ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อริยสัจ 4"
จตุพล เอมอุดม (คุย | ส่วนร่วม) ล เพิ่มลิ้งค์สัมมาสัมพุทธเจ้า |
จตุพล เอมอุดม (คุย | ส่วนร่วม) เพิ่มอริยสัจ 4 เป็น 3 นัยยะ คือ นัยยะทั่วไป นัยยะอายตนะ6 กับ นัยยะของขันธ์ 5 ตามที่พระศาสดาตรัสไว้ และ เพิ่มเอกสารอ้างอิง อริยสัจจากพระโอษฐ์ภาคต้น |
||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
==== ความหมาย ==== |
|||
'''อริยสัจ 4''' '''หรือ''' '''จตุราริยสัจ''' '''คือ''' ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ ที่พระ[[สัมมาสัมพุทธเจ้า]]ทุกพระองค์รวมถึง[[พระโคตมพุทธเจ้า]]ได้ตรัสรู้และประกาศสอน เป็นสัจจะความจริงที่ผู้ใดก็ตามที่ได้เห็นแจ้งและแทงตลอดในสัจจะความจริงนี้แล้ว จะทำให้ผู้นั้นเป็นบุคคลผู้ประเสริฐหรือเป็น[[อริยบุคคล]]ได้ |
'''อริยสัจ 4''' '''หรือ''' '''จตุราริยสัจ''' '''คือ''' ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ ที่พระ[[สัมมาสัมพุทธเจ้า]]ทุกพระองค์รวมถึง[[พระโคตมพุทธเจ้า]]ได้ตรัสรู้และประกาศสอน เป็นสัจจะความจริงที่ผู้ใดก็ตามที่ได้เห็นแจ้งและแทงตลอดในสัจจะความจริงนี้แล้ว จะทำให้ผู้นั้นเป็นบุคคลผู้ประเสริฐหรือเป็น[[อริยบุคคล]]ได้ ซึ่งทางพระศาสดาได้ทรงตรัสไว้หลายนัยยะ ดังนี้ |
||
==== '''นัยยะทั่วไป''' ==== |
|||
# '''[[ทุกข์]]''' (Sanskrit: Duhkha) คือ สภาพที่ทนได้ยาก ภาวะที่ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ สภาพที่บีบคั้น ได้แก่ ชาติ (การเกิด) ชรา (การแก่ การเก่า) มรณะ (การตาย การสลายไป การสูญสิ้น) การประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รัก การพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก การปรารถนาสิ่งใดแล้วไม่สมหวังในสิ่งนั้น กล่าวโดยย่อ ทุกข์ก็คือ[[อุปาทานขันธ์]] หรือ[[ขันธ์ 5]] |
|||
# '''[[สมุทัย]]''' (Sanskrit: Samudaya ) คือ สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ได้แก่ [[ตัณหา|ตัณหา 3]] คือ กามตัณหา-ความทะยานอยากในกาม ความอยากได้ทางกามารมณ์, ภวตัณหา-ความทะยานอยากในภพ ความอยากเป็นโน่นเป็นนี่ ความอยากที่ประกอบด้วย[[ภวทิฏฐิ]]หรือ[[สัสสตทิฏฐิ]] และ วิภวตัณหา-ความทะยานอยากในความปราศจากภพ ความอยากไม่เป็นโน่นเป็นนี่ ความอยากที่ประกอบด้วย[[วิภวทิฏฐิ]]หรือ[[อุจเฉททิฏฐิ]] |
|||
# '''[[นิโรธ]]''' (Sanskrit: Nirodha) คือ ความดับทุกข์ ได้แก่ ดับสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ กล่าวคือ ดับตัณหาทั้ง 3 ได้อย่างสิ้นเชิง |
|||
# '''[[มรรค]]''' (Sanskrit: Marga) คือ แนวปฏิบัติที่นำไปสู่หรือนำไปถึงความดับทุกข์ มีองค์ประกอบอยู่แปดประการ คือ 1. [[สัมมาทิฏฐิ]]-ความเห็นชอบ 2. [[สัมมาสังกัปปะ]]-ความดำริชอบ 3. [[สัมมาวาจา]]-เจรจาชอบ 4. [[สัมมากัมมันตะ]]-ทำการงานชอบ 5. [[สัมมาอาชีวะ]]-เลี้ยงชีพชอบ 6. [[สัมมาวายามะ]]-พยายามชอบ 7. [[สัมมาสติ]]-ระลึกชอบ และ 8. [[สัมมาสมาธิ]]-ตั้งใจชอบ ซึ่งรวมเรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า "มัชฌิมาปฏิปทา" หรือทางสายกลาง |
|||
#'''[[ทุกข์]]''' (Sanskrit: Duhkha) ภิกษุทั้งหลาย นี้แล คือความจริงอันประเสริฐ เรื่องความทุกข์ คือ ความเกิดเป็นทุกข์ ความแก่เป็นทุกข์ ความเจ็บไข้ก็เป็นทุกข์ ความตายก็เป็นทุกข์ ความประจวบกับสิ่งที่ไม่รักเป็นทุกข์ ความพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นทุกข์ ความปรารถนาสิ่งใดแล้วไม่ได้สิ่งนั้นเป็นทุกข์ กล่าวโดยย่อ [[ขันธ์ 5]] ที่ประกอบด้วยอุปาทานเป็นทุกข์ |
|||
⚫ | |||
#'''[[สมุทัย]]''' (Sanskrit: Samudaya ) ภิกษุทั้งหลาย นี้แล คือความจริงอันประเสริฐ เรื่องแดนเกิดของความทุกข์ คือ ตัณหา อันเป็นเครื่องทำให้มีการเกิดอีก อันประกอบอยู่ด้วยความกำหนัดด้วยอำนาจของความเพลิน อันเป็นเครื่องให้เพลิดเพลินอย่างยิ่งในอารมณ์นั้นๆ ได้แก่ ตัณหาในกาม ตัณหาในความมีความเป็น ตัณหาในความไม่มีไม่เป็น |
|||
#'''[[นิโรธ]]''' (Sanskrit: Nirodha) ภิกษุทั้งหลาย นี้แล คือความจริงอันประเสริฐ เรื่องความดับไม่เหลือของความทุกข์ คือ ความดับสนิทเพราะจางไปโดยไม่มีเหลือของตัณหานั้นนั่นเอง คือ ความสลัดทิ้ง ความสลัดคืน ความปล่อย ความทำไม่ให้มีที่อาศัย ซึ่งตัณหานั้น |
|||
#'''[[มรรค]]''' (Sanskrit: Marga) ภิกษุทั้งหลาย นี้แล คือความจริงอันประเสริฐ เรื่องข้อปฏิบัติอันทำสัตว์ให้ลุถึงความดับไม่เหลือของความทุกข์ คือ ข้อปฏิบัติอันเป็นหนทางอันประเสริฐอันประกอบด้วยองค์8 ประการนี้ ได้แก่ ความเห็นที่ถูกต้อง ([[สัมมาทิฏฐิ]]) ความดำริที่ถูกต้อง [[สัมมาสังกัปปะ|(สัมมาสังกัปปะ]]) การพูดจาที่ถูกต้อง [[สัมมาวาจา|(สัมมาวาจา)]] การทำงานที่ถูกต้อง ([[สัมมากัมมันตะ]]) การมีอาชีพที่ถูกต้อง [[สัมมาอาชีวะ|(สัมมาอาชีวะ]]) ความพากเพียรที่ถูกต้อง ([[สัมมาวายามะ|สัมมาวายามะ)]] ความระลึกที่ถูกต้อง [[สัมมาสติ|(สัมมาสติ]]) ความตั้งใจมั่นคงที่ถูกต้อง ([[สัมมาสมาธิ|สัมมาสมาธิ)]] |
|||
==== '''นัยยะของอายตนะ 6''' ==== |
|||
# '''[[ทุกข์]]''' (Sanskrit: Duhkha) ภิกษุทั้งหลาย อริยสัจคือทุกข์ เป็นอย่างไรเล่า ควรจะกล่าวว่าได้แก่อายตนะภายใน6 อายตนะภายใน6 เหล่าไหนเล่า คือ จักขุอายตนะ (ตา) โสตะอายตนะ (หู) ฆานะอายตนะ (จมูก) ชิวหาอายตนะ (ลิ้น) กายะอายตนะ (กาย) มนะอายตนะ (ใจ) ภิกษุทั้งหลาย นี้เราเรียกว่าอริยสัจคือทุกข์ |
|||
# '''[[สมุทัย]]''' (Sanskrit: Samudaya ) ภิกษุทั้งหลาย อริยสัจคือทุกขสมุทัย เป็นอย่างไรเล่า คือ ตัณหาอันใดนี้ ที่เป็นเครื่องนำให้มีการเกิดอีก อันประกอบด้วยความกำหนัดเพราะอำนาจความเพลิน มักทำให้เพลินยิ่งในอารมณ์นั้นๆ ได้แก่ กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา ภิกษุทั้งหลาย นี้เราเรียกว่าอริยสัจคือทุกขสมุทัย |
|||
# '''[[นิโรธ]]''' (Sanskrit: Nirodha) ภิกษุทั้งหลาย อริยสัจคือทุกขนิโรธ เป็นอย่างไรเล่า คือ ความดับสนิทเพราะความจางคลายไปโดยไม่มีเหลือของตัณหานั้น ความสลัดทิ้ง ความสลัดคืน ความปล่อยวาง ความไม่อาลัยถึง ซึ่งตัณหานั้นเอง ภิกษุทั้งหลาย นี้เราเรียกว่าอริยสัจคือทุกขนิโรธ |
|||
# '''[[มรรค]]''' (Sanskrit: Marga) ภิกษุทั้งหลาย อริยสัจคือทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา เป็นอย่างไรเล่า คือ หนทางอันประเสริฐ ประกอบด้วยองค์แปดประการนี้นั่นเอง ได้แก่สิ่งเหล่านี้ คือ ความเห็นที่ถูกต้อง ([[สัมมาทิฏฐิ]]) ความดำริที่ถูกต้อง [[สัมมาสังกัปปะ|(สัมมาสังกัปปะ]]) การพูดจาที่ถูกต้อง [[สัมมาวาจา|(สัมมาวาจา)]] การทำงานที่ถูกต้อง ([[สัมมากัมมันตะ]]) การมีอาชีพที่ถูกต้อง [[สัมมาอาชีวะ|(สัมมาอาชีวะ]]) ความพากเพียรที่ถูกต้อง ([[สัมมาวายามะ|สัมมาวายามะ)]] ความระลึกที่ถูกต้อง [[สัมมาสติ|(สัมมาสติ]]) ความตั้งใจมั่นคงที่ถูกต้อง ([[สัมมาสมาธิ|สัมมาสมาธิ)]] |
|||
==== '''นัยยะของขันธ์ 5''' ==== |
|||
# '''[[ทุกข์]]''' (Sanskrit: Duhkha) ภิกษุทั้งหลาย ความจริงอันประเสริฐ คือทุกข์ เป็นอย่างไรเล่า คำตอบคือ ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นถือมั่น 5 อย่าง ([[อุปาทานขันธ์ ๕|อุปาทานขันธ์ 5]]) ห้าอย่างนั้นอะไรเล่า ห้าอย่างคือ ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นถือมั่น ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ ภิกษุทั้งหลาย อันนี้เรากล่าว่า ความจริงอันประเสริฐ คือทุกข์ |
|||
# '''[[สมุทัย]]''' (Sanskrit: Samudaya ) ภิกษุทั้งหลาย ความจริงอันประเสริฐ คือเหตุให้เกิดทุกข์ เป็นอย่างไรเล่า คือ ตัณหาอันใดนี้ ที่เป็นเครื่องนำให้มีการเกิดอีก อันประกอบด้วยความกำหนัดเพราะอำนาจความเพลิน มักทำให้เพลินยิ่งในอารมณ์นั้นๆ ได้แก่ ตัณหาในกาม ตัณหาในความมีความเป็น ตัณหาในความไม่มีไม่เป็น ภิกษุทั้งหลาย อันนี้เรากล่าว่า ความจริงอันประเสริฐ คือเหตุให้เกิดทุกข์ |
|||
# '''[[นิโรธ]]''' (Sanskrit: Nirodha) ภิกษุทั้งหลาย ความจริงอันประเสริฐ คือความดับไม่เหลือของทุกข์ เป็นอย่างไรเล่า คือ ความดับสนิทเพราะความจางคลายไปโดยไม่มีเหลือของตัณหานั้น ความสละลงเสีย ความสลัดทิ้งไป ความปล่อยวาง ความไม่อาลัยถึง ซึ่งตัณหานั้นเอง อันใด ภิกษุทั้งหลาย อันนี้เรากล่าว่า ความจริงอันประเสริฐ คือความดับไม่เหลือของทุกข์ |
|||
# '''[[มรรค]]''' (Sanskrit: Marga) ภิกษุทั้งหลาย ความจริงอันประเสริฐ คือทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์ เป็นอย่างไรเล่า คือ หนทางอันประเสริฐ ประกอบด้วยองค์แปดนี้นั่นเอง ได้แก่สิ่งเหล่านี้ คือ ความเห็นชอบ ([[สัมมาทิฏฐิ]]) ความดำริชอบ [[สัมมาสังกัปปะ|(สัมมาสังกัปปะ]]) การพูดจาชอบ [[สัมมาวาจา|(สัมมาวาจา)]] การทำงานชอบ ([[สัมมากัมมันตะ]]) การเลี้ยงชีพชอบ [[สัมมาอาชีวะ|(สัมมาอาชีวะ]]) ความพากเพียรชอบ ([[สัมมาวายามะ|สัมมาวายามะ)]] ความระลึกชอบ [[สัมมาสติ|(สัมมาสติ]]) ความตั้งใจมั่นชอบ ([[สัมมาสมาธิ|สัมมาสมาธิ)]] ภิกษุทั้งหลาย อันนี้เรากล่าว่า ความจริงอันประเสริฐ คือทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์ |
|||
==== ขยายความอริยมรรคมีองค์ 8 ==== |
|||
⚫ | |||
<br /> |
|||
== กิจในอริยสัจ 4 == |
== กิจในอริยสัจ 4 == |
||
กิจในอริยสัจ คือสิ่งที่ต้องทำต่ออริยสัจ 4 แต่ละข้อ ได้แก่ |
กิจในอริยสัจ คือสิ่งที่ต้องทำต่ออริยสัจ 4 แต่ละข้อ ได้แก่ |
||
บรรทัด 14: | บรรทัด 31: | ||
# '''ปหานะ''' - สมุทัย ควรละ คือการกำจัดสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ เป็นการแก้ปัญหาที่เหตุต้นตอ |
# '''ปหานะ''' - สมุทัย ควรละ คือการกำจัดสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ เป็นการแก้ปัญหาที่เหตุต้นตอ |
||
# '''สัจฉิกิริยา''' - นิโรธ ควรทำให้แจ้ง คือการเข้าถึงภาวะดับทุกข์ หมายถึงภาวะที่ไร้ปัญหาซึ่งเป็นจุดมุ่งหมาย |
# '''สัจฉิกิริยา''' - นิโรธ ควรทำให้แจ้ง คือการเข้าถึงภาวะดับทุกข์ หมายถึงภาวะที่ไร้ปัญหาซึ่งเป็นจุดมุ่งหมาย |
||
'''ภาวนา''' - มรรค ควรเจริญ คือการฝึกอบรมปฏิบัติตามทางเพื่อให้ถึงความดับแห่งทุกข์ หมายถึงวิธีการหรือทางที่จะนำไปสู่จุดหมายที่ไร้ปัญหา |
|||
กิจทั้งสี่นี้จะต้องปฏิบัติให้ตรงกับมรรคแต่ละข้อให้ถูกต้อง การรู้จักกิจในอริยสัจนี้เรียกว่ากิจญาณ |
กิจทั้งสี่นี้จะต้องปฏิบัติให้ตรงกับมรรคแต่ละข้อให้ถูกต้อง การรู้จักกิจในอริยสัจนี้เรียกว่ากิจญาณ |
||
บรรทัด 39: | บรรทัด 57: | ||
* ราชบัณฑิตยสถาน. (2548). ''พจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากล ฉบับราชบัณฑิตยสถาน.'' (พิมพ์ครั้งที่ 2 แก้ไขเพิ่มเติม). กรุงเทพฯ : อรุณการพิมพ์. หน้า 65-66. |
* ราชบัณฑิตยสถาน. (2548). ''พจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากล ฉบับราชบัณฑิตยสถาน.'' (พิมพ์ครั้งที่ 2 แก้ไขเพิ่มเติม). กรุงเทพฯ : อรุณการพิมพ์. หน้า 65-66. |
||
* พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต). "[[พุทธธรรม (หนังสือ)|พุทธธรรม]]" มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2546 |
* พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต). "[[พุทธธรรม (หนังสือ)|พุทธธรรม]]" มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2546 |
