ผลต่างระหว่างรุ่นของ "วลาดีมีร์ ตัตลิน"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
'''วลาดิมีร์ ตัตลิน''' ({{lang-ru|Влади́мир Евгра́фович Та́тлин}}) ({{lang-en|Vladimir Tatlin}}) |
|||
{{กล่องข้อมูล นักเขียน |
{{กล่องข้อมูล นักเขียน |
||
| name = |
| name = วลาดีมีร์ ตัตลิน |
||
| image =Татлин.jpg |
| image =Татлин.jpg |
||
| imagesize = 250px |
| imagesize = 250px |
||
| caption = |
| caption = วลาดีมีร์ ตัตลิน 1885 |
||
| pseudonym = |
| pseudonym = |
||
| birth_date = ปี 1885 |
| birth_date = ปี 1885 |
||
บรรทัด 25: | บรรทัด 24: | ||
| footnotes = |
| footnotes = |
||
}} |
}} |
||
⚫ | '''วลาดีมีร์ เยฟกราโฟวิช ตัตลิน''' ({{lang-ru|Влади́мир Евгра́фович Та́тлин, Vladimir Yevgraphovich Tatlin}}) เป็นจิตรกรและสถาปนิกชาว[[จักรวรรดิรัสเซีย|รัสเซีย]]และ[[สหภาพโซเวียต|โซเวียต]] ซึ่งเป็นหนึ่งในศิลปินชั้นนำของรัสเซียรูปแบบ[[อาว็อง-การ์ด]] (ล้ำยุค) ปี ค.ศ. 1920 และต่อมาเขาก็เป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงมาก ผลงานที่สำคัญของเขาคือ The Fishmonger, Counter-reliefs, Tatlin's Tower |
||
วลาดิมีร์ ตัตลิน |
|||
⚫ | |||
==ประวัติชีวิตในวัยเยาว์== |
==ประวัติชีวิตในวัยเยาว์== |
||
วลาดีมีร์ ตัตลิน เกิดในปี ค.ศ. 1885 ที่เมือง[[คาร์คิฟ]] [[จักรวรรดิรัสเซีย]] (ปัจจุบันอยู่ใน[[ประเทศยูเครน]]) บิดามีอาชีพเป็นวิศวกร มารดามีอาชีพเป็นกวี เขาใช้ชีวิตเป็นพ่อค้าทางเรือโดยการเดินทางไปยังประเทศต่าง ๆ เช่น ตุรกี อียิปต์ เอเชียไมเนอร์ กรีซ อิตาลี บัลแกเรีย<ref>Lynton, Norbert (2009). Tatlin's Tower: Monument to Revolution. New Haven: Yale University Press. p. 1. ISBN 0300111304.</ref> |
|||
==ประวัติชีวิตในวัยทำงานและบั้นปลาย== |
==ประวัติชีวิตในวัยทำงานและบั้นปลาย== |
||
ในปี ค.ศ.1902 ได้เข้าเรียนที่โรงเรียน Moscow School of Painting, Sculpture, and Architecture ถึง ค.ศ. 1904 จากนั้นจึงเข้าเรียนที่ Penza School of Art ซึ่งอยู่ในการดูแลของ Aleksey Afanas'ev ศิลปินที่มีแนวทางการสร้างงานด้านสังคมและการเมืองร่วมสมัย ซึ่งเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจให้กับแนวการสร้างงานของตัตลิน |
ในปี ค.ศ. 1902 ตัตลินได้เข้าเรียนที่โรงเรียนจิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปัตยกรรมแห่งมอสโก (Moscow School of Painting, Sculpture, and Architecture) ถึง ค.ศ. 1904 จากนั้นจึงเข้าเรียนที่โรงเรียนศิลปะแห่งเปนซา (Penza School of Art) ซึ่งอยู่ในการดูแลของอะเลคเซย์ อะฟานาเซียฟ (Aleksey Afanas'ev) ศิลปินที่มีแนวทางการสร้างงานด้านสังคมและการเมืองร่วมสมัย ซึ่งเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจให้กับแนวการสร้างงานของตัตลิน |
||
⚫ | |||
⚫ | หลังจบการศึกษาที่โรงเรียนศิลปะเปนซา ตัตลินได้กลับไปศึกษาที่โรงเรียนจิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปัตยกรรมมอสโก และได้รู้จักคุ้นเคยกับศิลปิน[[อาว็อง-การ์ด]]หลายคน เช่น the Vesnin brothers, the Burluk brothers, Natalia Goncharova, Mikhail Larionov<ref>โลกศิลปะศตวรรษที่ 20. จิระพัฒน์ พิตรปรีชา. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, 2552</ref> |
