ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 117: | บรรทัด 117: | ||
{{คณะผู้แทนทางทูตในประเทศไทย}} |
{{คณะผู้แทนทางทูตในประเทศไทย}} |
||
[[หมวดหมู่:สถานทูต|สหราชอาณาจักร]] |
[[หมวดหมู่:สถานทูต|สหราชอาณาจักร]] |
||
[[category:เขตปทุมวัน]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 03:26, 15 มีนาคม 2561
สถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย (อังกฤษ: British Embassy Bangkok) เป็นสถานเอกอัครราชทูตของสหราชอาณาจักรในประเทศไทยตั้งอยู่ ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
ประวัติ
สถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย ยกฐานะมาจากสถานกงสุลอังกฤษประจำประเทศไทย ซึ่งแต่เดิมตั้งอยู่ที่ ตำบลบางรัก จังหวัดพระนคร ซึ่งติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่สมัยเปิดสัมพันธ์ทางทูตและการค้ากับประเทศไทยในสมัยรัชกาลที่ 4 การคมนาคมติดต่อกับสถานทูต เดิมใช้ทางแม่น้ำเจ้าพระยาเมื่อมีการตัดถนนเจริญกรุง จึงสามารถเข้าทางถนนได้อีกทางหนึ่ง ตามประวัติศาสตร์แล้วรัชกาลที่ 4 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ซื้อที่ดินเพื่อทำสถานกงสุลอังกฤษจากชาวมอญและพม่า ในราคาตารางวาละ 1 บาท พร้อมพระราชทานเสาธงไม้ให้สถานกุงสุลอีกด้วย
พ.ศ. 2435 เสาธงที่ได้รับพระราชทานถูกพายุหักโค้น สถานกงสุลจึงสั่งนำเข้าเสาธงเหล็กในราคา 500 ปอนด์ จากฮ่องกงเข้ามาเปลี่ยนแทน
ต่อมาได้มีการก่อสร้างโรงสีจำนวน 2 โรงขึ้นอีกฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ตรงข้ามกับสถานกงสุลอังกฤษ โรงสีได้ปล่อยควันมีขี้ฝุ่นและเสียงหวูดโรงสีไฟเปิดดังหนวกหู ซึ่งสร้างปัญหามลภาวะในการทำงานและการพักอาศัยให้กับบุคลากรของสถานกงสุลอังกฤษเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ในยามค่ำคืน ยังมีเสียงดนตรีและเสียงกลองดังลั่นจากร้านเหล้า รวมถึงยังมีคนเมาอาละวาดอยู่หน้าอนุสาวรีย์พระนางเจ้าวิคตอเลีย ริมถนนเจริญกรุงฝั่งตรงข้ามกับสถานทูตอีกด้วย ท่านกงสุลจึงดำริที่ต้องการจะย้ายสถานที่ตั้งสถานกงสุลใหม่ ซึ่งประจวบกับขณะนั้น พระยาภักดีนรเศรษฐ หรือ นายเลิศ มีที่ดินจำนวนมากต้องการพัฒนาพื้นที่ย่านเพลินจิตริมคลองแสนแสบของตน จึงนำมาเสนอขายให้กับสถานกงสุลอังกฤษ โดยมีเงื่อนไขพระยาภักดีนรเศรษฐ ขอรับซื้อพื้นที่และสิ่งปลูกสร้างของสถานกงสุลอังกฤษเดิมทั้งหมดด้วย เมื่อสถานกงสุลพิจารณาแล้วเห็นชอบจึงรับข้อเสนอและก่อสร้างอาคารสถานกงสุลใหม่ในที่ดินของนายเลิศ
พ.ศ. 2465 สถานกงสุลได้ย้ายไปอยู่ที่ตั้งใหม่ย่านเพลินจิต ส่วนที่ตั้งเดิมของสถานกงสุลอังกฤษ นายเลิศได้นำไปเสนอขายให้กับทางราชการของไทย ในราคา 1,800,000 บาท ซึ่งราชการของไทยโดยกระทรวงพระคลังมหาสมบัติได้รับซื้อไว้ ปี พ.ศ. 2469 อาคารสถานที่เดิมของสถานกงสุลอังกฤษได้ถูกนำไปใช้เป็นที่ตั้งของสำนักงานไปรษณีย์โทรเลขกลาง สังกัดกรมไปรษณีย์โทรเลข ต่อมาอาคารมีความทรุดโทรมและคับแคบไม่เหมาะกับงานไปรษณีย์ จึงรื้ออาคารทิ้งทั้งหมดแล้วก่อสร้างอาคารใหม่ ซึ่งก็คือ อาคารไปรษณีย์กลางบางรัก ถนนเจริญกรุง ในปัจจุบัน ส่วนสถานกงสุลอังกฤษที่ย้ายไปที่ตั้งใหม่ย่านเพลินจิต ถนนวิทยุ ต่อมาได้ถูกยกฐานะเป็น สถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย
พ.ศ.2549 สถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักร มีนโยบายขายที่ดินบางส่วนจำนวน 9 ไร่ ติดกับถนนเพลินจิต จึงมอบหมายให้ตัวแทนเปิดการประมูลซึ่งผลปรากฎว่า กลุ่มเซ็นทรัล ชนะการประมูล ต่อมา กลุ่มเซ็นทรัล ได้นำพื้นที่จำนวน 9 ไร่ นี้ไปก่อสร้างเป็น ศูนย์การค้าและโรงแรมในชื่อ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ซึ่งเปิดดำเนินการแล้วในปัจจุบัน
พ.ศ. 2560 สถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักร มีนโยบายขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจำนวน 25 ไร่ ทั้งหมดที่เหลือของสถานทูต โดยแนวทางที่สถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรวางแผนไว้ ที่ตั้งแห่งใหม่จะย้ายไปอยู่ในอาคารสำนักงาน และมอบหมายให้ตัวแทนไปดำเนินการหาผู้ประมูลที่ทำให้สถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรได้ประโยชน์สูงสุด
พ.ศ. 2561 ได้ผลของผู้ชนะการประมูลที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของสถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักร 25 ไร่ ทั้งหมดที่เหลือของสถานทูต คือ ฮ่องกงแลนด์ ซึ่งเป็นการร่วมทุนของ กลุ่มเซ็นทรัล กับ ทุนจากฮ่องกง โดยฮ่องกงแลนด์ประมูลได้ไปในราคา 420 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1.86 ล้านบาท โดยเงินที่ได้จากการขายกระทรวงต่างประเทศของสหราชอาณาจักร จะนำไปใช้ปรับปรุงสถานทูตต่างๆทั่วโลก รวมถึงค่าใช้จ่ายในการย้ายไปเช่าอาคารสำนักงานและปรับปรุงเป็นสถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรแห่งใหม่อีกด้วย โดยตามแผนจะย้ายไปที่ตั้งแห่งใหม่ในปี พ.ศ.2562[1]
นอกจากนี้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสหราชอาณาจักรสำนักงานประเทศไทยได้มีประกาศปรับย้าย เฉพาะส่วนงานของการพิจารณาวีซ่าของผู้มายื่นที่สถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย จากประเทศไทยไปอยู่ที่กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เพือรวมเป็นศูนย์กลางข้อมูล สะดวกในการพิจาณาวีซ่าและบริหารจัดการข้อมูล แต่ในส่วนงานรับคำร้องการขอวีซ่ายังอยู่ที่ประเทศไทยเช่นเดิม
ความสัมพันธ์ทางการทูตและสนธิสัญญา
ประเทศไทยและสหราชอาณาจักรมีความสัมพันธ์ทางการค้ามากว่า 400 ปี ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ประเทศไทยและสหราชอาณาจักรได้ขาดช่วงความสัมพันธ์ลงหลังสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์การติดต่อต้องดำเนินการผ่านเมืองขึ้นหรืออาณานิคมของของสหราชอาณาจักรในขณะนั้น คือ ประเทศอินเดีย โดยมีการลงนามสนธิสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกัน ลงนามสนธิสัญญาระหว่างฉบับแรกเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2369 ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สหราชอาณาจักรได้ส่ง เซอร์จอห์น บาวริ่ง มาเป็นราชทูตเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีทางการทูนและการค้าซึ่งก็ประสบผลสำเร็จ ไทยและสหราชอาณาจักรได้มีการลงนามในสนธิสัญญามิตรภาพและการค้าระหว่างกัน ซึ่งเรียกสนธิสัญญาระหว่างไทยกับสหราชอาณาจักรฉบับนี้ว่า สนธิสัญญาบาวริ่ง โดยลงนามทำสนธิสัญญากันเมื่อวันที่ 18 เมษายน พ.ศ.2398 ซึ่งนับว่าเป็นการสถาปนาความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสหราชอาณาจักรระหว่างกันอย่างเป็นทางการครั้งแรกในสมัยรัตนโกสินทร์
ในปี พ.ศ.2400 ประเทศไทยได้ส่งคณะราชทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับสหราชอาณาจักรเป็นการตอบแทน โดยมี เจ้าพระยาภานุวงศ์มหาโกษาธิบดี เป็นหัวหน้าคณะเพื่อเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักร
กระทั่งปี พ.ศ.2425 ประเทศไทยได้แต่งตั้ง หม่อมเจ้าปฤษฎางค์ ชุมสาย เป็นราชทูตไทยประจำสหราชอาณาจักรและประเทศต่างๆ ในยุโรปและอเมริการวม 12 ประเทศอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือได้ว่า หม่อมเจ้าปฤษฎางค์ ชุมสาย เป็นราชทูตคนแรกของไทยที่ส่งไปประจำที่สหราชอาณาจักร
รายนามกงสุลประจำประเทศสยาม
ปี 1885–1889: Sir Ernest Satow
ปี 1889–1894: Cpt. Henry Jones
ปี 1896–1900: Sir George Greville
รายนามทูตพิเศษกระทรวงต่างประเทศ
ปี 1901–1903: Mr.Reginald Tower
ปี 1904–1909: Sir Ralph Paget
ปี 1909–1915: Sir Arthur Peel
ปี 1915–1919: Sir Herbert Dering
ปี 1919–1921: Mr.Richard Seymour
ปี 1921–1926: Sir Robert Greg
ปี 1926–1928: Sir Sydney Waterlow
ปี 1928–1929: Sir Charles Wingfield
ปี 1929–1934: Sir Cecil Dormer
ปี 1934–1941: Sir Josiah Crosby
ปี 1941–1945: ไม่มีทูตพิเศษประจำ (ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2)
ปี 1945–1947: Sir Geoffrey Thompson
รายนามเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย
ปี 1947-1950: Sir Geoffrey Thompson
ปี 1951-1954: Sir Geoffrey A. Wallinger
ปี 1954-1957: Sir Berkeley E.F. Gage
ปี 1957-1961: Sir Richard Wittington
ปี 1961-1965: Sir Dermot F. McDermot
ปี 1965-1967: Sir Arthony Rumbold
ปี 1967-1970: Sir Neil Pritchard
ปี 1970-1973: Sir Arthur de la Mare
ปี 1973-1978: Sir David Cole
ปี 1978-1981: Mr. Peter Tripp
ปี 1981-1986: Mr. Justin Staples
ปี 1986-1989: Mr. Derek Tomkin
ปี 1989-1992: Mr. Ramsay Melhuish
ปี 1992-1996: Mr. Charles Christian Wilfred Adams
ปี 1996-2000: Sir James Hodge
ปี 2000-2003: Mr. Lloyd Barnaby Smith
ปี 2003-2007: Mr. David William Fall
ปี 2007-2010: Mr. Quinton Mark Quayle
ปี 2010-2012: Mr.Asif Ahmad
ปี 2012-2016: Mr.Mark Kent
ปี 2016-ปัจจุบัน: Mr.Brian Davidson
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
- ประวัติสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษ, กรุงเทพ
- เว็บไซต์ สถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย
- การขอวีซ่าเข้าสหราชอาณาจักร
- แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ สถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย
- ภาพถ่ายดาวเทียมจากวิกิแมเปีย หรือกูเกิลแมปส์
- แผนที่จากลองดูแมป หรือเฮียวีโก
- ภาพถ่ายทางอากาศจากเทอร์ราเซิร์ฟเวอร์