ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การปฏิวัติเยอรมัน ค.ศ. 1918–1919"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 80: | บรรทัด 80: | ||
สาเหตุของการปฏิวัติมาจากการรับภาระหนักของประชาชนในช่วงสี่ปีของสงคราม, ผลกระทบที่รุนแรงจากความพ่ายแพ้ของจักรวรรดิเยอรมันและเกิดสภาวะความตรึงเครียดทางสังคมระหว่างประชาชนธรรมดากับขุนนางชนชั้นสูงและ[[ชนชั้นกระฎุมพี|ชนชั้นกลาง]]ของนายทุน, ที่ครองอำนาจและเพิ่งแพ้สงคราม |
สาเหตุของการปฏิวัติมาจากการรับภาระหนักของประชาชนในช่วงสี่ปีของสงคราม, ผลกระทบที่รุนแรงจากความพ่ายแพ้ของจักรวรรดิเยอรมันและเกิดสภาวะความตรึงเครียดทางสังคมระหว่างประชาชนธรรมดากับขุนนางชนชั้นสูงและ[[ชนชั้นกระฎุมพี|ชนชั้นกลาง]]ของนายทุน, ที่ครองอำนาจและเพิ่งแพ้สงคราม |
||
รากเหง้าของการปฏิวัติได้ถูกวางเอาไว้ในความปราชัยของจักรวรรดิเยอรมันสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและความตึงเครียดทางสังคมที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน ขั้นแรกของการปฏิวัติได้ถูกจุดชนวนโดยนโยบายของกองบัญชาการระดับสูงแห่งกองทัพบกเยอรมันและขาดการประสานงานกับกองบัญชาการกองทัพเรือ เมื่อเผชิญความพ่ายแพ้ กองบัญชาการกองทัพเรือได้ยืนยันที่จะพยายามเร่งรัดการสู้รบที่สำคัญกัลกองทัพราชนาวีแห่งอังกฤษโดยคำสั่งกองทัพเรือ เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ. 1918 ยุทธนาวีไม่เคยเกิดขึ้น แทนที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของพวกเขาเพื่อเริ่มเตรียมเข้าสู้รบกับอังกฤษ ทหารเรือเยอรมันได้ก่อจลาจลที่ท่าเรือของกองทัพเรือที่ wilhelmshaven เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ค.ศ. 1918 ตามมาด้วยการก่อกบฏที่คีลในวันแรกของเดือนพฤศจิกายน ความโกลาหลครั้งนี้ได้แพร่กระจายไปถึงจิตวิญญาณของพลเมืองได้เกิดความระส่ำระสายไปทั่วเยอรมนีและท้ายที่สุดได้นำสู่การประกาศสาธารณรัฐ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 หลังจากนั้นไม่นาน [[จักรพรรดิวิลเฮล์มที่ 2 แห่งเยอรมนี|จักรพรรดิวิลเฮล์มที่ 2]] ทรงสละราชบัลลังก์ และลี้ภัยออกนอกประเทศ |
|||
การปฏิวัติ, ได้รับแรงบันดาลใจจากอุดมการณ์สังคมนิยม ไม่ยอมมอบอำนาจให้กับสภาแบบโซเวียตของพวกบอลเชวิกในรัสเซีย |
|||
{{โครงส่วน}} |
|||
[[หมวดหมู่:ประวัติศาสตร์เยอรมัน]] |
[[หมวดหมู่:ประวัติศาสตร์เยอรมัน]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 22:43, 8 พฤษภาคม 2561
การปฏิวัติเดือนพฤศจิกายน | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ส่วนหนึ่งของ การปฏิวัติ ค.ศ. 1917–1923 | |||||||
ทหารได้เข้าหลบที่กำบังเพื่อยิงปะทะในเหตุการณ์การก่อการกำเริบสปาตาคิสท์ | |||||||
| |||||||
คู่สงคราม | |||||||
จักรวรรดิเยอรมัน (1918) สาธารณรัฐไวมาร์ (1918–19) |
สาธารณรัฐสังคมนิยมเสรีเยอรมัน
Supported by: | ||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||
|
การปฏิวัติเดือนพฤศจิกายน (เยอรมัน: Novemberrevolution) หรือ การปฏิวัติเยอรมัน ค.ศ. 1918-1919 เป็นสงครามกลางเมืองในจักรวรรดิเยอรมันในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งสิ้นสุดลงด้วยความพ่ายแพ้ของฝ่ายมหาอำนาจกลาง ซึ่งได้ส่งผลทำให้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญมาเป็นระบอบสาธารณรัฐ (ประชาธิปไตยในระบบสภาเดี่ยว) ซึ่งเวลาต่อมาได้กลายเป็นที่รู้จักกันคือ สาธารณรัฐไวมาร์ การปฏิวัติได้เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1918 จนถึง เดือนสิงหาคม ค.ศ. 1919 หลังรัฐธรรมนูญแห่งไวมาร์ถูกประกาศใช้
สาเหตุของการปฏิวัติมาจากการรับภาระหนักของประชาชนในช่วงสี่ปีของสงคราม, ผลกระทบที่รุนแรงจากความพ่ายแพ้ของจักรวรรดิเยอรมันและเกิดสภาวะความตรึงเครียดทางสังคมระหว่างประชาชนธรรมดากับขุนนางชนชั้นสูงและชนชั้นกลางของนายทุน, ที่ครองอำนาจและเพิ่งแพ้สงคราม
รากเหง้าของการปฏิวัติได้ถูกวางเอาไว้ในความปราชัยของจักรวรรดิเยอรมันสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและความตึงเครียดทางสังคมที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน ขั้นแรกของการปฏิวัติได้ถูกจุดชนวนโดยนโยบายของกองบัญชาการระดับสูงแห่งกองทัพบกเยอรมันและขาดการประสานงานกับกองบัญชาการกองทัพเรือ เมื่อเผชิญความพ่ายแพ้ กองบัญชาการกองทัพเรือได้ยืนยันที่จะพยายามเร่งรัดการสู้รบที่สำคัญกัลกองทัพราชนาวีแห่งอังกฤษโดยคำสั่งกองทัพเรือ เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ. 1918 ยุทธนาวีไม่เคยเกิดขึ้น แทนที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของพวกเขาเพื่อเริ่มเตรียมเข้าสู้รบกับอังกฤษ ทหารเรือเยอรมันได้ก่อจลาจลที่ท่าเรือของกองทัพเรือที่ wilhelmshaven เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ค.ศ. 1918 ตามมาด้วยการก่อกบฏที่คีลในวันแรกของเดือนพฤศจิกายน ความโกลาหลครั้งนี้ได้แพร่กระจายไปถึงจิตวิญญาณของพลเมืองได้เกิดความระส่ำระสายไปทั่วเยอรมนีและท้ายที่สุดได้นำสู่การประกาศสาธารณรัฐ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 หลังจากนั้นไม่นาน จักรพรรดิวิลเฮล์มที่ 2 ทรงสละราชบัลลังก์ และลี้ภัยออกนอกประเทศ
การปฏิวัติ, ได้รับแรงบันดาลใจจากอุดมการณ์สังคมนิยม ไม่ยอมมอบอำนาจให้กับสภาแบบโซเวียตของพวกบอลเชวิกในรัสเซีย
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |