลักษณ์ความสปอร์ต ตามแนวคิด โคโดะ ดีไซน์ ที่เน้นความเรียบง่ายแต่งดงาม บ่งบอกอัตลักษณ์ตัวตนความพิเศษแบบไม่เหมือนใคร ผ่านรถยนต์มาสด้าที่กำลังร้อนแรงมากที่สุดในตลาด
- มาสด้า3 Carbon Edition รุ่นซีดาน 4 ประตู มาพร้อมกับสีภายนอกใหม่ สีเทา โพลี เมทัล เกรย์ เป็นครั้งแรก โดยการตกแต่งตัดกับสีโทนเข้ม กระจกมองข้างสีดำ ล้ออัลลอยสีดำ ขนาด 18 นิ้ว ตอบโจทย์ทุกความสปอร์ต สง่างาม เรียบหรูทุกมุมมอง ภายในตกแต่งเป็นพิเศษด้วยหนังสีดำและด้ายสีแดง พร้อมเบาะหนังสีแดง Burgundy และมอบความมั่นใจให้ทุกการเดินทางด้วยระบบแสดงภาพ 360 องศารอบทิศทาง
- มาสด้า 3 Carbon Edition Sports รุ่นฟาสต์แบค 5 ประตู ผสานความแตกต่างด้วยดีไซน์สะกดสายตาทุกมุมมอง มาพร้อมกระจกมองข้างสีดำ ล้ออัลลอยสีดำ ขนาด 18 นิ้ว ตัดกับสีภายนอก สีเทา โพลีเมทัล เกรย์ มอบความโดดเด่นที่เหนือระดับกับหลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า ภายในห้องโดยสารตกแต่งเป็นพิเศษด้วยหนังสีดำและด้ายสีแดง พร้อมเบาะหนังสีแดง Burgundy เพิ่มความพิเศษในสไตล์สปอร์ตพรีเมี่ยมได้อย่างลงตัว
ราคาจำหน่าย 1,210,000 บาท
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Mazda begins production of fourth new generation product". media.ford.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-01-23. สืบค้นเมื่อ 26 May 2012.
- ↑ "Mazda 3[Axela] Japanese product page". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-05-17. สืบค้นเมื่อ 30 March 2013.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ มาสด้า3
- เว็บไซต์มาสด้า3 ประเทศไทย เก็บถาวร 2009-04-25 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน