พระมหาเจดีย์ธรรมสถิตย์
บทความนี้ต้องการการจัดหน้า จัดหมวดหมู่ ใส่ลิงก์ภายใน หรือเก็บกวาดเนื้อหา ให้มีคุณภาพดีขึ้น คุณสามารถปรับปรุงแก้ไขบทความนี้ได้ และนำป้ายออก พิจารณาใช้ป้ายข้อความอื่นเพื่อชี้ชัดข้อบกพร่อง |
ธรรมสถิตย์ เป็นภาษาสันสกฤต ซึ่งมีความหมายว่า “สถานที่ตั้งแห่งธรรมะ” คณะสงฆ์และคณะกรรมการ วัดป่าเลไลยก์ เห็นสมควรที่จะใช้ชื่อนี้ เพราะ วัดป่าเลไลยก์ จะได้เป็นสถานที่สถิตย์อยู่ของพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า เพื่อให้ชาวพุทธผู้ศรัทธาได้เข้ามาศึกษาเล่าเรียนค้นคว้า ฝึกปฏิบัติขัดเกลาตน ที่นี้ พระมหาเจดีย์ธรรมสถิตย์ ได้ออกแบบก่อสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมไทยเป็นอนุสรณ์ของเราชาวพุทธทั้งหลายให้ได้ระลึกถึงพระพุทธเจ้าและพระธรรมคำสอนของพระองค์
ทางวัดป่าเลไลยก์จึงได้ก่อสร้างพระมหาเจดีย์ธรรมสถิตย์นี้ ถัดไปจากอุโบสถหลังเดิม แยกเป็นสัดส่วนได้ดังนี้
- เจดีย์ ประดิษฐ์ไว้ซึ่งพระบรมสารีริกธาตุ
- พระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์
- ศาลาปฏิบัตะรรม
- ห้องเรียน สำหรับผู้ที่สนใจศึกษาธรรมะ และ
- ใช้เป็นห้องประชุม
- ห้องสมุด
- ศาลาเอนกประสงค์ ซึ่งใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
- และใช้เป็นหอฉันสำหรับพระสงฆ์และพุทธบริษัท
วัดป่าเลไลยก์ได้ทำพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004) เวลา 09.09 นาฬิกา โดยท่านเจ้าคุณพระราชสิทธิมุนี ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ และได้ทำพิธีขุดดินปฐมฤกษ์ เมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2548 (ค.ศ. 2005) เวลา 09.09 นาฬิกา โดยท่านเจ้าคุณธรรมวิเทศ เจ้าอาวาสวัดอานันทเมตตยาราม สิงคโปร์ และทำพิธียกฉัตรเจดีย์เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 (ค.ศ. 2006) เวลา 09.09 นาฬิกา ตามด้วยการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในพระมหาเจดีย์ธรรมสถิตย์
เจดีย์[แก้]
เจดีย์ของวัดป่าเลไลยก์ได้แบบมาจากสถาปัตยกรรมไทยซึ่งมีส่วนประกอบหลักอยู่ 3 ส่วน อันได้แก่ส่วนฐานจากบังลังก์ขึ้นมามีวงแหวนอยู่ 8 รอบและรูปโดมทรงระฆังคว่ำ ประกอบด้วย 13 วงแหวนและส่วนที่เป็นยอดรูปดอกบัวตูม มียอดเป็นฉัตรครอบไว้
ส่วนชั้นฐานของเจดีย์ประกอบขึ้นด้วยวงแหวน 8 รอบ แต่ละรอบแทนความหมายของ อริยมรรค มีองค์ 8 ประการ อันได้แก่
