ผู้ใช้:Princejinnychan

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
รัตนา ห่อเร
เกิดรัตนา ห่อเร
25 กันยายน พ.ศ. 2502 (64 ปี)
บ้านแป้ง ตำบลโรงช้าง อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี ประเทศไทย
ชื่ออื่นต้อย (ชื่อเล่น)
อาชีพอดีตพยาบาล
ปีปฏิบัติงานพ.ศ. 2526 – 2550 (พยาบาล), พ.ศ. 2564 – ปัจจุบัน (เน็ตไอดอล)
มีชื่อเสียงจากคลิปขอให้พระทำโทษอย่างหนัก, รัตนา..ว่ายังไง!!!
บิดามารดา
  • สท้าน ห่อเร (บิดา)
  • สอิ้ง ห่อเร (มารดา)

รัตนา ห่อเร เป็นที่รู้จักกันในชื่อ ป้ารัตนา (ชื่อเล่น ต้อย; เกิด 25 กันยายน พ.ศ. 2502) อดีตพยาบาลโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ เริ่มมีอาการป่วยเมื่อปี พ.ศ. 2550 ญาติพาไปรักษามาหลายที่ โดยในปลายเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ได้มารักษาตัวที่บ้านหมอปลา จนโด่งดังจากวลี "ขอให้พระทำโทษอย่างหนัก","พี่โนชมาโอเค", "พระดลใจ" และอื่น ๆ

ประวัติ[แก้]

รัตนา ห่อเร มีชื่อจริงว่า รัตนา ดำรงธนไพศาล เกิดเมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2502 ที่บ้านแป้ง ตำบลโรงช้าง อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี เป็นบุตรคนที่ 6 จากพี่น้อง 8 คน ของพ่อสท้าน ( 2465-2559) และแม่สอิ้ง ห่อเร (2465-2548) ครอบครัวนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก มีพี่น้องดังนี้

  • ศักดิ์นิล ห่อเร (2491-2548)
  • ลัดดา พูลสวัสดิ์ (2493-ปัจจุบัน)
  • วาสนา เมืองดี (2495-ปัจจุบัน)
  • ดนัย หริพัฒน์กุล (2498-ปัจจุบัน)
  • มาโนช ห่อเร (2500-ปัจจุบัน)
  • รัตนา ดำรงธนไพศาล (2502-ปัจจุบัน)
  • วัฒนา (ศศิวิมล) ห่อเร (2504-2565)
  • สายรุ้ง ห่อเร (2505-ปัจจุบัน)

รัตนา จบการศึกษาจากโรงเรียนคาทอลิกจึงได้เข้าทำงานเป็นพยาบาลที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์

ชีวิตส่วนตัวได้จดทะเบียนสมรสกับนายเปีย ดำรงธนไพศาล ซึ่งเป็นเพื่อนกันพี่โนช มีบุตรด้วยกัน 1 คน ปัจจุบันนายเปียได้แยกทางกับรัตนาเปลี่ยนนามสกุลทั้งพ่อและลูก จึงทำให้ป้ารัตนาใช้นามสกุล ดำรงธนไพศาล เพียงคนเดียว

อาการป่วย[แก้]

ป้ารัตนา เกิดอาการช็อกที่เห็นสามีตัวเองถูกเพื่อนบ้านเอามีดแทงปากเนื่องจากปากหมา จึงรีบที่จะโทรบอกพี่โนชที่เป็นตำรวจให้มาช่วย หลังจากนั้นป้ารัตนาก็เป็นลมหมดสติไป ญาติได้ดูแลจนกระทั่งป้ารัตนาได้สติตื่นขึ้นมา ต่อจากกนั้นป้ารัตนาก็เริ่มมีอาการป่วยโดยพูดแต่เรื่องเดิม ๆ เรื่องราวเหตุการณ์ในช่วงชีวิต 25 ปี เหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ ที่ชาวบ้านมากวักมือเรียก มามุงดูกันหลายคน การโทรบอกพี่โนช

หลังจากเหตุการณ์นั้น ญาติพี่น้องก็พาป้ารัตนาไปรักษาในที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งด้านวิทยาศาสตร์ แต่โรงพยาบาลศรีธัญญาไม่รับรักษา แพทย์เพียงแต่ให้ยามารับปประทานระงับอาการ เหตุผลเพราะว่าป้ารัตนาไม่ได้ป่วยทางจิตแต่ป่วยทางสมอง โดยเชื้อแบคทีเรียได้กินสมองส่วนหน้าของป้ารัตนา และทางไสยศาสตร์

เมื่อสามีกับลูกก็ไม่สนใจใยดีที่จะดูแลป้ารัตนา ภาระการดูแลป้ารัตนาจึงตกเป็นของน้องสาว (วัฒนา) โดยมีช่วงหนึ่งที่สามีจำใจต้องเอาไปดูแล พอเอากลับมาป้ารัตนามีรอยฟกช้ำ ถามสามีก็บอกว่าป้ารัตนาหกล้ม และถ้าจะให้ดูแลก็จะดูแลเหมือนหมูเหมือนหมา อีกทั้งลูกก็ไม่สนใจโดยให้เหตุผลว่าแม่จำตัวเองไม่ได้ และยังไปเปลี่ยนชื่อเล่นจาก ต้อง เป็นกิ๊ฟ รวมทั้งชื่อจริงและนามสกุล สามีก็ไปมีภรรยาใหม่ แต่ยังไม่ได้จดทะเบียนหย่ากับป้ารัตนา

ญาติได้พาป้ารัตนามารักษาตัวที่บ้านหมอปลา (เพราะวัฒนาป่วยเป็นโรคไตระยะสุดท้ายไม่สามารถดูแลต่อไปได้) เมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2564 หมอปลาก็รับรักษามาเรื่อย ๆ โดยได้มีการกระตุ้นป้ารัตนาในด้านต่าง ๆ จนอาการดีขึ้นมากในปัจจุบัน