ภาพเชิงวัฒนธรรมของควีนแมรีที่ 1 แห่งอังกฤษ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สมเด็จพระราชินีแมรีที่ 1 แห่งอังกฤษ วาดโดย ฮันส์ เอวอร์ท (ปี ค.ศ. 1555-58

ประวัติศาตร์ของอังกฤษและชีวิตของสมเด็จพระราชินีนาถแมรีที่ 1 แห่งอังกฤษ ได้ถูกนำไปถ่ายทอดในวรรณกรรม  ภาพยนตร์ และสื่อต่างๆ ในแง่มุมเชิงวัฒนธรรมจำนวนหนึ่ง

วรรณกรรม[แก้]

  • Marie Tudor (1833) โดย Victor Hugo
  • The Tower of London (1840) โดย William Harrison Ainsworth
  • Queen Mary (1875) โดย Alfred, Lord Tennyson — เป็นบทละครเวที (theatrical play)
  • The Prince and the Pauper (1881) โดย Mark Twain — นวนิยายนี้ประกอบด้วยภาพของแมรี่ก่อนการขึ้นครองราชย์ในฐานะ "สุภาพสตรีที่บริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์" ปรากฎตัวสั้น ๆ มีอิทธิพลอย่างมากต่อภาพลักษณ์เชิงลบของเธอ ทำให้มาร์ก ทเวน ได้รับความนิยมอย่างมากจากงานประพันธ์นี้
  • Mary Tudor: A Play in a Prologue and Three Acts (1936) โดย Wilfred Grantham[1] และมีรายการวิทยุปี 1945 ดัดแปลงจาก Mary Tudor
  • Young Bess (1944), Elizabeth, Captive Princess (1948), และ Elizabeth and the Prince of Spain (1953) โดย Margaret Irwin — นวนิยายไตรภาคนี้มุ่งเน้นช่วงปีแรกๆ ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 และความสัมพันธ์ของควีนแมรีกับ พระเจ้าเฟลีเปที่ 2 แห่งสเปน
  • Mary, the Infamous Queen (1971) โดย Maureen Peters — นวนิยายนี้เล่าเรื่องชีวิตของควีนแมรีตลอดรัชกาลของเธอ
  • Daughter of Henry VIII (1971) โดย Rosemary Churchill. เน้นการต่อสู้ของควีนแมรีกับพระราชบิดา พระเจ้าเฮนรีที่ 8 
  • The Ringed Castle (1971) โดย Dorothy Dunnett. ส่วนหนึ่งของชุดนวนิยาย Lymond Chronicles  นวนิยายเรื่องนี้สื่อความน่าเห็นอกเห็นใจในเรื่องของการแต่งงานและการตั้งครรภ์ของควีนแมรี
  • I Am Mary Tudor (1971), Mary the Queen (1973), และ Bloody Mary (1974) by Hilda Lewis — นวนิpายไตรภาคที่เน้นชีวิตของควีนแมรีตั้งแต่คลอดจนถึงบั้นปลายของชีวิต หนังสือชุดนี้มี "การสำรวจในแง่จิตวิทยาของตัวละครแมรี่" ที่น่าเห็นใจ ตัวละครที่กลายเป็น "ปีปัญหาทางจิต หวาดระแวงและหลงลืม" ในบั้นปลายของชีวิต
Mary Tudor, Princess of England; โดย Hans Holbein the Younger
  • Queen's Lady (1981) โดย Patricia Parkes
  • In the Shadow of the Crown (1988) โดย Eleanor Hibbert — นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ที่เน้นเรื่องราชวงศ์ทิวดอร์
