ผลต่างระหว่างรุ่นของ "รัฐบาลกลางสหรัฐ"
Ekapoj yam (คุย | ส่วนร่วม) |
Tiemianwusi (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
'''รัฐบาลสหรัฐอเมริกา''' ({{lang-en|Government of the United States of America}}) เป็น[[รัฐบาลกลาง]]ของ[[สหรัฐอเมริกา]]ซึ่งใช้การปกครองแบบสาธารณรัฐตามรัฐธรรมนูญและประกอบด้วยรัฐห้าสิบรัฐ รวมตลอดถึงเขตการปกครองใหญ่หนึ่งแห่ง และดินแดนอื่น ๆ แบ่งเป็นสามฝ่าย คือ นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ ซึ่ง[[รัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกา]]ให้ใช้อำนาจผ่าน[[รัฐสภาแห่งสหรัฐอเมริกา|รัฐสภา]] [[ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา|ประธานาธิบดี]] และ[[ศาลกลางในสหรัฐอเมริกา|ศาลกลาง]] รวมถึง [[ศาลสูงสุดแห่งสหรัฐอเมริกา|ศาลสูงสุด]] ตามลำดับ อำนาจหน้าที่ของแต่ละฝ่ายนั้น กับทั้งการจัดตั้งกระทรวงในฝ่ายบริหารและศาลชั้นรองนั้น เป็นไปตามที่บัญญัติเพิ่มเติมไว้ใน[[รัฐบัญญัติ]] |
|||
ชื่อเต็มของประเทศ คือ "สหรัฐอเมริกา" (The United States of America) ไม่ปรากฏชื่ออื่นในรัฐธรรมนูญ และชื่อนี้ยังปรากฏบนเงินตรา สนธิสัญญา และคดีความซึ่งรัฐเป็นคู่ความ (เช่น [[Charles T. Schenck v. United States|คดีระหว่างชาลส์ ที. เช็งก์ กับสหรัฐอเมริกา]] ส่วนคำว่า "รัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกา" (Government of the United States of America) หรือ "รัฐบาลสหรัฐ" (United States Government) นั้นนิยมใช้ในเอกสารราชการเพื่อแทนรัฐบาลกลางแยกจากรัฐทั้งหลายโดยรวม ในระดับภาษาเขียนหรือสนทนาอย่างเป็นกันเองนั้น นิยมใช้ว่า "รัฐบาลกลาง" (Federal Government) และบางทีก็ใช้ว่า "รัฐบาลแห่งชาติ" (National Government) คำว่า "กลาง" และ "แห่งชาติ" ที่ปรากฏในชื่อส่วนราชการและโครงการราชการนั้นมักบ่งบอกการสังกัดรัฐบาลกลาง (เช่น [[สำนักงานสอบสวนกลาง]] และ[[องค์การบริหารบรรยากาศและมหาสมุทรแห่งชาติ]]) นอกจากนี้ เพราะรัฐบาลกลางตั้งอยู่ใน[[วอชิงตัน ดี.ซี.]] โดยทั่วไปจึงใช้ "วอชิงตัน" [[นามนัย|เรียกแทน]]รัฐบาลกลาง |
|||
⚫ | |||
'''รัฐบาลกลางแห่งสหรัฐอเมริกา''' ({{lang-en|the Government of the United States of America}}) เป็นรัฐบาลกลางแห่ง[[สหพันธรัฐ]]ซึ่งมีอำนาจตาม[[รัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกา|รัฐธรรมนูญ]]ผูกพันต่อมลรัฐทั้ง 50 แห่งซึ่งประกอบกันขึ้นเป็นประเทศ[[สหรัฐอเมริกา]] รวมถึงเขตการปกครองพิเศษ [[วอชิงตัน ดีซี]] และอาณาเขตอื่นๆอีกหลายแห่ง รัฐบาลกลางประกอบไปด้วยอำนาจ 3 ฝ่าย ได้แก่ [[นิติบัญญัติ]] บริหาร และ[[ตุลาการ]] ซึ่งตามรัฐธรรมนูญได้ให้อำนาจในแต่ละฝ่ายได้แก่ [[สภาคองเกรส]] [[ประธานาธิบดี]] และศาลสูงสุดรวมถึงศาลฎีกาตามลำดับ อำนาจและหน้าที่ของแต่ละฝ่ายนั้นได้ระบุไว้ในกฎหมายคองเกรส |
|||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
ชื่อเต็มอย่างเป็นทางการของประเทศคือ "[[สหรัฐอเมริกา]]" ({{lang-en|The United States of America}}) ซึ่งจะใช้ระบุในรัฐธรรมนูญ เอกสารราชการ ธนบัตร เหรียญกษาปณ์ และสนธิสัญญาต่างๆ คำว่า "รัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกา" ({{lang-en|Government of the United States of America}}) หรือ "รัฐบาลสหรัฐอเมริกา" ({{lang-en|United States Government}}) จะใช้ในเอกสารราชการที่จะระบุถึงที่มาคือรัฐบาลแห่งสหพันธ์ เพื่อแยกออกจากรัฐบาลท้องถิ่นของแต่ละมลรัฐ ในภาษาเขียนหรือภาษาพูดอย่างลำลอง มักจะแทนด้วยคำว่า "รัฐบาลแห่งสหพันธ์" ({{lang-en|Federal Government}}) หรือ "รัฐบาลแห่งชาติ" ({{lang-en|National Government}}) ก็สามารถพบเห็นได้ โดยหน่วยงานสังกัดรัฐบาลกลางนั้นมักจะระบุคำว่า "Federal" หรือ "National" ขึ้นอยู่หน้าหน่วยงานนั้นๆ อาทิเช่น หน่วยงานสอบสวนกลาง หรือ Federal Bureau of Investigation (FBI) ที่ตั้งของรัฐบาลกลางอยู่ที่ [[กรุงวอชิงตัน ดีซี]] โดยมักจะเรียกอย่างลำลองว่า "วอชิงตัน" เพื่อกล่าวถึงรัฐบาลกลาง |
|||
=== อำนาจ === |
|||
⚫ | |||
{{see also|มาตรา 1 ของรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกา}} |
|||
{{main|สภาคองเกรส}} |
|||