||
⚫ | |||
ตัตลินได้รับอิทธิพลแนวความคิดแบบ [[cubism]] มาผสมผสานประยุกต์ ในการเลือกใช้วัสดุสร้างงาน และได้สร้าง The bottle ออกมาในปี 1913 ภาพวาดของเขาได้รับแรงบันดาลใจจาก โมเนต์ |
|||
⚫ | และ โก |
||
⚫ | ค.ศ. 1913 ตัตลินได้เดินทางไป[[กรุงปารีส]] และได้เข้าเยี่ยมชมสตูดิโอของ[[ปาโบล ปีกัสโซ]]<ref name="name"/> ซึ่งขณะนั้นงานที่จัดว่าเด่นสะดุดตามากที่สุดคือ กีตาร์ (Guitar, ค.ศ. 1912-1913) ซึ่งสร้างขึ้นจากแผ่นเหล็กและเส้นลวด ลักษณะแบบประติมากรรมนูนสูง แขวนอยู่บนผนังห้อง ประติมากรรมชิ้นนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างประติมากรรมโดยการประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ ขึ้นมา (Constructied Sculpture) และมีความสำคัญต่อแนวคิดต่อต้านธรรมชาติ (Anti Naturalism) |
||
⚫ | ในปี ค.ศ. 1915 เขาได้นำเอาแผ่นโลหะมาสร้างประติมากรรมแขวนนามธรรมชื่อ Counter |
||
⚫ | ตัตลินได้วางแผนสร้าง |
||
⚫ | ตัตลินได้รับอิทธิพลแนวความคิดแบบ[[บาศกนิยม]]มาผสมผสานประยุกต์ในการเลือกใช้วัสดุสร้างงาน และได้สร้าง The Bottle ออกมาในปี 1913 ภาพวาดของเขาได้รับแรงบันดาลใจจาก[[โกลด มอแน]] และ[[ปอล โกแก็ง]]ด้วย คือภาพ The Nude (1913) แล้วพัฒนาผลงานไปในลักษณะ[[สถาปัตยกรรม]]มากกว่า[[จิตรกรรม]]หรือ[[ประติมากรรม]] โดยให้ความสำคัญกับการเลือกชนิดวัสดุและเป็นวัสดุจากอุตสาหกรรมตามอุดมการณ์ของ [[Constructivism]] <ref> http://max.mmlc.northwestern.edu/mdenner/Drama/visualarts/Constructivism/24thirdinternational.html |Constructivism. Retrieved 2014-11-29. </ref> |
||
⚫ | หลังจากโครงการอนุสาวรีย์นานาชาติที่สาม |
||
⚫ | ในปี ค.ศ. 1915 เขาได้นำเอาแผ่นโลหะมาสร้างประติมากรรมแขวนนามธรรมชื่อ Counter-reliefs ซึ่งได้รับอิทธิพลจากบาศกนิยมยุคสังเคราะห์ ตัตลินแสวงหาความจริงในแง่ของวัตถุ เขาได้กลายเป็นผู้นำศิลปินลัทธิเค้าโครง (constructivism) ในรัสเซีย และเป็นคณะกรรมการปฏิรูปสถาบันศิลปะของสหภาพโซเวียต ตัตลินเริ่มรู้สึกว่างานประเภทนี้ยังไม่เพียงพอสำหรับสังคมใหม่ เขาและเพื่อนศิลปินเห็นว่าจำต้องนำเอาการคิดค้นและประสบการณ์ของศิลปินมาใช้สร้างวรรค์ชี้นำสังคม ศิลปินสามารถสอนให้ผู้สนใจได้รู้จักธรรมชาติของวัตถุและวิธีการนำมันมาใช้ พวกเขาเองสามารถเข้าไปยังโรงงานและพัฒนาแนวทางการออกแบบใหม่ เช่น เตาผิงที่มีประสิทธิภาพราคาถูก เสื้อผ้าสำหรับใส่ในฤดูหนาว เข้ากับบรรยากาศก่อน[[การปฏิวัติรัสเซีย]] |
||
⚫ | ตัตลินได้วางแผนสร้างอนุสาวรีย์นานาชาติที่สาม (The movement to the Third International) หรือ Tatlin’s tower ในปีค.