  • In the Garden of Iden (1997) โดยนักเขียนอเมริกัน Kage Baker — นวนิยายวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการเดินทางข้ามเวลา
  • In The Time Of The Poisoned Queen (1998) โดย Paul C. Doherty — ควีนแมรีเสียชีวิตจากการให้ยาพิษ ตัวละคร Nicholas Segalla สืบสวนความลึกลับทางประวัติศาสตร์กับผู้ต้องสงสัยหลายคน
  • Elizabeth I: Red Rose of the House of Tudor (1999) โดย Kathryn Lasky — นวนิยายนี้เป็นส่วนหนึ่งของชุดนิยายอิงประวัติศาสตร์ The Royal Diaries สำหรับเด็กและเยาวชน  แมรี่เป็นตัวละครที่โดดเด่นและเป็นคู่ปรับที่ขมขื่นกับเอลิซาเบธ น้องสาวของเธอ
  • Mary, Bloody Mary (1999) และ Beware, Princess Elizabeth (2001) โดยนักเขียนอเมริกัน Carolyn Meyer — นวนิยายทั้งสองเป็นส่วนหนึ่งของชุด Young Royals เล่มแรกเล่าชีวิตของแมรี่ตอนวัยรุ่น เล่มที่สอง เล่าเรื่องชีวิตของเอลิซาเบธตอนวัยรุ่น ทั้งสองเล่มพยายามสำรวจประสบการณ์ของแมรี่และเอลิซาเบธในชีวิตช่วงต้น และชีวิตช่วงต้นมีผลต่อชีวิตในช่วงหลังอย่างไร
  • Kissed by Shadows (2003) โดยนักเขียนบริดิช-อเมริกัน Jane Feather — สรุปบท Kiss Trilogy ชุด "ละครประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อน" ในศตวรรษที่ 16
  • The Queen's Fool (2004) โดยนักเขียนประวัคิศาสตร์อังกฤษ Philippa Gregory — นวนิยายนี้พรรณนาการขึ้นสู่อำนาจของควีนแมรีและครองราชย์ด้วยความเห็นอกเห็นใจและพยายามที่จะแก้ไขภาพที่น่ากลัวอันยาวนานของเธอ แสดงให้เห็นผ่านทางมุมมองของผู้รับใช้ที่ทุ่มเทและน่ารัก - โดยไม่ต้องปิดบังความกลัวการข่มเหง
  • Innocent Traitor (2007) และ The Lady Elizabeth (2008) โดยนักเขียนหนังสือประวัติศาสตร์ Alison Weir — ทั้งสองเล่มครอบคลุมความสัมพันธ์เชิงปฏิปักษ์ของควีนแมรีกับเลดีเจน เกรย์ และสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 
  • The Queen's Sorrow (2008) โดย Suzannah Dunn — นวนิยายพยายามะแสดงให้เห็นอีกด้านหนึ่งของควีนแมรี ผ่านทางมุมมองของราฟาเอล ซึ่งเป็นสมาชิกคนหนึ่งในกลุ่มผู้ติดตามพระเจ้าเฟลีเปที่ 2 แห่งสเปน (Philip II of Spain) 
  • Dracula and the Bloody Mary: A Tragicomedy (ต้นศตวรรษที่ 21) โดย Santiago Sevilla — บทละครเวทีที่ตีพิมพ์ใน Liceus El Portal de las Humanitades (Liceus.com) เน้นตัวละคร แดรกคูลา ในศาลของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 6 และควีนแมรี
  • การปรากฎเป็น Princess Mary ในวรรณกรรม Wolf Hall ปี 2009 ของนักเขียนชื่อดังชาวอังกฤษอังกฤษ Hilary Mantel[ต้องการอ้างอิง]