||
*พุทธทาสอินทปัญโญ. อริยสัจจากพระโอษฐ์ภาคต้น, 2546 |
|||
[[หมวดหมู่:อริยสัจ| ]] |
[[หมวดหมู่:อริยสัจ| ]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 16:50, 14 กุมภาพันธ์ 2562
ความหมาย
อริยสัจ 4 หรือ จตุราริยสัจ คือ ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์รวมถึงพระโคตมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้และประกาศสอน เป็นสัจจะความจริงที่ผู้ใดก็ตามที่ได้เห็นแจ้งและแทงตลอดในสัจจะความจริงนี้แล้ว จะทำให้ผู้นั้นเป็นบุคคลผู้ประเสริฐหรือเป็นอริยบุคคลได้ ซึ่งทางพระศาสดาได้ทรงตรัสไว้หลายนัยยะ ดังนี้
นัยยะทั่วไป
- ทุกข์ (Sanskrit: Duhkha) ภิกษุทั้งหลาย นี้แล คือความจริงอันประเสริฐ เรื่องความทุกข์ คือ ความเกิดเป็นทุกข์ ความแก่เป็นทุกข์ ความเจ็บไข้ก็เป็นทุกข์ ความตายก็เป็นทุกข์ ความประจวบกับสิ่งที่ไม่รักเป็นทุกข์ ความพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นทุกข์ ความปรารถนาสิ่งใดแล้วไม่ได้สิ่งนั้นเป็นทุกข์ กล่าวโดยย่อ ขันธ์ 5 ที่ประกอบด้วยอุปาทานเป็นทุกข์
- สมุทัย (Sanskrit: Samudaya ) ภิกษุทั้งหลาย นี้แล คือความจริงอันประเสริฐ เรื่องแดนเกิดของความทุกข์ คือ ตัณหา อันเป็นเครื่องทำให้มีการเกิดอีก อันประกอบอยู่ด้วยความกำหนัดด้วยอำนาจของความเพลิน อันเป็นเครื่องให้เพลิดเพลินอย่างยิ่งในอารมณ์นั้นๆ ได้แก่ ตัณหาในกาม ตัณหาในความมีความเป็น ตัณหาในความไม่มีไม่เป็น
- นิโรธ (Sanskrit: Nirodha) ภิกษุทั้งหลาย นี้แล คือความจริงอันประเสริฐ เรื่องความดับไม่เหลือของความทุกข์ คือ ความดับสนิทเพราะจางไปโดยไม่มีเหลือของตัณหานั้นนั่นเอง คือ ความสลัดทิ้ง ความสลัดคืน ความปล่อย ความทำไม่ให้มีที่อาศัย ซึ่งตัณหานั้น
- มรรค (Sanskrit: Marga) ภิกษุทั้งหลาย นี้แล คือความจริงอันประเสริฐ เรื่องข้อปฏิบัติอันทำสัตว์ให้ลุถึงความดับไม่เหลือของความทุกข์ คือ ข้อปฏิบัติอันเป็นหนทางอันประเสริฐอันประกอบด้วยองค์8 ประการนี้ ได้แก่ ความเห็นที่ถูกต้อง (สัมมาทิฏฐิ) ความดำริที่ถูกต้อง (สัมมาสังกัปปะ) การพูดจาที่ถูกต้อง (สัมมาวาจา) การทำงานที่ถูกต้อง (สัมมากัมมันตะ) การมีอาชีพที่ถูกต้อง (สัมมาอาชีวะ) ความพากเพียรที่ถูกต้อง (สัมมาวายามะ) ความระลึกที่ถูกต้อง (สัมมาสติ) ความตั้งใจมั่นคงที่ถูกต้อง (สัมมาสมาธิ)
นัยยะของอายตนะ 6
- ทุกข์ (Sanskrit: Duhkha) ภิกษุทั้งหลาย อริยสัจคือทุกข์ เป็นอย่างไรเล่า ควรจะกล่าวว่าได้แก่อายตนะภายใน6 อายตนะภายใน6 เหล่าไหนเล่า คือ จักขุอายตนะ (ตา) โสตะอายตนะ (หู) ฆานะอายตนะ (จมูก) ชิวหาอายตนะ (ลิ้น) กายะอายตนะ (กาย) มนะอายตนะ (ใจ) ภิกษุทั้งหลาย นี้เราเรียกว่าอริยสัจคือทุกข์