ศ. 1919-1920<ref>http://en.wikipedia.org/wiki/Tatlin%27s_Tower |Honour, H. and Fleming, J. (2009) A World History of Art. 7th edn. London: Laurence King Publishing, p. 819. ISBN 9781856695848</ref> หอสูงขนาดสองเท่าของ[[ตึกเอ็มไพร์สเตท]]แห่งนครนิวยอร์ก ด้วยเหล็ก แก้ว โลหะและกระจกเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของจักรวาล อนุสาวรีย์นี้เปรียบเสมือนโครงสร้างกระดูกเหล็ก สร้างคล้ายศูนย์ควบคุมยานอวกาศ การวางตำแหน่งของห้องเล็ก ๆ ในโครงส้รางนี้จะถูกสลับที่กันปีละครั้ง เพื่อจำลองการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ ห้องเลขาธิการจะถูกสลับตำแหน่งทุก 28 วัน การออกแบบจึงซับซ้อนเพื่อรองรับวัตถุประสงค์นี้ ซึ่งความฝันแบบอุดมคติของตัตลินไม่สอดคล้องกับนโยบายของ[[เลนิน]] ผู้นำสหภาพโซเวียต ที่มุ่งไปที่การขยายตัวทางการค้าและผลผลิต ดังนั้นในไม่ช้าศิลปะรัสเซียจึงสูญเสียอิสระที่จะค้นหาความหมายใหม่ แม้เป็นเพียงแบบจำลอง แต่อนุสาวรีย์นานาชาติที่สามถือเป็นงานก่อสร้างที่ทำงานได้สมบูรณ์และเป็นสัญลักษณ์ของสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ในอุดมคติยุคใหม่ |
||
⚫ | หลังจากโครงการอนุสาวรีย์นานาชาติที่สาม ตัตลินให้ความสนใจกับการเรียนการสอน ปี ค.ศ. 1920 เขาดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ที่สตูดิโอศิลปะของรัฐหรือสโวมัส (Svomas) ในมอสโกและเป็นรักษาการหัวหน้าสตูดิโอของปริมาณ, วัสดุ, และการก่อสร้างที่สโวมัสใน[[เปโตรกราด]] ปี ค.ศ. 1923-1925 ได้เข้าทำงานในกรมวัฒนธรรมทางวัตถุในเปโตกราด ใน ปี ค.ศ. 1923 ได้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมศิลปะในเปโตรกราด เป็นห้องปฏิบัติการสำหรับการศึกษาทดลองของศิลปะ ซึ่งอยู่ที่พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมศิลปะที่เขาออกแบบฉากและดำเนินการการแสดง Velimir Khlebnikov บทกวีของ Zangezi ในปี ค.ศ. 1923 อันเป็นความสำเร็จของลัทธิเค้าโครง และเปิดโลก[[อาว็องการ์ด]]ให้กว้างขึ้น |
||
⚫ | ผลงานที่กล่าวได้ว่าเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของตัตลินคือ "Le Tatlin"<ref> http://www.wsws.org/en/articles/2012/06/tat1-j19.html | Tatlin’s “new art for a new world”</ref> เครื่องร่อนที่ขับเคลื่อนโดยใช้กำลังคน จากศึกษาการบินและโครงสร้างปีกของ[[นก]] โดยเชื่อว่ามนุษย์จะสามารถบินเลียนแบบนกได้ สร้างจากกระดูก ปลาวาฬ และผ้าไหมโดยได้รับความร่วมมือจากศัลยแพทย์และนักบิน |
||
⚫ | |||
⚫ | ผลงานที่กล่าวได้ว่าเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของตัตลินคือ "Le |
||
⚫ | |||
==แนวความคิดของตัตลิน== |
==แนวความคิดของตัตลิน== |
||
ส่วนมากผลงานของ |
ส่วนมากผลงานของตัตลินนั้นจะแสดงออกในรูปแบบที่ไม่หวนไปสู่แบบดั้งเดิม แต่ผลิตเพื่อการใช้งานจริงขึ้นซึ่งสอดคล้องกับศิลปะเพื่อ[[การปฏิวัติรัสเซีย]]ในช่วงศตวรรษที่ 20 ซึ่งศิลปินยุคถัดจากเขาประสบความสำเร็จโดยการใช้ศิลปะเพื่อเป็นสื่อในการผลิตโฆษณาและสร้างกระแสนิยมของรัฐ ผลงานของตัตลิน นับเป็นเวลาสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบของศิลปะรัสเซีย จากการทดลองสมัยใหม่กลายเป็นการออกแบบเชิงใช้งานได้จริง |
||
⚫ | ตัตลินเชื่อว่า วัสดุจะใช้งานเต็มประสิทธิภาพได้ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้งานของศิลปิน ในส่วนนี้มีหลักจริยธรรมที่ว่า "Truth to materials" คือแนวความคิดที่เป็นการเชื่อมผ่านประวัติศาสตร์ของสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ แต่วิธีของตัตลินนั้นยังคงความชัดเจนที่จะแสดงผลงานออกมาให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นการเปลี่ยนจากการนำวัสดุมาใช้สำหรับแปลภาษาหรือบอกลักษณะ มาเน้นที่การใช้งานและทำให้กลายเป็นเครื่องจักรแทน |
||
⚫ | การเป็นนักออกแบบวาดภาพของตัตลินทำให้เขาเห็นถึงความแตกต่างในตัววัสดุแต่ละชนิด ซึ่งเมื่อเขาได้เดินทางไปยังปารีสในปี 1913 แเละได้เห็นผลงานรูปแบบบาศกนิยมของปีกัสโซทำให้เขาตระหนักถึงการทำงานตลอดชีวิตของเขาและผลงานส่วนมากของเขานั้นเป็นการแสดงออกมาในลักษณะเส้นโค้ง ดังจะเห็นได้จาก Counter-reliefs (1914) และทำให้เกิดผลงานที่สำคัญอย่าง Tatlin's Tower |
||
⚫ | |||
⚫ | |||
อย่างไรก็ตามแนวคิดของตัตลินถือเป็นแนวคิดทฤษฎีสร้างความรู้ใหม่โดยศิลปินเอง (Constructivists) ส่งอิทธิพลต่อศิลปินในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษ 20 โดยการใช้ศิลปะในการปฏิวัติสังคม และศิลปินกลุ่มสำคัญอย่างศิลปินแนวเรียกร้องสิทธิสตรีผ่านรูปแบบศิลปะ ซึ่งแนวความคิดแบบ |
อย่างไรก็ตามแนวคิดของตัตลินถือเป็นแนวคิดทฤษฎีสร้างความรู้ใหม่โดยศิลปินเอง (Constructivists) ส่งอิทธิพลต่อศิลปินในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษ 20 โดยการใช้ศิลปะในการปฏิวัติสังคม และศิลปินกลุ่มสำคัญอย่างศิลปินแนวเรียกร้องสิทธิสตรีผ่านรูปแบบศิลปะ ซึ่งแนวความคิดแบบลัทธิเค้าโครงเป็นแรงบันดาลใจโดยตรงแสดงให้เห็นถึงความ "สูง" และ "ต่ำ" ของศิลปะและวัฒนธรรม<ref name="name">http://www.theartstory.org/artist-tatlin-vladimir.htm</ref> |
||
==วลีประจำตัวของตัตลิน== |
==วลีประจำตัวของตัตลิน== |
||
"ไม่มีเก่า ไม่มีใหม่ แต่มีความจำเป็น" |
|||
"การตรวจสอบวัสดุ น้ำหนัก และการก่อสร้างทำให้มันเป็นไปได้ในปี 1918 เริ่มจากการรวมวัสดุที่มีความคลาสสิกทันสมัยอย่างเหล็กและกระจก เปรียบเทียบกับความเก่าแก่เคร่งครัดอย่างหินอ่อนโบราณด้วยวิธีนี้ทำให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียว อย่าง “Monument to the Third International" |
|||
"การทำงานและหน้าที่การใช้งานของเฟอนิเจอร์เป็นเพื่อการเริ่มต้นเท่านั้น การแสดงความทันสมัย ความจำเป็นในชีวิตประจำวัน ความคิดและการพัฒนา แสดงออกได้โดยแค่ศิลปินใส่ความรู้สึกในการสร้างแบบเผินๆ แต่แสดงออกถึงความเป็นสมัยใหม่และการเข้าใจในเหตุและผลของสิ่งนั้น" |
|||
"ศิลปะไม่ใช่สิ่งที่วางไว้ในที่ศักดิ์สิทธิ์หรือเลอค่า ไม่ได้ใช้งานอะไรได้จริง นั่นเป็นเพียงคำปลอบใจและเหตุผลของคนขี้เกียจ ศิลปะนั้นควรมีอยู่ได้ทุกที่ที่มีชีวิตอยู่" |
|||
[[File:Model of Tatlin Tower, Royal Academy, London, 27 Feb 2012.jpg|thumb|แบบจำลอง ''Tatlin's Tower'' |
[[File:Model of Tatlin Tower, Royal Academy, London, 27 Feb 2012.jpg|thumb|แบบจำลอง ''Tatlin's Tower'' ที่[[รอยัลอะคาเดมีออฟอาตส์]]หรือราชสถาบันศิลปะกรุงลอนดอน [[สหราชอาณาจักร]]]] |
||
==ผลงานที่โดดเด่น== |
==ผลงานที่โดดเด่น== |
||
* 1910 – " |
* 1910 – "Artist's model" |
||
* 1911 – |
* 1911 – "The Fishmonger"<ref>http://www.wikiart.org/en/vladimir-tatlin#supersized-featured-255557 |The Fishmonger</ref> |