- สัมมาทิฏฐิ คือความเห็นชอบ
- สัมมาสังกัปโป คือความดำริชอบ
- สัมมาวาจา คือวาจาชอบ
- สัมมากัมมันโต คือการงานชอบ
- สัมมาอาชีโว คือการเลี้ยงชีวิตชอบ
- สัมมาวายาโม คือความเพียรพยายามชอบ
- สัมมาสติ คือความระลึกชอบ
- สัมมาสมาธิ คือ ความตั้งใจชอบ
ชั้นตรงกลางเป็นรูปทรงระฆังคว่ำได้ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและวัตถุถาวรที่มีความสำคัญในทางพุทธศาสนาไว้ด้วย ในการก่อสร้างวัดวาอารามต่างๆ เจดีย์พระพุทธรูปสมัยโบราณกาล ในระหว่างการก่อสร้างนั้น ผู้ที่ศรัทธาเลื่อมใสปรารถนามรรคผลนิพพานในกาลข้างหน้าได้บรรจุสิ่งของไว้ในศาสนวัตถุเป็นสัญลักษณ์แห่งการฝากตนไว้ในพระพุทธศาสนา
เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ศรัทธา ในการนี้ ทางวัดได้จัดเตรียมแผ่นทองเหลืองสลักรูปยันต์เกราะเพชรซึ่งทำขึ้นมาเป็นพิเศษ จำนวน 108,000 ชิ้น จำนวน 108 นี้ ได้มากจาก 9 คูณ 12 ซึ่งมีความหมายดังนี้
เลข 9 นี้ หมายถึงกิจเบื้องต้นของทุกคนผู้เข้ามา นับถือพุทธศาสนา คือปฏิญาณตนถือเอาพระรัตนตรัยเป็นสรณะ คือนึกถึงพระพุทธ 3 ครั้ง พระธรรม 3 ครั้ง และพระสงฆ์ 3 ครั้ง เลข 12 นี้หมายถึง อริยสัจ 4 อันได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค คูณกับ 3 ญาณ ในอริยสัจแต่ละข้อ คือ สัจญาณ กิจญาณ และกตญาณ
ในจำนวน 108,000 แผ่นทองเหลืองนี้ 84,000 (84,000 พระธรรมขันธ์) แผ่นบรรจุไว้ภายในหอระฆังภายในเจดีย์ 12,000 แผ่นบรรจุไว้ภายในองค์พระพุทธรูปปางปฐมเทศนา ประดิษฐานศาลาปฏิบัติธรรม และ 12,000 แผ่น บรรจุไว้ภายในองค์พระพุทธรูป ประดิษฐาน ณ หอฉัน
ในสมัยพุทธกาล พระอัสสชิ ได้ย่นคำสอนเพื่อแสดงธรรมแก่พระสารีบุตร โดยกล่าวเป็นคาถาว่า
“เย ธัมมา เหตุปฺปภวา เตสํ เหตํ ตถาคโต อาห เตสัญจ โย นิโรโธ เอวัง วาที มหาสมโณติ”
“ธรรมใดเกิดแต่เหตุพระตถาคตกล่าวเหตุนั้นพร้อมด้วยความดับของเหตุนั้น ดังนี้เป็นคำสอนของมหาสมณะ”
เมื่อฟังคำตอบของพระอัสสชิ พระสารีบุตรได้บรรลุธรรมชั้นโสดาบัน
ในประเทศจีนและพม่า มีประเพณีที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณกาลยึดถือเอาคาถาบทนี้เขียนบันทึกและบรรจุไว้ในเจดีย์ที่สร้างไว้ด้วย ยิ่งไปกว่านั้นทางวัดป่าเลไลยก์ยังได้ทำรูปยันต์เกราะเพชรเป็น 3 ภาษา ได้แก่ ภาษาพื้นเมืองภาคเหนือของประเทศไทย ภาษาจีนและภาษาอังกฤษ จารึกลงบนแผ่นหินอ่อนและบรรจุไว้ในหอระฆังของเจดีย์ด้วย
