ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การถือผิว"
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: เครื่องมือแก้ไขต้นฉบับปี 2560 |
ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: เครื่องมือแก้ไขต้นฉบับปี 2560 |
||
บรรทัด 2: | บรรทัด 2: | ||
[[ไฟล์:DurbanSign1989.jpg|thumb|250px|แผ่นป้ายการแยกผิวบนหาด Durban ในภาษาอังกฤษ ภาษาแอฟริกัน และภาษาซูลู]] |
[[ไฟล์:DurbanSign1989.jpg|thumb|250px|แผ่นป้ายการแยกผิวบนหาด Durban ในภาษาอังกฤษ ภาษาแอฟริกัน และภาษาซูลู]] |
||
{{Segregation}} |
|||
'''การถือผิวในประเทศแอฟริกาใต้''' ({{lang-en|Apartheid}}) เป็นระบบ[[การแบ่งแยกเชื้อชาติ|การแบ่งแยกกลุ่มคนต่างเชื้อชาติ]]ใน[[สหภาพแอฟริกาใต้]]ออกจากกัน บังคับใช้โดยรัฐบาลของ[[พรรค National Party]] ระหว่างปี ค.ศ. 1948-1994 |
'''การถือผิวในประเทศแอฟริกาใต้''' ({{lang-en|Apartheid}}) เป็นระบบ[[การแบ่งแยกเชื้อชาติ|การแบ่งแยกกลุ่มคนต่างเชื้อชาติ]]ใน[[สหภาพแอฟริกาใต้]]ออกจากกัน บังคับใช้โดยรัฐบาลของ[[พรรค National Party]] ระหว่างปี ค.ศ. 1948-1994 |
||
รุ่นแก้ไขเมื่อ 20:07, 5 มิถุนายน 2563
ส่วนหนึ่งของบทความเกี่ยวกับ |
การแบ่งแยกเชื้อชาติ |
---|
การแบ่งแยกในภูมิภาคต่าง ๆ |
|
การระทำคล้ายกันในดินแดนอื่น ๆ |
การถือผิวในประเทศแอฟริกาใต้ (อังกฤษ: Apartheid) เป็นระบบการแบ่งแยกกลุ่มคนต่างเชื้อชาติในสหภาพแอฟริกาใต้ออกจากกัน บังคับใช้โดยรัฐบาลของพรรค National Party ระหว่างปี ค.ศ. 1948-1994
การแบ่งแยกคนต่างเชื้อชาติในประเทศแอฟริกาใต้เริ่มต้นตั้งแต่ยุคล่าอาณานิคม แต่การกำหนดเป็นนโยบายแยกคนต่างผิวออกจากกันนี้ได้เป็นนโยบายของรัฐหลังจากการเลือกตั้งในปี ค.ศ. 1948 โดยแบ่งแยกพลเมืองในประเทศออกเป็นกลุ่มต่างๆ ได้แก่ พวกผิวดำ ผิวขาว ผิวสี และพวกอินเดีย ที่อยู่อาศัยของประชาชนจะต้องจัดแบ่งแยกกันและถูกบังคับให้โยกย้าย ชนผิวดำถูกกีดกันออกจากสถานะความเป็นพลเมือง ราวหนึ่งในสิบแยกตัวออกไปปกครองตนเอง เรียกว่า บันตูสถาน (Bantustan) ในจำนวนนี้มีการแยกตัวเป็นรัฐอิสระ 4 แห่ง การแบ่งแยกของรัฐบาลรวมไปถึงการกำหนดการศึกษา การรักษาพยาบาล บริการสาธารณะต่างๆ โดยที่คนผิวดำจะได้รับบริการที่ด้อยกว่าคนผิวขาว
การแบ่งแยกผิวนี้ทำให้เกิดความขัดแย้งภายในประเทศอย่างรุนแรง[1] กลายเป็นการลุกฮือ ประท้วง และต่อต้านติดต่อกันจำนวนมาก ซึ่งถูกรัฐบาลสั่งปราบปรามและจำคุกบรรดาผู้นำขบวนการต่อต้านการแบ่งแยกผิวนี้เป็นจำนวนมาก ยิ่งการต่อต้านแผ่กระจายวงกว้างออกไปและรุนแรงขึ้นเพียงใด ฝ่ายปกครองก็ยิ่งตอบโต้ด้วยการกดดันและใช้กำลังรุนแรงมากขึ้นปานกัน
การปราบปรามการต่อต้านการเหยียดผิวเริ่มอ่อนแรงลงในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1980 จนกระทั่งปี ค.ศ. 1990 ประธานาธิบดี เฟรเดอริก วิลเลม เดอ เคลิร์ก จึงได้เริ่มการเจรจาเพื่อยุติปัญหาการเหยียดผิว ต่อมาได้มีการเลือกตั้งแบบหลากชนชาติภายใต้ระบบประชาธิปไตยเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1994 ซึ่งผู้ชนะการเลือกตั้งคือพรรคสมัชชาแห่งชาติแอฟริกา โดยการนำของ เนลสัน มันเดลา แต่ร่องรอยของการเหยียดผิวยังคงส่งผลต่อนโยบายทางการเมืองและสังคมของประเทศแอฟริกาใต้อยู่[2]
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
- Theology in Africa: Apartheid & Theology บทความพิเศษว่าด้วยการแบ่งแยกสีผิว
- การปฏิวัติสิทธิของคนผิวขาว
- ลำดับเวลากระบวนการการเจรจาเพื่อสันติภาพในแอฟริกาใต้ ระหว่างคริสต์ทศวรรษ 1980 และ 1990
- ประวัติองค์การเพื่อเสรีภาพ SAHO
- บทความว่าด้วยการแบ่งแยกสีผิว โดยสหประชาชาติ
- พิพิธภัณฑ์การเหยียดผิวในโจฮันเนสเบิร์ก