- สมุทัย (Sanskrit: Samudaya ) ภิกษุทั้งหลาย อริยสัจคือทุกขสมุทัย เป็นอย่างไรเล่า คือ ตัณหาอันใดนี้ ที่เป็นเครื่องนำให้มีการเกิดอีก อันประกอบด้วยความกำหนัดเพราะอำนาจความเพลิน มักทำให้เพลินยิ่งในอารมณ์นั้นๆ ได้แก่ กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา ภิกษุทั้งหลาย นี้เราเรียกว่าอริยสัจคือทุกขสมุทัย
- นิโรธ (Sanskrit: Nirodha) ภิกษุทั้งหลาย อริยสัจคือทุกขนิโรธ เป็นอย่างไรเล่า คือ ความดับสนิทเพราะความจางคลายไปโดยไม่มีเหลือของตัณหานั้น ความสลัดทิ้ง ความสลัดคืน ความปล่อยวาง ความไม่อาลัยถึง ซึ่งตัณหานั้นเอง ภิกษุทั้งหลาย นี้เราเรียกว่าอริยสัจคือทุกขนิโรธ
- มรรค (Sanskrit: Marga) ภิกษุทั้งหลาย อริยสัจคือทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา เป็นอย่างไรเล่า คือ หนทางอันประเสริฐ ประกอบด้วยองค์แปดประการนี้นั่นเอง ได้แก่สิ่งเหล่านี้ คือ ความเห็นที่ถูกต้อง (สัมมาทิฏฐิ) ความดำริที่ถูกต้อง (สัมมาสังกัปปะ) การพูดจาที่ถูกต้อง (สัมมาวาจา) การทำงานที่ถูกต้อง (สัมมากัมมันตะ) การมีอาชีพที่ถูกต้อง (สัมมาอาชีวะ) ความพากเพียรที่ถูกต้อง (สัมมาวายามะ) ความระลึกที่ถูกต้อง (สัมมาสติ) ความตั้งใจมั่นคงที่ถูกต้อง (สัมมาสมาธิ)
นัยยะของขันธ์ 5
- ทุกข์ (Sanskrit: Duhkha) ภิกษุทั้งหลาย ความจริงอันประเสริฐ คือทุกข์ เป็นอย่างไรเล่า คำตอบคือ ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นถือมั่น 5 อย่าง (อุปาทานขันธ์ 5) ห้าอย่างนั้นอะไรเล่า ห้าอย่างคือ ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นถือมั่น ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ ภิกษุทั้งหลาย อันนี้เรากล่าว่า ความจริงอันประเสริฐ คือทุกข์
- สมุทัย (Sanskrit: Samudaya ) ภิกษุทั้งหลาย ความจริงอันประเสริฐ คือเหตุให้เกิดทุกข์ เป็นอย่างไรเล่า คือ ตัณหาอันใดนี้ ที่เป็นเครื่องนำให้มีการเกิดอีก อันประกอบด้วยความกำหนัดเพราะอำนาจความเพลิน มักทำให้เพลินยิ่งในอารมณ์นั้นๆ ได้แก่ ตัณหาในกาม ตัณหาในความมีความเป็น ตัณหาในความไม่มีไม่เป็น ภิกษุทั้งหลาย อันนี้เรากล่าว่า ความจริงอันประเสริฐ คือเหตุให้เกิดทุกข์
- นิโรธ (Sanskrit: Nirodha) ภิกษุทั้งหลาย ความจริงอันประเสริฐ คือความดับไม่เหลือของทุกข์ เป็นอย่างไรเล่า คือ ความดับสนิทเพราะความจางคลายไปโดยไม่มีเหลือของตัณหานั้น ความสละลงเสีย ความสลัดทิ้งไป ความปล่อยวาง ความไม่อาลัยถึง ซึ่งตัณหานั้นเอง อันใด ภิกษุทั้งหลาย อันนี้เรากล่าว่า ความจริงอันประเสริฐ คือความดับไม่เหลือของทุกข์