||
⚫ | |||
เป็นการเนเส้นโค้งที่แสดงออกบนผืนผ้าใบ |
|||
⚫ | |||
กลุ่มคู่แข่งเน้นรัสเซียและลักษณะพื้นบ้านซึ่งเขียนโดยตัตลิน |
กลุ่มคู่แข่งเน้นรัสเซียและลักษณะพื้นบ้านซึ่งเขียนโดยตัตลิน |
||
* 1911-1912 – " |
* 1911-1912 – "The Sailor (Self Portrait)" |
||
* 1912 – " Portrait of the artist |
* 1912 – " Portrait of the artist"<ref> http://www.wikiart.org/en/vladimir-tatlin#supersized-featured-255551 | Portrait of the artist</ref> |
||
*1919-1920 – "Tatlin's Tower" |
*1919-1920 – "Tatlin's Tower"<ref>http://www.wikiart.org/en/vladimir-tatlin#supersized-featured-255548 | Tatlin's Tower </ref> |
||
หรือโครงการ the Monument to the Third International เป็นการสร้างอนุสาวรีย์ที่มีขนาดใหญ่มาก ตัตลินต้องการสร้างงานสถาปัตยกรรมที่มีความทันสมัย |
หรือโครงการ the Monument to the Third International เป็นการสร้างอนุสาวรีย์ที่มีขนาดใหญ่มาก ตัตลินต้องการสร้างงานสถาปัตยกรรมที่มีความทันสมัย |
||
* 1930-1932 – " |
* 1930-1932 – "Le Tatlin"<ref> http://www.wikiart.org/en/vladimir-tatlin#supersized-featured-255545 | Le tatlin </ref> |
||
== |
==อ้างอิง== |
||
{{รายการอ้างอิง}} |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 05:31, 1 ธันวาคม 2557
วลาดีมีร์ ตัตลิน | |
---|---|
วลาดีมีร์ ตัตลิน 1885 | |
เกิด | ปี 1885 มอสโก สาธารณรัฐรัสเซีย |
เสียชีวิต | 31 พฤษภาคม 1953 ( 67 ปี) มอสโก สาธารณรัฐรัสเซีย |
อาชีพ | จิตรกร สถาปนิก |
สัญชาติ | รัสเซีย |
ช่วงเวลา | ค.ศ.1908-1953 |
วลาดีมีร์ เยฟกราโฟวิช ตัตลิน (รัสเซีย: Влади́мир Евгра́фович Та́тлин, Vladimir Yevgraphovich Tatlin) เป็นจิตรกรและสถาปนิกชาวรัสเซียและโซเวียต ซึ่งเป็นหนึ่งในศิลปินชั้นนำของรัสเซียรูปแบบอาว็อง-การ์ด (ล้ำยุค) ปี ค.ศ. 1920 และต่อมาเขาก็เป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงมาก ผลงานที่สำคัญของเขาคือ The Fishmonger, Counter-reliefs, Tatlin's Tower
ประวัติชีวิตในวัยเยาว์
วลาดีมีร์ ตัตลิน เกิดในปี ค.ศ. 1885 ที่เมืองคาร์คิฟ จักรวรรดิรัสเซีย (ปัจจุบันอยู่ในประเทศยูเครน) บิดามีอาชีพเป็นวิศวกร มารดามีอาชีพเป็นกวี เขาใช้ชีวิตเป็นพ่อค้าทางเรือโดยการเดินทางไปยังประเทศต่าง ๆ เช่น ตุรกี อียิปต์ เอเชียไมเนอร์ กรีซ อิตาลี บัลแกเรีย[1]
ประวัติชีวิตในวัยทำงานและบั้นปลาย
ในปี ค.ศ. 1902 ตัตลินได้เข้าเรียนที่โรงเรียนจิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปัตยกรรมแห่งมอสโก (Moscow School of Painting, Sculpture, and Architecture) ถึง ค.ศ. 1904 จากนั้นจึงเข้าเรียนที่โรงเรียนศิลปะแห่งเปนซา (Penza School of Art) ซึ่งอยู่ในการดูแลของอะเลคเซย์ อะฟานาเซียฟ (Aleksey Afanas'ev) ศิลปินที่มีแนวทางการสร้างงานด้านสังคมและการเมืองร่วมสมัย ซึ่งเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจให้กับแนวการสร้างงานของตัตลิน