ภาพยนตร์และโทรทัศน์[แก้]

ควีนแมรีถูกนำไปเป็นใช้ หรือดัดแปลงเป็นบทบาทต่างๆ ในภาพยนตร์และซีรีส์โทรทัศน์ ต่อไปนี้

นักแสดง/ตัวละคร เรื่อง ปี ลักษณะ (เพิ่มเติม) ประเภท
Jeanne Delvair Marie Tudor 1917 ดัดแปลงจากเรื่องโดย Victor Hugo   ภาพยนตร์
Gwen Ffrangcon Davies Tudor Rose 1936 เกี่ยวกับเลดีเจน เกรย์, อีกชื่อของภาพยนตร์ Nine Days a Queen (US) ภาพยนตร์
Yvette Pienne  Pearls of the Crown 1937 ชื่อเดิม Les perles de la couronne ภาพยนตร์
Ann Tyrrell (ไม่ปรากฎเครดิต) Young Bess 1953 ภาพยนตร์ 
Sheila Allen The Prince and the Pauper 1962 ภาพยนตร์แนวผจญภัยของ วอลต์ ดิสนีย์ มี 3 ตอน, ดัดแปลงจากเรื่อง Mark Twain ออกฉายเป็นส่วนหนึ่งของ Wonderful World of Color ภาพยนตร์
Françoise Christophe Marie Tudor 1966 และ Kathy Fraise ยังเล่นบทแมรีตอนเด็ก ภาพยนตร์ดัดแปลงจากเนื้อเรื่องโดย Victor Hugo ภาพยนตร์
Nicola Pagett  Anne of the Thousand Days 1969 ในเรื่องแมรี่ปรากฎตัวสั้นๆ ในซีนเดียว แสดงการเสียชีวิตของ Catherine of Aragon / กาตาลินาแห่งอารากอน พระราชินีแห่งอังกฤษ; ในความเป็นจริง ควีนแมรีไม่ได้อยู่ด้วยในเหตุการณ์นี้ ควีนแมรีอยู่ในที่ห่างไกลกับน้องสาว สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 ภาพยนตร์
Verina Greenlaw  The Six Wives of Henry VIII 1971 Greenlaw เป็นเด็กสาวในตอนแรกสุด ("Catherine of Aragon") ในซีรีส์ของ BBC มินิซีรีส์
Alison Frazer  The Six Wives of Henry VIII 1971   Frazer แสดงบทผู้หญิงอายุมากในตอนที่ 3 "Jane Seymour" และตอนที่ 6 "Catherine Parr" มินิซีรีส์
Daphne Slater Elizabeth R 1971 ของ BBC ซีรีส์
Inge Keller Die Liebe und die Königin 1977 ภาพยนตร์ภาษาเยอรมัน<ฝsmall>นี้ ดัดแปลงจากเนื้อเรื่องโดย Victor Hugo  ภาพยนตร์โทรทัศน์
Jane Lapotaire Lady Jane 1986 เฮเลน่า บอนแฮม คาร์เตอร์ แสดงเป็นเลดีเจน เกรย์ ภาพยนตร์
Mary MacDonald Kings and Queens of England Volume I 1993 กำกับโดย Graham Holloway  วิดิโอ
Kathy Burke Elizabeth 1998 กำกับโดย เชคการ์ คาปูร์, Cate Blanchettฅเคต แบลนเชตต์ สวมบท สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 ภาพยนตร์
Lara Belmont Henry VIII 2003 ซีรีส์ของ Granada Television
บทบาทเล็กๆ และตามด้วย Anne of the Thousand Days ซีงมีควีนแมรีอยู่ด้วยกับพระมารดาที่กำลังใกล้จะเสียชีวิตบนเตียง
ซีรีส์
ตัวละคร Lisa Simpson, (เสียง Yeardley Smith) The Simpsons  2004 เดอะซิมป์สันส์ ตอน "Margical History Tour" แมรี่เป็นเด็กที่ถูกกล่าวหาเรื่องการหย้าร้างของพ่อแม่ เพราะ (ตามที่ Marge/Catherine) บอก "You came out the wrong sex and ruined everything!" ซีรีส์
Joanne Whalley The Virgin Queen 2005 Anne-Marie Duff แสดงเป็นสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 มินิซีรีส์
Bláthnaid McKeown,
Sarah Bolger 
The Tudors 2007 McKeown เป็นเด็กสาวในซีซันแรกของซีรีส์ และ Bolger เป็นตอนวัยรุ่นจนถึงอายุ 20 ต้นๆ ในซีซันที่ 2-4 (2008–2010), เรื่องนี้ Sarah Bolger ได้รับคำชมจากการแสดงของเธอ  มินิซีรีส์
Constance Stride The Other Boleyn Girl 2008 ชื่อไทย บัลลังก์รัก ฉาวโลก, ดัดแปลงจากนวนิยายชื่อเดียวกัน โดย Philippa Gregory
Miranda French The Twisted Tale Of Bloody Mary 2008 ภาพยนตร์อิสระหนึ่ง โดย TV Choice[2] ภาพยนตร์โทรทัศน์
Alice Lowe, Sarah Hadland Horrible Histories 2009- Lowe ในภาค 3 และ Hadland ในภาค 4 ของเรื่อง ทีวีซีรีส์
Lily Lesser Wolf Hall 2015 มินิซีรีส์ 
Daisy Ashford  Elizabeth I 2017 docu-drama ที่เผยแพร่ทาง Channel 5 (UK) มินิซีรีส์

นอกจากนี้ยังมีเพลงที่แต่งในทำนอง Wuthering Heights โดย เคต บุช / Kate Bush ได้กล่าวถึงชีวิตของควีนแมรี และยังใช้สไตล์การเต้นและชุดสีแดงเหมือนกันในมิวสิควิดีโอ

บันทึกเสียง[แก้]

  • ควีนแมรีปรากฎใน Doctor Who  การบันทึกเสียง The Marian Conspiracy ในปี 1554, เสียงโดย Anah Ruddin — เนื้อเรื่องมุ่งเน้นไปที่ความตึงเครียดทางศาสนาในรัชกาลของควีนแมรี และเกี่ยวข้องกับความพยายามที่จะลอบสังหารควีนโดยผู้นับถือโปรเตสแตนต์ชาวอังกฤษและผู้นับถือคาทอลิกชาวฝรั่งเศส

วิดิโอเกม[แก้]

  • "Bloody Mary" ปรากฏเป็นหัวหน้าในละครเวที Sylvain Castle ในเกม Terranigma 
  • "Bloody Mary" ปรากฏในเกมแอคชั่น Rusty ปี 1993

อ้างอิง[แก้]

  1. Grantham, Wilfrid (1936). Mary Tudor : a play in a prologue and three acts. London: Play Rights & Publications.
  2. Cooney, Patrick Louis. "The Twisted Tale of Bloody Mary (2008)". Vernonjohns.org. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-01-13. สืบค้นเมื่อ June 5, 2018.

อ่านเพิ่มเติม[แก้]

Sue Parrill and William B. Robison, The Tudors on Film and Television (McFarland, 2013). ISBN 978-0786458912978-0786458912.

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]