รัฐธรรมนูญได้บัญญัติถึงอำนาจของรัฐสภาไว้หลายประการด้วยกัน ตามที่แจกแจงไว้ในมาตรา 1 อนุมาตรา 8 อำนาจดังกล่าวรวมถึงการเรียกและเก็บภาษี ผลิตและควบคุมมูลค่าเงินตรา บัญญัติโทษสำหรับการปลอมเงินตรา จัดตั้งที่ทำการไปรษณีย์และถนน ส่งเสริมความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ด้วยการออกสิทธิบัตร จัดตั้งศาลกลางซึ่งรองจากศาลสูงสุด ปราบปรามการกระทำอันเป็นโจรสลัดและความผิดอาญาอุกฉกรรจ์ ประกาศสงคราม ระดมและสนับสนุนสรรพกำลังทางทหาร จัดตั้งและดำรงไว้ซึ่งทัพเรือ วางระเบียบการใช้กำลังทางบกและทางน้ำ จัดตั้ง จัดหาอาวุธให้ และควบคุมวินัยกองกำลังอาสาสมัคร ใช้อำนาจนิติบัญญัติแต่เพียงผู้เดียวในวอชิงตัน ดี.ซี. และตรากฎหมายซึ่งจำเป็นแก่การใช้อำนาจให้เหมาะสม ตลอดระยะเวลากว่าสองร้อยปีนับแต่จัดตั้งสหรัฐอเมริกา มีข้อพิพาทมากมายเกี่ยวกับการจำกัดอำนาจรัฐบาลกลาง และมักกลายเป็นคดีความซึ่งสุดท้ายแล้วได้รับการตัดสินโดยศาลสูงสุด |
|||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | สภาผู้แทนราษฎร (House of Representatives) ปัจจุบันประกอบด้วยสมาชิกที่มีสิทธิออกเสียงจำนวน 435 คน แต่ละคนมาเป็นผู้แทนเขตเลือกตั้ง จำนวนผู้แทนราษฎรที่แต่ละรัฐสามารถมีได้ในสภานั้นเป็นไปตามจำนวนประชากรของรัฐนั้น ๆ ตามที่ระบุไว้ในสำมะโนครัวล่าสุด แต่ละรัฐต้องมีผู้แทนราษฎรอย่างน้อยหนึ่งคน สมาชิกทั้ง 435 คนดำรงตำแหน่งคราวละสองปี และดำรงตำแหน่งซ้ำได้ไม่จำกัด บุคคลต้องมีอายุอย่างน้อย 25 ปี และเป็นพลเมืองสหรัฐมาแล้วอย่างน้อย 7 ปี จึงสามารถได้รับเลือกเป็นผู้แทนราษฎร นอกจากสมาชิกที่มีสิทธิออกเสียงจำนวน 435 คนดังกล่าวแล้ว ยังมีสมาชิกที่ไม่มีสิทธิออกเสียงอีก 6 คน 5 คนเป็นผู้แทน[[วอชิงตัน ดี.ซี.]] [[กวม]] [[หมู่เกาะเวอร์จิน]] [[อเมริกันซามัว]] และ[[หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา]] อีก 1 คนเป็นข้าหลวงประจำ[[เปอร์โตริโก]]<ref>US House Official Website [http://www.house.gov/house/MemberWWW_by_State.shtml House.gov] Retrieved on 17 August 2008</ref> |
||
⚫ | |||
⚫ | |||
===บทบาท=== |
|||
⚫ | |||
รัฐธรรมนูญได้บัญญัติถึงอำนาจของสภาคองเกรสไว้หลายประการด้วยกัน ในมาตรา 1 ตอนที่ 8 ซึ่งกล่าวถึงอำนาจในการตั้งภาษีและจัดเก็บภาษีต่างๆ, ผลิตธนบัตรและควบคุมมูลค่าเงิน, ระบุอัตราโทษสำหรับการปลอมแปลง, กำกับกิจการไปรษณีย์และคมนาคม, สนับสนุนการพัฒนาวิทยาศาสตร์ผ่านทางสิทธิบัตร, ก่อตั้งศาลแห่งสหพันธ์ซึ่งอยู่ภายใต้ศาลฎีกาแห่งสหรัฐอเมริกา, ต่อต้านการคุกคาม, ประกาศสงคราม, ก่อตั้งและช่วยเหลือกองทัพ, กำกับดูแลกิจการรวมทั้งวินัยของกองทัพและผู้บังคับใช้กฎหมาย, ตรากฎหมายเพื่อใช้บริหารประเทศ ซึ่งตั้งแต่สองร้อยปีตั้งแต่มีการก่อตั้งเป็นประเทศขึ้น ได้มีกรณีพิพาทถึงของเขตของอำนาจของรัฐบาลกลาง ซึ่งข้อพิพาทนั้นจะถูกตัดสินโดย[[ศาลฎีกา]] |
|||
=== อำนาจที่แตกต่างกัน === |
|||
⚫ | |||
⚫ | |||
⚫ | |||
ทั้งสองสภามีอำนาจสิทธิ์ขาดบางประการ เช่น วุฒิสภาต้องให้ความเห็นชอบ (ให้[[คำแนะนำและยินยอม]]) ต่อการแต่งตั้งบุคคลของประธานาธิบดี เช่น สมาชิกคณะรัฐมนตรี ตุลาการส่วนกลาง (รวมถึง ผู้ได้รับเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งในศาลสูงสุด) รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ข้าราชการทหารบกและทหารเรือ และเอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศ ร่างรัฐบัญญัติจัดเก็บภาษีอากรนั้นต้องเสนอในสภาผู้แทนราษฎร กฎหมายใด ๆ ต้องได้รับความเห็นชอบจากทั้งสองสภา และจะเป็นกฎหมายก็ต่อเมื่อประธานาธิบดีลงนาม (หรือถ้าประธานาธิบดียับยั้งร่างกฎหมาย สภาทั้งสองจะต้องพิจารณาร่างนั้นใหม่ ถ้าสองในสามของสมาชิกทั้งสองสภายืนยันมติเดิม ร่างกฎหมายนั้นจะเป็นกฎหมายโดยไม่จำต้องให้ประธานาธิบดีลงนามอีก) อำนาจของรัฐสภามีจำกัดเท่าที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ อำนาจอื่น ๆ ทั้งหลายนั้นสงวนไว้เป็นของรัฐและประชาชน รัฐธรรมนูญยังมี "ข้อบทเพื่อความจำเป็นและเหมาะสม" (Necessary and Proper Claus) ซึ่งให้รัฐสภามีอำนาจ "ตรากฎหมายทั้งปวงที่จำเป็นและเหมาะสมแก่การใช้อำนาจบรรดาที่ระบุไว้ข้างต้น" สมาชิกทั้งสองสภานั้นมาจากการเลือกตั้งในแต่ละรัฐซึ่งใช้ระบบ[[เลือกตั้งรอบเดียวโดยผู้มีคะแนนเสียงมากสุดชนะ]] (first-past-the-post) ยกเว้นรัฐหลุยเซียนา แคลิฟอร์เนีย และวอชิงตัน ใช้การ[[เลือกตั้งสองรอบ]] (runoff) |
|||
⚫ | |||
⚫ | |||
=== การขับข้าราชการกลางออกจากตำแหน่ง === |
|||
====การแบ่งแยกอำนาจ==== |
|||
ทั้งสองสภานั้นจะมีอำนาจแยกจากกัน ตัวอย่างเช่น วุฒิสภาจะต้องอนุมัติเห็นชอบ (ให้[[คำแนะนำและยินยอม]]) ต่อการแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงโดยประธานาธิบดี เช่น คณะรัฐมนตรี ผู้พิพากษาศาลกลาง (รวมถึงตัวแทนศาลฎีกา) ผู้บัญชาการกองทัพ และเอกอัครข้าราชทูตประจำประเทศต่างๆ ส่วนการร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับรายได้นั้นจะต้องมาจากสภาผู้แทนราษฎร โดยจะต้องได้รับการรับรองจากทั้งสองสภาในการผ่านร่างกฎหมายก่อนที่จะลงนามโดยประธานาธิบดีเพื่อเป็นกฎหมายที่บังคับใช้ได้อย่างสมบูรณ์ (หรือ ถ้าหากประธานาธิบดีใช้อำนาจไม่รับรองร่างกฎหมายใดๆ ให้กลับไปที่สภาคองเกรสเพื่อลงมติมากกว่าสองในสามของแต่ละสภา ซึ่งในกรณีนี้จะสามารถบังคับใช้เป็นกฎหมายได้อย่างสมบูรณ์โดยปราศจากการลงนามโดยประธานาธิบดี) อำนาจของสภาคองเกรสนั้นถูกจำกัดและแจกแจงไว้ตามรัฐธรรมนูญ อำนาจอื่นๆที่นอกเหนือจากนี้ให้ตกเป็นของมลรัฐและประชาชน โดยมาตราที่ 1 ของรัฐธรรมนูญได้ระบุถึงกรณีที่จำเป็นและเหมาะสม (Necessary and Proper Clause) ให้สภาคองเกรส "สามารถตรากฎหมายที่จำเป็นต่อการใช้อำนาจที่แจกแจงไว้ให้สำเร็จลงได้" สมาชิกสภาคองเกรสนั้นถูกคัดเลือกโดยการเลือกตั้ง โดยผ่านการเลือกตั้งรอบเดียวโดยผู้ที่มีคะแนนเสียงมากที่สุด ยกเว้นในรัฐหลุยเซียนา แคลิฟอร์เนีย และวอชิงตัน ที่จัดการเลือกตั้งแบบสองรอบ |
|||
รัฐสภามีอำนาจถอดประธานาธิบดี ตุลาการส่วนกลาง และข้าราชการส่วนกลางอื่น ๆ ออกจากตำแหน่ง ในกระบวนการนี้ทั้งสองสภามีบทบาทแยกกัน อันดับแรก สภาผู้แทนราษฎรต้องออกเสียงลงคะแนนว่าจะขับข้าราชการออกจากตำแหน่งหรือไม่ จากนั้น วุฒิสภาจึงไต่สวนเพื่อวินิจฉัยว่า ข้าราชการผู้นั้นควรพ้นจากตำแหน่งหรือไม่ อย่างไรก็ดี แม้เคยมีประธานาธิบดีสองคนถูกสภาผู้แทนราษฎรลงมติให้ขับออกจากตำแหน่ง (คือ [[แอนดรูว์ จอห์นสัน]] และ[[บิล คลินตัน]) แต่ทั้งสองคนก็มิได้พ้นจากตำแหน่งเพราะการไต่สวนในวุฒิสภา |
|||
====การถอดถอนข้าราชการระดับสูง==== |
|||
สภาคองเกรสมีอำนาจถอดถอนประธานาธิบดี ผู้พิพากษากลาง และข้าราชการระดับสูงแห่งสหพันฐ์ได้ โดยทั้งสองสภาได้รับบทบาทที่แตกต่างกันในการยื่นถอดถอน โดยสภาผู้แทนราษฎรจะต้องออกเสียงเพื่อผ่านการถอดถอนนั้นๆก่อน จากนั้นวุฒิสภาจะเป็นผู้ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อเป็นการตัดสินว่าบุคคลนั้นสมควรจะต้องถูกถอดถอนหรือไม่ ในประวัติศาสตร์อเมริกันนั้นเคยมีประธานาธิบดีถูกลงมติถอดจากตำแหน่งโดยสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 2 คน คือ [[แอนดรูว์ จอห์นสัน]] และ[[บิล คลินตัน]] แต่ทั้งสองคนก็มิได้ถูกตัดสินโดยวุฒิสภาให้ถอดถอนจากตำแหน่ง |
|||
=== วิธีประชุม === |
|||
====ขั้นตอน==== |
|||
ตามมาตราที่ 1 ตอนที่ 2 ย่อหน้าที่ 2 ของรัฐธรรมนูญได้กล่าวถึงอำนาจของแต่ละสภาที่จะ "เลือกกฎเกณฑ์วิธีการในการพิจารณาการทำงาน" จึงทำให้เกิดคณะทำงานเป็นคณะกรรมาธิการขึ้น ซึ่งมีหน้าที่หลักๆคือพิจารณาข้อร่างกฎหมายต่างๆ และกำกับการสอบสวนเรื่องที่มีความสำคัญระดับชาติ ในสภาคองเกรสชุดที่ 108 (ปีค.ศ. 2003-2005) ได้มีคณะกรรมาธิการถึง 19 คณะในสภาผู้แทนฯ และ 17 คณะในวุฒิสภา ยังไม่รวมคณะกรรมาธิการร่วมสามัญซึ่งประกอบด้วยสมาชิกจากสองสภาเพื่อกำกับดูแล[[หอสมุดรัฐสภา]] ภาษีอากร และเศรษฐกิจ นอกจากนี้ แต่ละสภายังสามารถตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อศึกษาด้านพิเศษได้ถ้าจำเป็น โดยคณะกรรมาธิการยังสามารถจัดตั้งเป็นคณะกรรมาธิการย่อยเพื่อช่วยได้อีกต่อหนึ่ง ซึ่งในปัจจุบันมีประมาณ 150 คณะด้วยกัน |
|||
รัฐธรรมนูญ มาตรา 1 อนุมาตรา 1 วรรค 2 ให้แต่ละสภามีอำนาจ "วางระเบียบการดำเนินงานของตนเอง" บทบัญญัตินี้ก่อให้เกิดคณะกรรมาธิการของรัฐสภาขึ้นทำหน้าที่ยกร่างกฎหมายและรับผิดชอบการสืบสวนของรัฐสภาเกี่ยวกับปัญหาระดับชาติ รัฐสภาชุดที่ 108 (ค.ศ. 2003–2005) มีคณะกรรมาธิการสามัญ 19 คณะในสภาผู้แทนราษฎร และ 17 คณะในวุฒิสภา รวมถึงคณะกรรมาธิการร่วมถาวร 4 คณะซึ่งกรรมาธิการมาจากสภาทั้งสองและมีหน้าที่กำดับดูแล[[หอสมุดรัฐสภา]] งานสารบรรณ ภาษีอากร และเศรษฐกิจ นอกจากนี้ แต่ละสภายังสามารถตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาปัญหาเฉพาะ ปัจจุบัน งานส่วนใหญ่ของรัฐสภาตกเป็นของคณะอนุกรรมาธิการซึ่งมีราว 150 คณะด้วยกัน |