- มรรค (Sanskrit: Marga) ภิกษุทั้งหลาย ความจริงอันประเสริฐ คือทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์ เป็นอย่างไรเล่า คือ หนทางอันประเสริฐ ประกอบด้วยองค์แปดนี้นั่นเอง ได้แก่สิ่งเหล่านี้ คือ ความเห็นชอบ (สัมมาทิฏฐิ) ความดำริชอบ (สัมมาสังกัปปะ) การพูดจาชอบ (สัมมาวาจา) การทำงานชอบ (สัมมากัมมันตะ) การเลี้ยงชีพชอบ (สัมมาอาชีวะ) ความพากเพียรชอบ (สัมมาวายามะ) ความระลึกชอบ (สัมมาสติ) ความตั้งใจมั่นชอบ (สัมมาสมาธิ) ภิกษุทั้งหลาย อันนี้เรากล่าว่า ความจริงอันประเสริฐ คือทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์
ขยายความอริยมรรคมีองค์ 8
มรรคมีองค์แปดนี้สรุปลงในไตรสิกขา ได้ดังนี้ 1. อธิสีลสิกขา ได้แก่ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ และสัมมาอาชีวะ 2. อธิจิตสิกขา ได้แก่ สัมมาวายามะ สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ และ 3. อธิปัญญาสิกขา ได้แก่ สัมมาทิฏฐิ และสัมมาสังกัปปะ
กิจในอริยสัจ 4
กิจในอริยสัจ คือสิ่งที่ต้องทำต่ออริยสัจ 4 แต่ละข้อ ได้แก่
- ปริญญา - ทุกข์ ควรรู้ คือการทำความเข้าใจปัญหาหรือสภาวะที่เป็นทุกข์อย่างตรงไปตรงมาตามความเป็นจริง เป็นการเผชิญหน้ากับปัญหา
- ปหานะ - สมุทัย ควรละ คือการกำจัดสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ เป็นการแก้ปัญหาที่เหตุต้นตอ
- สัจฉิกิริยา - นิโรธ ควรทำให้แจ้ง คือการเข้าถึงภาวะดับทุกข์ หมายถึงภาวะที่ไร้ปัญหาซึ่งเป็นจุดมุ่งหมาย
ภาวนา - มรรค ควรเจริญ คือการฝึกอบรมปฏิบัติตามทางเพื่อให้ถึงความดับแห่งทุกข์ หมายถึงวิธีการหรือทางที่จะนำไปสู่จุดหมายที่ไร้ปัญหา
กิจทั้งสี่นี้จะต้องปฏิบัติให้ตรงกับมรรคแต่ละข้อให้ถูกต้อง การรู้จักกิจในอริยสัจนี้เรียกว่ากิจญาณ
กิจญาณเป็นส่วนหนึ่งของญาณ 3 หรือญาณทัสสนะ (สัจญาณ, กิจญาณ, กตญาณ) ซึ่งหมายถึงการหยั่งรู้ครบสามรอบ ญาณทั้งสามเมื่อเข้าคู่กับกิจในอริยสัจทั้งสี่จึงได้เป็นญาณทัสนะมีอาการ 12 ดังนี้
- สัจญาณ หยั่งรู้ความจริงสี่ประการว่า
- นี่คือทุกข์
- นี่คือเหตุแห่งทุกข์
- นี่คือความดับทุกข์
- นี่คือทางแห่งความดับทุกข์
- กิจญาณ หยั่งรู้หน้าที่ต่ออริยสัจว่า
- ทุกข์ควรรู้
- เหตุแห่งทุกข์ควรละ
- ความดับทุกข์ควรทำให้ประจักษ์แจ้ง
- ทางแห่งความดับทุกข์ควรฝึกหัดให้เจริญขึ้น
- กตญาณ หยั่งรู้ว่าได้ทำกิจที่ควรทำได้เสร็จสิ้นแล้ว
- ทุกข์ได้กำหนดรู้แล้ว
- เหตุแห่งทุกข์ได้ละแล้ว
- ความดับทุกข์ได้ประจักษ์แจ้งแล้ว
- ทางแห่งความดับทุกข์ได้ปฏิบัติแล้ว
อ้างอิง
- ราชบัณฑิตยสถาน. (2548). พจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากล ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. (พิมพ์ครั้งที่ 2 แก้ไขเพิ่มเติม). กรุงเทพฯ : อรุณการพิมพ์. หน้า 65-66.
- พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต). "พุทธธรรม" มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2546
- พุทธทาสอินทปัญโญ. อริยสัจจากพระโอษฐ์ภาคต้น, 2546