หลังจบการศึกษาที่โรงเรียนศิลปะเปนซา ตัตลินได้กลับไปศึกษาที่โรงเรียนจิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปัตยกรรมมอสโก และได้รู้จักคุ้นเคยกับศิลปินอาว็อง-การ์ดหลายคน เช่น the Vesnin brothers, the Burluk brothers, Natalia Goncharova, Mikhail Larionov[2]
ค.ศ. 1913 ตัตลินได้เดินทางไปกรุงปารีส และได้เข้าเยี่ยมชมสตูดิโอของปาโบล ปีกัสโซ[3] ซึ่งขณะนั้นงานที่จัดว่าเด่นสะดุดตามากที่สุดคือ กีตาร์ (Guitar, ค.ศ. 1912-1913) ซึ่งสร้างขึ้นจากแผ่นเหล็กและเส้นลวด ลักษณะแบบประติมากรรมนูนสูง แขวนอยู่บนผนังห้อง ประติมากรรมชิ้นนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างประติมากรรมโดยการประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ ขึ้นมา (Constructied Sculpture) และมีความสำคัญต่อแนวคิดต่อต้านธรรมชาติ (Anti Naturalism)
ตัตลินได้รับอิทธิพลแนวความคิดแบบบาศกนิยมมาผสมผสานประยุกต์ในการเลือกใช้วัสดุสร้างงาน และได้สร้าง The Bottle ออกมาในปี 1913 ภาพวาดของเขาได้รับแรงบันดาลใจจากโกลด มอแน และปอล โกแก็งด้วย คือภาพ The Nude (1913) แล้วพัฒนาผลงานไปในลักษณะสถาปัตยกรรมมากกว่าจิตรกรรมหรือประติมากรรม โดยให้ความสำคัญกับการเลือกชนิดวัสดุและเป็นวัสดุจากอุตสาหกรรมตามอุดมการณ์ของ Constructivism [4]
ในปี ค.ศ. 1915 เขาได้นำเอาแผ่นโลหะมาสร้างประติมากรรมแขวนนามธรรมชื่อ Counter-reliefs ซึ่งได้รับอิทธิพลจากบาศกนิยมยุคสังเคราะห์ ตัตลินแสวงหาความจริงในแง่ของวัตถุ เขาได้กลายเป็นผู้นำศิลปินลัทธิเค้าโครง (constructivism) ในรัสเซีย และเป็นคณะกรรมการปฏิรูปสถาบันศิลปะของสหภาพโซเวียต ตัตลินเริ่มรู้สึกว่างานประเภทนี้ยังไม่เพียงพอสำหรับสังคมใหม่ เขาและเพื่อนศิลปินเห็นว่าจำต้องนำเอาการคิดค้นและประสบการณ์ของศิลปินมาใช้สร้างวรรค์ชี้นำสังคม ศิลปินสามารถสอนให้ผู้สนใจได้รู้จักธรรมชาติของวัตถุและวิธีการนำมันมาใช้ พวกเขาเองสามารถเข้าไปยังโรงงานและพัฒนาแนวทางการออกแบบใหม่ เช่น เตาผิงที่มีประสิทธิภาพราคาถูก เสื้อผ้าสำหรับใส่ในฤดูหนาว เข้ากับบรรยากาศก่อนการปฏิวัติรัสเซีย ตัตลินได้วางแผนสร้างอนุสาวรีย์นานาชาติที่สาม (The movement to the Third International) หรือ Tatlin’s tower ในปีค.ศ. 1919-1920[5] หอสูงขนาดสองเท่าของตึกเอ็มไพร์สเตทแห่งนครนิวยอร์ก ด้วยเหล็ก แก้ว โลหะและกระจกเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของจักรวาล อนุสาวรีย์นี้เปรียบเสมือนโครงสร้างกระดูกเหล็ก สร้างคล้ายศูนย์ควบคุมยานอวกาศ การวางตำแหน่งของห้องเล็ก ๆ ในโครงส้รางนี้จะถูกสลับที่กันปีละครั้ง เพื่อจำลองการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ ห้องเลขาธิการจะถูกสลับตำแหน่งทุก 28 วัน การออกแบบจึงซับซ้อนเพื่อรองรับวัตถุประสงค์นี้ ซึ่งความฝันแบบอุดมคติของตัตลินไม่สอดคล้องกับนโยบายของเลนิน ผู้นำสหภาพโซเวียต ที่มุ่งไปที่การขยายตัวทางการค้าและผลผลิต ดังนั้นในไม่ช้าศิลปะรัสเซียจึงสูญเสียอิสระที่จะค้นหาความหมายใหม่ แม้เป็นเพียงแบบจำลอง แต่อนุสาวรีย์นานาชาติที่สามถือเป็นงานก่อสร้างที่ทำงานได้สมบูรณ์และเป็นสัญลักษณ์ของสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ในอุดมคติยุคใหม่
หลังจากโครงการอนุสาวรีย์นานาชาติที่สาม ตัตลินให้ความสนใจกับการเรียนการสอน ปี ค.ศ. 1920 เขาดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ที่สตูดิโอศิลปะของรัฐหรือสโวมัส (Svomas) ในมอสโกและเป็นรักษาการหัวหน้าสตูดิโอของปริมาณ, วัสดุ, และการก่อสร้างที่สโวมัสในเปโตรกราด ปี ค.ศ. 1923-1925 ได้เข้าทำงานในกรมวัฒนธรรมทางวัตถุในเปโตกราด ใน ปี ค.ศ. 1923 ได้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมศิลปะในเปโตรกราด เป็นห้องปฏิบัติการสำหรับการศึกษาทดลองของศิลปะ ซึ่งอยู่ที่พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมศิลปะที่เขาออกแบบฉากและดำเนินการการแสดง Velimir Khlebnikov บทกวีของ Zangezi ในปี ค.ศ. 1923 อันเป็นความสำเร็จของลัทธิเค้าโครง และเปิดโลกอาว็องการ์ดให้กว้างขึ้น
ผลงานที่กล่าวได้ว่าเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของตัตลินคือ "Le Tatlin"[6] เครื่องร่อนที่ขับเคลื่อนโดยใช้กำลังคน จากศึกษาการบินและโครงสร้างปีกของนก โดยเชื่อว่ามนุษย์จะสามารถบินเลียนแบบนกได้ สร้างจากกระดูก ปลาวาฬ และผ้าไหมโดยได้รับความร่วมมือจากศัลยแพทย์และนักบิน
ตัตลินเสียชีวิตอย่างฉับพลันจากอาการอาหารเป็นพิษ ในวันที่ 31 พฤษภาคม ค.ศ. 1953 โดยร่างของเขาถูกฝังอยู่ที่สุสานโนโวเดวีชี (Novodevichy Cemetery) กรุงมอสโก สหภาพโซเวียต
แนวความคิดของตัตลิน
ส่วนมากผลงานของตัตลินนั้นจะแสดงออกในรูปแบบที่ไม่หวนไปสู่แบบดั้งเดิม แต่ผลิตเพื่อการใช้งานจริงขึ้นซึ่งสอดคล้องกับศิลปะเพื่อการปฏิวัติรัสเซียในช่วงศตวรรษที่ 20 ซึ่งศิลปินยุคถัดจากเขาประสบความสำเร็จโดยการใช้ศิลปะเพื่อเป็นสื่อในการผลิตโฆษณาและสร้างกระแสนิยมของรัฐ ผลงานของตัตลิน นับเป็นเวลาสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบของศิลปะรัสเซีย จากการทดลองสมัยใหม่กลายเป็นการออกแบบเชิงใช้งานได้จริง
ตัตลินเชื่อว่า วัสดุจะใช้งานเต็มประสิทธิภาพได้ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้งานของศิลปิน ในส่วนนี้มีหลักจริยธรรมที่ว่า "Truth to materials" คือแนวความคิดที่เป็นการเชื่อมผ่านประวัติศาสตร์ของสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ แต่วิธีของตัตลินนั้นยังคงความชัดเจนที่จะแสดงผลงานออกมาให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นการเปลี่ยนจากการนำวัสดุมาใช้สำหรับแปลภาษาหรือบอกลักษณะ มาเน้นที่การใช้งานและทำให้กลายเป็นเครื่องจักรแทน
การเป็นนักออกแบบวาดภาพของตัตลินทำให้เขาเห็นถึงความแตกต่างในตัววัสดุแต่ละชนิด ซึ่งเมื่อเขาได้เดินทางไปยังปารีสในปี 1913 แเละได้เห็นผลงานรูปแบบบาศกนิยมของปีกัสโซทำให้เขาตระหนักถึงการทำงานตลอดชีวิตของเขาและผลงานส่วนมากของเขานั้นเป็นการแสดงออกมาในลักษณะเส้นโค้ง ดังจะเห็นได้จาก Counter-reliefs (1914) และทำให้เกิดผลงานที่สำคัญอย่าง Tatlin's Tower
อย่างไรก็ตามแนวคิดของตัตลินถือเป็นแนวคิดทฤษฎีสร้างความรู้ใหม่โดยศิลปินเอง (Constructivists) ส่งอิทธิพลต่อศิลปินในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษ 20 โดยการใช้ศิลปะในการปฏิวัติสังคม และศิลปินกลุ่มสำคัญอย่างศิลปินแนวเรียกร้องสิทธิสตรีผ่านรูปแบบศิลปะ ซึ่งแนวความคิดแบบลัทธิเค้าโครงเป็นแรงบันดาลใจโดยตรงแสดงให้เห็นถึงความ "สูง" และ "ต่ำ" ของศิลปะและวัฒนธรรม[3]
วลีประจำตัวของตัตลิน
"ไม่มีเก่า ไม่มีใหม่ แต่มีความจำเป็น"
"การตรวจสอบวัสดุ น้ำหนัก และการก่อสร้างทำให้มันเป็นไปได้ในปี 1918 เริ่มจากการรวมวัสดุที่มีความคลาสสิกทันสมัยอย่างเหล็กและกระจก เปรียบเทียบกับความเก่าแก่เคร่งครัดอย่างหินอ่อนโบราณด้วยวิธีนี้ทำให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียว อย่าง “Monument to the Third International"
"การทำงานและหน้าที่การใช้งานของเฟอนิเจอร์เป็นเพื่อการเริ่มต้นเท่านั้น การแสดงความทันสมัย ความจำเป็นในชีวิตประจำวัน ความคิดและการพัฒนา แสดงออกได้โดยแค่ศิลปินใส่ความรู้สึกในการสร้างแบบเผินๆ แต่แสดงออกถึงความเป็นสมัยใหม่และการเข้าใจในเหตุและผลของสิ่งนั้น"
"ศิลปะไม่ใช่สิ่งที่วางไว้ในที่ศักดิ์สิทธิ์หรือเลอค่า ไม่ได้ใช้งานอะไรได้จริง นั่นเป็นเพียงคำปลอบใจและเหตุผลของคนขี้เกียจ ศิลปะนั้นควรมีอยู่ได้ทุกที่ที่มีชีวิตอยู่"
ผลงานที่โดดเด่น
- 1910 – "Artist's model"
- 1911 – "The Fishmonger"[7]
เป็นการเนเส้นโค้งที่แสดงออกบนผืนผ้าใบ หนึ่งในผลงาน the Knave of Diamonds Exhibition เป็นการอธิบายอย่างเข้มข้นระหว่างดาวิด บูร์ลิยุค (David Burlyuk) ผู้สนับสนุนศิลปะตะวันตก กับนาตาเลีย กอนชาโรวา (Natalia Goncharova) ผู้ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย การอภิปรายนี้นำไปสู่ "The Donkey's Tail" กลุ่มคู่แข่งเน้นรัสเซียและลักษณะพื้นบ้านซึ่งเขียนโดยตัตลิน
- 1911-1912 – "The Sailor (Self Portrait)"
- 1912 – " Portrait of the artist"[8]
- 1919-1920 – "Tatlin's Tower"[9]
หรือโครงการ the Monument to the Third International เป็นการสร้างอนุสาวรีย์ที่มีขนาดใหญ่มาก ตัตลินต้องการสร้างงานสถาปัตยกรรมที่มีความทันสมัย
- 1930-1932 – "Le Tatlin"[10]
อ้างอิง
- ↑ Lynton, Norbert (2009). Tatlin's Tower: Monument to Revolution. New Haven: Yale University Press. p. 1. ISBN 0300111304.
- ↑ โลกศิลปะศตวรรษที่ 20. จิระพัฒน์ พิตรปรีชา. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, 2552
- ↑ 3.0 3.1 http://www.theartstory.org/artist-tatlin-vladimir.htm
- ↑ http://max.mmlc.northwestern.edu/mdenner/Drama/visualarts/Constructivism/24thirdinternational.html |Constructivism. Retrieved 2014-11-29.
- ↑ http://en.wikipedia.org/wiki/Tatlin%27s_Tower |Honour, H. and Fleming, J. (2009) A World History of Art. 7th edn. London: Laurence King Publishing, p. 819. ISBN 9781856695848
- ↑ http://www.wsws.org/en/articles/2012/06/tat1-j19.html | Tatlin’s “new art for a new world”
- ↑ http://www.wikiart.org/en/vladimir-tatlin#supersized-featured-255557 |The Fishmonger
- ↑ http://www.wikiart.org/en/vladimir-tatlin#supersized-featured-255551 | Portrait of the artist
- ↑ http://www.wikiart.org/en/vladimir-tatlin#supersized-featured-255548 | Tatlin's Tower
- ↑ http://www.wikiart.org/en/vladimir-tatlin#supersized-featured-255545 | Le tatlin