|||
⚫ | |||
⚫ | อำนาจบริหาร |
||
⚫ | |||
{{see also|มาตรา 2 ของรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกา}} |
|||
⚫ | อำนาจบริหารรัฐบาลกลางนั้นเป็นของ[[ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา]]<ref name="ArtII wikisource">[[s:Constitution of the United States of America|Article II, Constitution of the United States of America]]</ref> แต่อำนาจดังกล่าวนั้นมักมอบหมายให้สมาชิกคณะรัฐมนตรีและข้าราชการอื่นใช้แทน<ref>{{cite web |first=Obama |last=Barack |authorlink=Barack Obama |title=Delegation of Certain Authority Under the National Defense Authorization Act for Fiscal Year 2008 |url=http://www.whitehouse.gov/the_press_office/Presidential-Memorandum-for-the-Secretary-of-Defense/ |publisher=[[United States]] |date=2009-04-27 |archivedate= |accessdate=2009-07-01 |quote=}}</ref> ประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีได้รับการเลือกตั้งร่วมกันจาก[[คณะผู้เลือกตั้ง]] (Electoral College) รัฐต่าง ๆ รวมทั้งวอชิงตัน ดี.ซี. จะมีสมาชิกภาพในคณะผู้เลือกตั้งตามจำนวนของสมาชิกของตนในสภาทั้งสอง<ref name="ArtII wikisource"/><ref>[[s:Additional amendments to the United States Constitution#Amendment XXIII|Amendment XXIII to the United States Constitution]]</ref> ประธานาธิบดีมีวาระดำรงตำแหน่งคราวละ 4 ปี แต่ไม่เกิน 2 วาระ ถ้าประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งครบ 2 วาระแล้ว และมีผู้อื่นได้รับเลือกตั้งมาคั่น เขาจะดำรงตำแหน่งได้อีกเพียง 1 วาระมีระยะ 4 ปีเช่นกัน<ref name="ArtII wikisource"/> |
||
===ประธานาธิบดี=== |
=== ประธานาธิบดี === |
||
{{main|ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา}} |
{{main|ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา}} |
||
[[File:Seal Of The President Of The Unites States Of America.svg|thumb|right]] |
[[File:Seal Of The President Of The Unites States Of America.svg|thumb|right]] |
||
ฝ่ายบริหารประกอบด้วย ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา (President of the United States) และบุคคลอื่น ๆ ซึ่งได้รับมอบอำนาจประธานาธิบดี ประธานาธิบเป็นทั้งประมุขแห่งรัฐและหัวหน้ารัฐบาล รวมถึงจอมทัพ และหัวหน้าทูต ตามรัฐธรรมูญประธานาธิบดีต้อง "ดูแลให้การปฏิบัติตามกฎหมายเป็นไปอย่างซื่อสัตย์" และ "สงวน ป้องกัน และพิทักษ์รัฐธรรมนูญ" ประธานาธิบดีเป็นประธานฝ่ายบริหารของรัฐบาลกลาง ซึ่งเป็นองค์การที่ประกอบด้วยบุคคลราว 5 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นทหารประจำการราวหนึ่งล้านคน และเจ้าพนักงานไปรษณีย์อีกกว่า 6000,000 คน [[บารัก โอบามา]] เป็นประธานาธิบดีคนปัจจุบันและคนที่ 44 |
|||
ประธานาธิบดี |
ประธานาธิบดีอาจลงนามในร่างกฎหมายที่ได้รัฐสภาให้ความเห็นชอบเพื่อให้ร่างนั้นเป็นกฎหมาย หรือจะยับยั้งร่างนั้นก็ได้อันจะส่งผลให้ร่างนั้นตกไป เว้นแต่รัฐสภา โดยคะแนนเสียงสองในสามของสมาชิกทั้งสองสภา จะมีมติคัดค้านการยับยั้ง ประธานาธิบดีฝ่ายเดียวยังอาจลงนามในสนธิสัญญากับต่างประเทศ แต่การให้สัตยาบันแก่สนธิสัญญานั้นจำต้องได้รับความเห็นชอบของวุฒิสภาด้วยคะแนนเสียงสองในสามของสมาชิก ประธานาธิบดีอาจถูกขับออกจากตำแหน่งด้วยคะแนนเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎร และพ้นจากตำแหน่งด่วยคะแนนเสียงสองในสามของสมาชิกวุฒิสภา ด้วยข้อกล่าวหาว่าเป็น "กบฏ รับสินบน หรือความผิดอาญาอย่างอื่นทั้งอุกฉกรรจ์และลหุโทษ" ประธานาธิบดีไม่มีอำนาจยุบรัฐสภาหรือสั่งให้เลือกตั้งเป็นกรณีพิเศษ แต่มีอำนาจอภัยโทษหรือปล่อยบุคคลซึ่งถูกพิพากษาว่ามความผิดต่อรัฐบาลกลาง (เว้นแต่กรณีขับออกจากตำแหน่ง) ตรารัฐกำหนด และแต่งตั้งตุลาการศาลสูงสุดกับตุลาการส่วนกลาง (โดยได้รับความยินยอมของวุฒิสภา) |
||
===รองประธานาธิบดี=== |
=== รองประธานาธิบดี === |
||
{{main|รองประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา}} |
{{main|รองประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา}} |
||
[[File:US Vice President Seal.svg|thumb|right]] |
[[File:US Vice President Seal.svg|thumb|right]] |
||
รองประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา (Vice President of the United States) เป็นข้าราชการฝ่ายบริหารซึ่งตามตำแหน่งแล้วถือว่าสูงสุดเป็นอันดับที่สองในรัฐบาล ในฐานะที่เป็นบุคคลแรกที่จะสืบตำแหน่งประธานาธิบดี รองประธานาธิบดีจะขึ้นเป็นประธานาธิบดีต่อเมื่อประธานาธิบดีตาย ลาออก หรือถูกถอดจากตำแหน่ง ในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกาเกิดเหตุการณ์นี้แล้ว 9 ครั้ง อนึ่ง ตามความในรัฐธรรมนูญ รองประธานาธิบดีเป็นประธานวุฒิสภา ด้วยบทบาทนี้ เขาจึงเป็นผู้นำของวุฒิสภา และในฐานดังกล่าว รองประธานาบธิดีจะออกเสียงลงคะแนนในวุฒิสภาได้เฉพาะเพื่อเป็น[[เสียงชี้ขาด]]เมื่อคะแนนเสียงเท่ากัน ตาม[[รัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกาแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่สิบสอง|รัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่สิบสอง]] รองประธานาธิบดีเป็นประธานที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อนับคะแนนการเลือกตั้งของคณะผู้เลือกตั้ง แม้ว่าตามรัฐธรรมนูญแล้ว อำนาจหน้าที่ของรองประธานาธิบดีจะเกี่ยวข้องกับการเป็นประธานวุฒิสภา นอกเหนือไปจากการสืบตำแหน่งประธานาธิบดี แต่ปัจจุบันมักมองกันว่า รองประธานาธิบดีเป็นสมาชิกฝ่ายบริหารของรัฐบาลกลาง และเนื่องจากรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดให้ตำแหน่งนี้อยู่ฝ่ายไหนโดยเฉพาะ นักวิชาการจึงถกเถียงกันว่า ควรอยู่ในฝ่ายบริการ ฝ่ายนิติบัญญัติ หรือทั้งสองฝ่าย<ref name=Goldstein>{{cite journal|last=Goldstein|first=Joel K.|title=The New Constitutional Vice Presidency|journal=Wake Forest Law Review|volume=30|issue=505|publisher=Wake Forest Law Review Association, Inc.|url=|location=Winston Salem, NC|year=1995}}</ref><ref>{{cite journal|last=Reynolds|first=Glenn Harlan|title=Is Dick Cheney Unconstitutional?|journal=Northwestern University Law Review Colloquy|volume=102|issue=110|publisher=Northwestern University School of Law|url=|location=Chicago|year=2007}}</ref> |
|||
===คณะรัฐมนตรี กระทรวง และ |
=== คณะรัฐมนตรี กระทรวง และส่วนราชการ === |
||
{{main|คณะรัฐมนตรีแห่งสหรัฐอเมริกา}} |
{{main|คณะรัฐมนตรีแห่งสหรัฐอเมริกา}} |
||
การ |
งานรายวันในการบังคับใช้และดำเนินการตามกฎหมายกลางนั้นเป็นของกระทรวงฝ่ายบริหารในส่วนกลางซึ่งรัฐสภาจัดตั้งขึ้นเพื่อรับผิดชอบราชการระดับประเทศและระหว่างประเทศโดยเฉพาะ หัวหน้ากระทรวงทั้ง 15 มาจากการคัดเลือกโดยประธานาธิบดีตามคำแนะนำและยินยอมของวุฒิสภา และประกอบกันเป็นคณะที่ปรึกษาซึ่งเรียกโดยทั่วไปว่า คณะรัฐมนตรีในประธานาธิบดี (President's Cabinet) นอกจากกระทรวงต่าง ๆ แล้ว ยังมีองค์การเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งซึ่งรวมกลุ่มเป็นสำนักประธานาธิบดี (Executive Office of the President) ได้แก่ เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว สภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักบริหารจัดการและงบประมาณ คณะที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ สภาคุณภาพสิ่งแวดล้อม สำนักผู้แทนการค้าสหรัฐ สำนักนโยบายควบคุมยาเสพติดแห่งชาติ และสำนักนโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผู้ปฏิบัติงานในส่วนราชการเหล่านี้เรียกว่า ข้าราชการพลเรือนกลาง (federal civil servant) อนึ่ง ยังมีส่วนราชการอิสระ เช่น [[United States Postal Service|สำนักงานไปรษณีย์สหรัฐ]] [[องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ]] [[สำนักข่าวกรองกลาง]] [[สำนักป้องกันสิ่งแวดล้อม]] และ[[สำนักพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา]] กับทั้งยังมีรัฐวิสหากิจ เช่น [[บรรษัทประกันเงินฝากกลาง]] และ[[บรรษัทขนส่งคนโดยสารรถไฟแห่งชาติ]] |
||
==อ้างอิง== |
== อ้างอิง == |
||
{{รายการอ้างอิง|2}} |
{{รายการอ้างอิง|2}} |
||
⚫ | |||
[[หมวดหมู่:รัฐบาลสหรัฐอเมริกา]] |
[[หมวดหมู่:รัฐบาลสหรัฐอเมริกา]] |
||
[[หมวดหมู่:ระบบการปกครองของสหรัฐอเมริกา]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 06:40, 2 ตุลาคม 2556
รัฐบาลสหรัฐอเมริกา (อังกฤษ: Government of the United States of America) เป็นรัฐบาลกลางของสหรัฐอเมริกาซึ่งใช้การปกครองแบบสาธารณรัฐตามรัฐธรรมนูญและประกอบด้วยรัฐห้าสิบรัฐ รวมตลอดถึงเขตการปกครองใหญ่หนึ่งแห่ง และดินแดนอื่น ๆ แบ่งเป็นสามฝ่าย คือ นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกาให้ใช้อำนาจผ่านรัฐสภา ประธานาธิบดี และศาลกลาง รวมถึง ศาลสูงสุด ตามลำดับ อำนาจหน้าที่ของแต่ละฝ่ายนั้น กับทั้งการจัดตั้งกระทรวงในฝ่ายบริหารและศาลชั้นรองนั้น เป็นไปตามที่บัญญัติเพิ่มเติมไว้ในรัฐบัญญัติ
ชื่อเต็มของประเทศ คือ "สหรัฐอเมริกา" (The United States of America) ไม่ปรากฏชื่ออื่นในรัฐธรรมนูญ และชื่อนี้ยังปรากฏบนเงินตรา สนธิสัญญา และคดีความซึ่งรัฐเป็นคู่ความ (เช่น คดีระหว่างชาลส์ ที. เช็งก์ กับสหรัฐอเมริกา ส่วนคำว่า "รัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกา" (Government of the United States of America) หรือ "รัฐบาลสหรัฐ" (United States Government) นั้นนิยมใช้ในเอกสารราชการเพื่อแทนรัฐบาลกลางแยกจากรัฐทั้งหลายโดยรวม ในระดับภาษาเขียนหรือสนทนาอย่างเป็นกันเองนั้น นิยมใช้ว่า "รัฐบาลกลาง" (Federal Government) และบางทีก็ใช้ว่า "รัฐบาลแห่งชาติ" (National Government) คำว่า "กลาง" และ "แห่งชาติ" ที่ปรากฏในชื่อส่วนราชการและโครงการราชการนั้นมักบ่งบอกการสังกัดรัฐบาลกลาง (เช่น สำนักงานสอบสวนกลาง และองค์การบริหารบรรยากาศและมหาสมุทรแห่งชาติ) นอกจากนี้ เพราะรัฐบาลกลางตั้งอยู่ในวอชิงตัน ดี.ซี. โดยทั่วไปจึงใช้ "วอชิงตัน" เรียกแทนรัฐบาลกลาง
ฝ่ายนิติบัญญัติ
รัฐสภาแห่งสหรัฐอเมริกาเป็นฝ่ายนิติบัญญัติของรัฐบาลกลาง ใช้ระบบสองสภา ประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา
อำนาจ
รัฐธรรมนูญได้บัญญัติถึงอำนาจของรัฐสภาไว้หลายประการด้วยกัน ตามที่แจกแจงไว้ในมาตรา 1 อนุมาตรา 8 อำนาจดังกล่าวรวมถึงการเรียกและเก็บภาษี ผลิตและควบคุมมูลค่าเงินตรา บัญญัติโทษสำหรับการปลอมเงินตรา จัดตั้งที่ทำการไปรษณีย์และถนน ส่งเสริมความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ด้วยการออกสิทธิบัตร จัดตั้งศาลกลางซึ่งรองจากศาลสูงสุด ปราบปรามการกระทำอันเป็นโจรสลัดและความผิดอาญาอุกฉกรรจ์ ประกาศสงคราม ระดมและสนับสนุนสรรพกำลังทางทหาร จัดตั้งและดำรงไว้ซึ่งทัพเรือ วางระเบียบการใช้กำลังทางบกและทางน้ำ จัดตั้ง จัดหาอาวุธให้ และควบคุมวินัยกองกำลังอาสาสมัคร ใช้อำนาจนิติบัญญัติแต่เพียงผู้เดียวในวอชิงตัน ดี.ซี. และตรากฎหมายซึ่งจำเป็นแก่การใช้อำนาจให้เหมาะสม ตลอดระยะเวลากว่าสองร้อยปีนับแต่จัดตั้งสหรัฐอเมริกา มีข้อพิพาทมากมายเกี่ยวกับการจำกัดอำนาจรัฐบาลกลาง และมักกลายเป็นคดีความซึ่งสุดท้ายแล้วได้รับการตัดสินโดยศาลสูงสุด
องค์ประกอบ
สภาผู้แทนราษฎร
สภาผู้แทนราษฎร (House of Representatives) ปัจจุบันประกอบด้วยสมาชิกที่มีสิทธิออกเสียงจำนวน 435 คน แต่ละคนมาเป็นผู้แทนเขตเลือกตั้ง จำนวนผู้แทนราษฎรที่แต่ละรัฐสามารถมีได้ในสภานั้นเป็นไปตามจำนวนประชากรของรัฐนั้น ๆ ตามที่ระบุไว้ในสำมะโนครัวล่าสุด แต่ละรัฐต้องมีผู้แทนราษฎรอย่างน้อยหนึ่งคน สมาชิกทั้ง 435 คนดำรงตำแหน่งคราวละสองปี และดำรงตำแหน่งซ้ำได้ไม่จำกัด บุคคลต้องมีอายุอย่างน้อย 25 ปี และเป็นพลเมืองสหรัฐมาแล้วอย่างน้อย 7 ปี จึงสามารถได้รับเลือกเป็นผู้แทนราษฎร นอกจากสมาชิกที่มีสิทธิออกเสียงจำนวน 435 คนดังกล่าวแล้ว ยังมีสมาชิกที่ไม่มีสิทธิออกเสียงอีก 6 คน 5 คนเป็นผู้แทนวอชิงตัน ดี.ซี. กวม หมู่เกาะเวอร์จิน อเมริกันซามัว และหมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา อีก 1 คนเป็นข้าหลวงประจำเปอร์โตริโก[1]
วุฒิสภา
วุฒิสภา (Senate) ประกอบด้วยสมาชิก 2 คนจากแต่ละรัฐ ไม่ว่ารัฐนั้นจะมีประชากรเท่าใด ปัจจุบันมีสมาชิกวุฒสิภา 100 คน (จากทั้งหมด 50 มลรัฐ) แต่ละคนดำรงตำแหน่งคราวละ 6 ปี และจะเลือกตั้งราว ๆ หนึ่งในสามของสมาชิกทั้งหมดทุก ๆ สองปี
อำนาจที่แตกต่างกัน
ทั้งสองสภามีอำนาจสิทธิ์ขาดบางประการ เช่น วุฒิสภาต้องให้ความเห็นชอบ (ให้คำแนะนำและยินยอม) ต่อการแต่งตั้งบุคคลของประธานาธิบดี เช่น สมาชิกคณะรัฐมนตรี ตุลาการส่วนกลาง (รวมถึง ผู้ได้รับเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งในศาลสูงสุด) รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ข้าราชการทหารบกและทหารเรือ และเอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศ ร่างรัฐบัญญัติจัดเก็บภาษีอากรนั้นต้องเสนอในสภาผู้แทนราษฎร กฎหมายใด ๆ ต้องได้รับความเห็นชอบจากทั้งสองสภา และจะเป็นกฎหมายก็ต่อเมื่อประธานาธิบดีลงนาม (หรือถ้าประธานาธิบดียับยั้งร่างกฎหมาย สภาทั้งสองจะต้องพิจารณาร่างนั้นใหม่ ถ้าสองในสามของสมาชิกทั้งสองสภายืนยันมติเดิม ร่างกฎหมายนั้นจะเป็นกฎหมายโดยไม่จำต้องให้ประธานาธิบดีลงนามอีก) อำนาจของรัฐสภามีจำกัดเท่าที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ อำนาจอื่น ๆ ทั้งหลายนั้นสงวนไว้เป็นของรัฐและประชาชน รัฐธรรมนูญยังมี "ข้อบทเพื่อความจำเป็นและเหมาะสม" (Necessary and Proper Claus) ซึ่งให้รัฐสภามีอำนาจ "ตรากฎหมายทั้งปวงที่จำเป็นและเหมาะสมแก่การใช้อำนาจบรรดาที่ระบุไว้ข้างต้น" สมาชิกทั้งสองสภานั้นมาจากการเลือกตั้งในแต่ละรัฐซึ่งใช้ระบบเลือกตั้งรอบเดียวโดยผู้มีคะแนนเสียงมากสุดชนะ (first-past-the-post) ยกเว้นรัฐหลุยเซียนา แคลิฟอร์เนีย และวอชิงตัน ใช้การเลือกตั้งสองรอบ (runoff)
การขับข้าราชการกลางออกจากตำแหน่ง
รัฐสภามีอำนาจถอดประธานาธิบดี ตุลาการส่วนกลาง และข้าราชการส่วนกลางอื่น ๆ ออกจากตำแหน่ง ในกระบวนการนี้ทั้งสองสภามีบทบาทแยกกัน อันดับแรก สภาผู้แทนราษฎรต้องออกเสียงลงคะแนนว่าจะขับข้าราชการออกจากตำแหน่งหรือไม่ จากนั้น วุฒิสภาจึงไต่สวนเพื่อวินิจฉัยว่า ข้าราชการผู้นั้นควรพ้นจากตำแหน่งหรือไม่ อย่างไรก็ดี แม้เคยมีประธานาธิบดีสองคนถูกสภาผู้แทนราษฎรลงมติให้ขับออกจากตำแหน่ง (คือ แอนดรูว์ จอห์นสัน และ[[บิล คลินตัน]) แต่ทั้งสองคนก็มิได้พ้นจากตำแหน่งเพราะการไต่สวนในวุฒิสภา
วิธีประชุม
รัฐธรรมนูญ มาตรา 1 อนุมาตรา 1 วรรค 2 ให้แต่ละสภามีอำนาจ "วางระเบียบการดำเนินงานของตนเอง" บทบัญญัตินี้ก่อให้เกิดคณะกรรมาธิการของรัฐสภาขึ้นทำหน้าที่ยกร่างกฎหมายและรับผิดชอบการสืบสวนของรัฐสภาเกี่ยวกับปัญหาระดับชาติ รัฐสภาชุดที่ 108 (ค.ศ. 2003–2005) มีคณะกรรมาธิการสามัญ 19 คณะในสภาผู้แทนราษฎร และ 17 คณะในวุฒิสภา รวมถึงคณะกรรมาธิการร่วมถาวร 4 คณะซึ่งกรรมาธิการมาจากสภาทั้งสองและมีหน้าที่กำดับดูแลหอสมุดรัฐสภา งานสารบรรณ ภาษีอากร และเศรษฐกิจ นอกจากนี้ แต่ละสภายังสามารถตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาปัญหาเฉพาะ ปัจจุบัน งานส่วนใหญ่ของรัฐสภาตกเป็นของคณะอนุกรรมาธิการซึ่งมีราว 150 คณะด้วยกัน
ฝ่ายบริหาร
อำนาจบริหารรัฐบาลกลางนั้นเป็นของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา[2] แต่อำนาจดังกล่าวนั้นมักมอบหมายให้สมาชิกคณะรัฐมนตรีและข้าราชการอื่นใช้แทน[3] ประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีได้รับการเลือกตั้งร่วมกันจากคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) รัฐต่าง ๆ รวมทั้งวอชิงตัน ดี.ซี. จะมีสมาชิกภาพในคณะผู้เลือกตั้งตามจำนวนของสมาชิกของตนในสภาทั้งสอง[2][4] ประธานาธิบดีมีวาระดำรงตำแหน่งคราวละ 4 ปี แต่ไม่เกิน 2 วาระ ถ้าประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งครบ 2 วาระแล้ว และมีผู้อื่นได้รับเลือกตั้งมาคั่น เขาจะดำรงตำแหน่งได้อีกเพียง 1 วาระมีระยะ 4 ปีเช่นกัน[2]
ประธานาธิบดี
ฝ่ายบริหารประกอบด้วย ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา (President of the United States) และบุคคลอื่น ๆ ซึ่งได้รับมอบอำนาจประธานาธิบดี ประธานาธิบเป็นทั้งประมุขแห่งรัฐและหัวหน้ารัฐบาล รวมถึงจอมทัพ และหัวหน้าทูต ตามรัฐธรรมูญประธานาธิบดีต้อง "ดูแลให้การปฏิบัติตามกฎหมายเป็นไปอย่างซื่อสัตย์" และ "สงวน ป้องกัน และพิทักษ์รัฐธรรมนูญ" ประธานาธิบดีเป็นประธานฝ่ายบริหารของรัฐบาลกลาง ซึ่งเป็นองค์การที่ประกอบด้วยบุคคลราว 5 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นทหารประจำการราวหนึ่งล้านคน และเจ้าพนักงานไปรษณีย์อีกกว่า 6000,000 คน บารัก โอบามา เป็นประธานาธิบดีคนปัจจุบันและคนที่ 44
ประธานาธิบดีอาจลงนามในร่างกฎหมายที่ได้รัฐสภาให้ความเห็นชอบเพื่อให้ร่างนั้นเป็นกฎหมาย หรือจะยับยั้งร่างนั้นก็ได้อันจะส่งผลให้ร่างนั้นตกไป เว้นแต่รัฐสภา โดยคะแนนเสียงสองในสามของสมาชิกทั้งสองสภา จะมีมติคัดค้านการยับยั้ง ประธานาธิบดีฝ่ายเดียวยังอาจลงนามในสนธิสัญญากับต่างประเทศ แต่การให้สัตยาบันแก่สนธิสัญญานั้นจำต้องได้รับความเห็นชอบของวุฒิสภาด้วยคะแนนเสียงสองในสามของสมาชิก ประธานาธิบดีอาจถูกขับออกจากตำแหน่งด้วยคะแนนเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎร และพ้นจากตำแหน่งด่วยคะแนนเสียงสองในสามของสมาชิกวุฒิสภา ด้วยข้อกล่าวหาว่าเป็น "กบฏ รับสินบน หรือความผิดอาญาอย่างอื่นทั้งอุกฉกรรจ์และลหุโทษ" ประธานาธิบดีไม่มีอำนาจยุบรัฐสภาหรือสั่งให้เลือกตั้งเป็นกรณีพิเศษ แต่มีอำนาจอภัยโทษหรือปล่อยบุคคลซึ่งถูกพิพากษาว่ามความผิดต่อรัฐบาลกลาง (เว้นแต่กรณีขับออกจากตำแหน่ง) ตรารัฐกำหนด และแต่งตั้งตุลาการศาลสูงสุดกับตุลาการส่วนกลาง (โดยได้รับความยินยอมของวุฒิสภา)
รองประธานาธิบดี
รองประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา (Vice President of the United States) เป็นข้าราชการฝ่ายบริหารซึ่งตามตำแหน่งแล้วถือว่าสูงสุดเป็นอันดับที่สองในรัฐบาล ในฐานะที่เป็นบุคคลแรกที่จะสืบตำแหน่งประธานาธิบดี รองประธานาธิบดีจะขึ้นเป็นประธานาธิบดีต่อเมื่อประธานาธิบดีตาย ลาออก หรือถูกถอดจากตำแหน่ง ในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกาเกิดเหตุการณ์นี้แล้ว 9 ครั้ง อนึ่ง ตามความในรัฐธรรมนูญ รองประธานาธิบดีเป็นประธานวุฒิสภา ด้วยบทบาทนี้ เขาจึงเป็นผู้นำของวุฒิสภา และในฐานดังกล่าว รองประธานาบธิดีจะออกเสียงลงคะแนนในวุฒิสภาได้เฉพาะเพื่อเป็นเสียงชี้ขาดเมื่อคะแนนเสียงเท่ากัน ตามรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่สิบสอง รองประธานาธิบดีเป็นประธานที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อนับคะแนนการเลือกตั้งของคณะผู้เลือกตั้ง แม้ว่าตามรัฐธรรมนูญแล้ว อำนาจหน้าที่ของรองประธานาธิบดีจะเกี่ยวข้องกับการเป็นประธานวุฒิสภา นอกเหนือไปจากการสืบตำแหน่งประธานาธิบดี แต่ปัจจุบันมักมองกันว่า รองประธานาธิบดีเป็นสมาชิกฝ่ายบริหารของรัฐบาลกลาง และเนื่องจากรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดให้ตำแหน่งนี้อยู่ฝ่ายไหนโดยเฉพาะ นักวิชาการจึงถกเถียงกันว่า ควรอยู่ในฝ่ายบริการ ฝ่ายนิติบัญญัติ หรือทั้งสองฝ่าย[5][6]
คณะรัฐมนตรี กระทรวง และส่วนราชการ
งานรายวันในการบังคับใช้และดำเนินการตามกฎหมายกลางนั้นเป็นของกระทรวงฝ่ายบริหารในส่วนกลางซึ่งรัฐสภาจัดตั้งขึ้นเพื่อรับผิดชอบราชการระดับประเทศและระหว่างประเทศโดยเฉพาะ หัวหน้ากระทรวงทั้ง 15 มาจากการคัดเลือกโดยประธานาธิบดีตามคำแนะนำและยินยอมของวุฒิสภา และประกอบกันเป็นคณะที่ปรึกษาซึ่งเรียกโดยทั่วไปว่า คณะรัฐมนตรีในประธานาธิบดี (President's Cabinet) นอกจากกระทรวงต่าง ๆ แล้ว ยังมีองค์การเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งซึ่งรวมกลุ่มเป็นสำนักประธานาธิบดี (Executive Office of the President) ได้แก่ เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว สภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักบริหารจัดการและงบประมาณ คณะที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ สภาคุณภาพสิ่งแวดล้อม สำนักผู้แทนการค้าสหรัฐ สำนักนโยบายควบคุมยาเสพติดแห่งชาติ และสำนักนโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผู้ปฏิบัติงานในส่วนราชการเหล่านี้เรียกว่า ข้าราชการพลเรือนกลาง (federal civil servant) อนึ่ง ยังมีส่วนราชการอิสระ เช่น สำนักงานไปรษณีย์สหรัฐ องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ สำนักข่าวกรองกลาง สำนักป้องกันสิ่งแวดล้อม และสำนักพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา กับทั้งยังมีรัฐวิสหากิจ เช่น บรรษัทประกันเงินฝากกลาง และบรรษัทขนส่งคนโดยสารรถไฟแห่งชาติ
อ้างอิง
- ↑ US House Official Website House.gov Retrieved on 17 August 2008
- ↑ 2.0 2.1 2.2 Article II, Constitution of the United States of America
- ↑ Barack, Obama (2009-04-27). "Delegation of Certain Authority Under the National Defense Authorization Act for Fiscal Year 2008". United States. สืบค้นเมื่อ 2009-07-01.
- ↑ Amendment XXIII to the United States Constitution
- ↑ Goldstein, Joel K. (1995). "The New Constitutional Vice Presidency". Wake Forest Law Review. Winston Salem, NC: Wake Forest Law Review Association, Inc. 30 (505).
- ↑ Reynolds, Glenn Harlan (2007). "Is Dick Cheney Unconstitutional?". Northwestern University Law Review Colloquy. Chicago: Northwestern University School of Law. 102 (110).