ขั้นต่อขึ้นไปอีกจะประกอบไปด้วยวงแหวน 13 วงใน แต่ละวงได้แทนความหมายของธดุงควัตร 13 อันได้แก่
- ปังสุกูลิกังคะ เป็นผู้ถือทรงผ้าบังสุกุลเป็นวัตร
- เตจิวริกังคะ ผู้ถือทรงเพียงไตรจีวรเป็นวัตร งดจีวรผืนที่ 4
- ปิณฑปาติกังคะ ผู้ถือเที่ยวบิณฑบาตไปตามลำดับ
- สปทานจาริกังคะ เป็นผู้ถือเที่ยวบิณฑบาตไปตามลำดับเป็นวัตร (งดการเที่ยวตามใจอยาก)
- เอกาสนิกังคะ เป็นผู้ถือนังฉัน ณ อาสนะเดียวเป็นวัตร
- ปัตตปิณฑิกังคะ เป็นผู้ถือฉันเฉพาะในบาตรเป็นวัตร
- ขลุปัจอาภัตติกังคะ เป็นผู้ถือห้ามภัตที่ภายหลังเป็นวัตร
- อารัญญิกังคะ เป็นผู้ถืออยู่ป่าเป็นวัตร
- รุกขมูลิกังคะ เป็นผู้ถืออยู่โคนต้นไม้เป็นวัตร
- อัพโภกาสิกังคะ เป็นผู้ถืออยู่ที่แจ้งเป็นวัตร
- โสสานิกังคะ เป็นผู้ถืออยู่ในเสนาสนะแล้วแต่เขาจัดให้
- ยถาสันถติกังคะ เป็นผู้ถืออยู่ในเสนาสนะแล้วแต่เขาจัดให้
- เนสัชชิกังคะ เป็นผู้ถือการนั่งเป็นวัตร คือ เว้นนอน
บนยอดของเจดีย์ได้ใส่ยอดเป็นรูปดอกบัวตูมซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของหลักสำคัญของพระธรรมวินัย คือแม้ว่าดอกบัวจะเกิดมาจากตม แต่ก็ยังสามารถโตโผล่พ้นตมและขึ้นไปบานอยู่เหนือน้ำได้ ฉันใดถึงแม้ว่ามนุษย์เราจะเกิดขึ้นมาภายใต้กฎแห่งธรรมชาติของ การแก่ การเจ็บ การตาย แต่ยังสามารถพ้นทุกข์เหล่านี้ได้ โดยปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์ 8 ประการ
อานิสงส์ของการสร้างเจดีย์[แก้]
มีผู้ค้นพบคำจารึกที่เจดีย์โบโรบูโด ที่กล่าวถึงอานิสงส์การก่อสร้างพระเจดีย์ 18 ประการดังนี้
- จะได้เกิดเป็นโอรสของกษัตริย์
- จะมีร่างกายสง่าภูมิฐาน
- จะเป็นผู้ที่รูปสวยและมีเสน่ห์
- จะเป็นผู้มีอินทรีย์แก่กล้า
- จะเป็นผู้มีอำนาจและชื่อเสียง
- จะเป็นผู้มีข้าทาสบริวารดี
- จะเป็นผู้นำคน
- จะเป็นที่พึ่งของผู้อื่น
- จะเป็นผู้ที่มีกิตติศัพท์ใน 10 ทิศ
- จะเป็นผู้ที่มีความสามารถในการเจรจาและโวหารพิสดาร
- จะเป็นผู้ได้รับความอุปถัมภ์จากมนุษย์และเทวดา
- จะเป็นผู้ที่มั่งมี
- จะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ
- จะเป็นผู้มีอายุขัยยืนยาว
- จะเป็นผู้ที่มีร่างกายประดุจดังเพชร
- จะเป็นผู้มีลักษณะของมหาบุรุษ
- จะเป็นผู้ที่เกิดแต่ในชั้นมนุษย์ สวรรค์ และพรหมโลก
- จะเป็นผู้ที่บรรลุสู่สัมโพธิญาณ โดยเร็ว
อ้างอิง[แก้]
- หนังสือ พระมหาเจดีย์ธรรมสถิตย์ ณ วัดป่าเลไลยก์