ผำ
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
ไข่น้ำ,ผำ, ไข่แหน | |
---|---|
![]() | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | พืช (Plantae) |
หมวด: | Magnoliophyta |
ชั้น: | Equisetopsida |
อันดับ: | Alismatales |
วงศ์: | Araceae |
สกุล: | Wolffia |
สปีชีส์: | W. globosa |
ชื่อทวินาม | |
Wolffia globosa (Roxburgh) |

ไข่แหน, ไข่น้ำ, ไข่ขำ หรือ ผำ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Wolffia globosa)ชื่อสามัญเรียกว่า watermeal เป็นพืชมีดอกที่มีขนาดเล็กที่สุด จัดอยู่ในวงศ์ Araceae สกุล Wolffia อาศัยลอยอยู่บนผิวน้ำ อาจลอยอยู่เป็นกลุ่มล้วน ๆ หรือลอยปนกับพืชชนิดอื่น ๆ เช่น แหน แหนแดง ก็ได้ มีรูปร่างรี ๆ ค่อนข้างกลม มีขนาดยาวประมาณ 1 มิลลิเมตร แต่ละต้นมีสีเขียว ไม่มีราก ไม่มีใบ ต้นประกอบด้วยเซลล์ชนิดพาเรงคิมาเป็นส่วนใหญ่ มีช่องอากาศแทรกอยู่ระหว่างเซลล์ ทำให้เห็นเป็นฟองน้ำ และช่วยให้มีการลอยตัวอยู่ในน้ำได้ ไม่มีเนื้อเยื่อที่ทำหน้าที่นำน้ำและอาหาร มีช่องให้อากาศเข้าออกได้อยู่ทางบนของต้น
ไข่แหนกระจายอยู่ในประเทศต่าง ๆ ในทวีปยุโรป ในทวีปแอฟริกากลาง ทางใต้ในเกาะมาดากัสการ์ และในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะบริเวณเขตศูนย์สูตรใต้ และตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ยังพบในประเทศบราซิล ประเทศอินโดนีเซีย และประเทศออสเตรเลียด้วย ไข่น้ำสามารถพบได้ทั่วไปตามแหล่งน้ำธรรมชาติ ทางภาคอีสานของประเทศไทยนิยมปลูกเพราะเพาะพันธุ์ได้ง่ายและมีสารอาหารที่ประโยชน์ประกอบไปด้วย โปรตีน เบต้า-แคโรทีน คลอโรฟิลล์และเส้นใยที่ค่อนข้างสูงซึ่งปริมาณของโปรตีนของไข่น้ำสามารถเทียบได้กับโปรตีนในถั่วชนิดต่าง ๆ อีกทั้งยังมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย ประเทศไทยได้มีการพัฒนาและผลักดันให้ไข่น้ำหรือผำเป็น super food มีการผลักดันให้เกิดการแปรรูปไข่น้ำเป็นผลิตภัณฑ์ทางการบริโภคต่าง ๆ ทั้งอาหารเสริมและพืชไข่น้ำเองไม่มีรสชาติจึงเหมาะแก่การนำไปปรุงเป็นอาหารชนิดต่าง ๆ เช่น ยำ แกงอ่อม เมนูไข่ต่าง ๆ เป็นต้น
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
[แก้]ไข่น้ำหรือผำ ไม่มีราก ไม่มีลำต้นและไม่มีใบที่แท้จริง มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.5-1.5 มิลลิเมตร โดยการคัดแยกจำนวนของไข่น้ำจะใช้คำว่า “ frond” แทนคำว่า ต้น เหมือนกับต้นไม้ชนิดอื่น ๆ
การขยายพันธุ์
[แก้]การขยายพันธุ์ของไข่แหนมี 2 แบบ ได้แก่
- การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ เนื่องจากไข่แหนเป็นพืชมีดอกขนาดเล็กที่สุด ดอกของไข่แหนจะเจริญเติบโตออกทางช่องข้างบนของต้น ดอกไม่มีกลีบดอก และไม่มีกลีบเลี้ยง ดอกตัวผู้จะมีเกสรตัวผู้ 1 อัน ประกอบด้วยอับละอองเรณู 2 อับ ดอกตัวมีรังไข่ที่มี 1 ช่องและมีไข่อยู่ 1 ใบ ก้านเกสรตัวเมียสั้น ยอดเกสรตัวเมียมีลักษณะแบน เมล็ดมีขนาดเล็ก กลมเกลี้ยง ยังไม่ปรากฏว่ามีไข่แหนมีดอกในประเทศไทย มีแต่รายงานการพบเห็นในประเทศอื่น ไข่แหนจะมีดอกและเมล็ดในราวๆเดือนมิถุนายนถึงตุลาคม
- การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ โดยการแตกหน่อ ซึ่งมีผู้ทำการศึกษาการเจริญเติบโตแล้วพบว่า โดยเฉลี่ยแล้ว ไข่แหนแต่ละต้นจะแตกหน่อให้ต้นใหม่ทุก ๆ 5 วัน
วงจรชีวิตของไข่น้ำ
[แก้]วงจรชีวิตของไข่น้ำจะแบ่งเป็น 3 ช่วงระยะ คือ
1) ช่วงระยะปกติ เป็นช่วงระยะเวลาที่ไข่น้ำไม่เกิดการแบ่งตัวมีลักษณะเป็นทรงกลมหรือทรงรี
2) ระยะการแบ่งตัว มีต้นอ่อนของไข่น้ำเกิดขึ้นจาก frond แม่ โดยมีจุดสังเกตคือจะมีรอยคอดต่อระหว่าง frond แม่และลูกความพิเศษของไข่น้ำคือเมื่อเข้าสู่ระยะการขยายพันธุ์สามารเกิดได้โดยไม่ต้องอาศัยเพศ เกสรเพศผู้หรือเกสรเพศเมีย
3) ระยะตาย ไข่น้ำจะมีลักษณะเป็นก้อนฟองสบู่สีเทา หรือสีใส คลอโรพลาสต์ภายใน frond ถูกทำลายทิ้งทั้งหมด
ไข่น้ำเป็นพืชมีดอก แต่ดอกของไข่น้ำพบเจอได้ยากเนื่องจากความซับซ้อนของหลาย ๆ ปัจจัยที่ส่งผลให้ไข่น้ำออกดอก ในปัจจุบันนักวิชาการต่างคาดการณ์ว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับอุณหภูมิที่ต่ำ ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นทำให้ไข่น้ำพัฒนาอวัยวะที่เป็นดอกขึ้น ซึ่งโดยปกติแล้วดอกของไข่น้ำจะมีขนาดที่ค่อนข้างเล็กมากจนต้องใช้กล้องจุลทรรศน์หรือเลนส์กล้องโทรศัพท์มือถือที่มีกำลังขยายมากพอสมควรถึงจะสามารถเห็นดอกของไข่น้ำที่เกิดขึ้นมาได้
สารเคมีที่สำคัญในไข่น้ำ
[แก้]สารเคมีที่สำคัญในไข่น้ำ
1. ปริมาณโปรตีนสูง (ประมาณ 35–45% ของน้ำหนักแห้ง) มีกรดอะมิโนจำเป็นเช่น ไลซีน (lysine), ทรีโอนีน (threonine), วาลีน (valine) เป็นต้น โปรตีนในไข่น้ำมีคุณภาพใกล้เคียงกับโปรตีนจากถั่วเหลืองหรือแม้แต่เนื้อสัตว์บางชนิด
2. ใยอาหาร (Dietary Fiber)
3. วิตามิน เช่น วิตามิน B-complex (เช่น B1, B2, B6), วิตามิน A (ในรูปของเบต้าแคโรทีน), วิตามิน E
4. แร่ธาตุต่าง ๆ เช่น ธาตุเหล็ก, แคลเซียม, แมกนีเซียม, สังกะสี, ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม
5. กรดไขมันที่มีประโยชน์ กรดไลโนเลนิก (omega-3)
6. สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) เช่น เบต้าแคโรทีน, Poly phenols, Flavonoids
7. คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll)
ประโยชน์
[แก้]ไข่น้ำได้รับความสนใจจากทั่วโลกเป็นอย่างมากในเวลานี้ เพราะมีคุณประโยชน์ที่จำเป็นต่อร่างกายมนุษย์เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีศักยภาพในการพัฒนาเป็นธุรกิจ ด้านงานวิจัยและวิชาการอาทิ พืชตัวอย่างที่สามารถนำไปเพาะปลูกในอวกาศได้ และยังสามารถนำไข่น้ำมาปรับใช้ในหลาย ๆ ด้าน อาทิ[1]
1. ด้านอาหาร
- แหล่งโปรตีนจากพืช: ใช้เป็นแหล่งโปรตีนในอาหารเพื่อสุขภาพ เช่น อาหารมังสวิรัติ หรือวีแกน
- แปรรูปเป็นอาหารต่าง ๆ:
- ผงไข่น้ำอบแห้ง (สำหรับใส่สมูทตี้ ซุป ขนม ฯลฯ)
- แคปซูล/ผงโปรตีนเสริม
- ไอศกรีม/ขนมจากไข่น้ำทำอาหารพื้นบ้าน: เช่น แกงไข่น้ำ, ลาบไข่น้ำ, ห่อหมกไข่น้ำ ฯลฯ
2. ด้านผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร / เวชสำอาง
- ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร: เนื่องจากมีโปรตีนสูง วิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระ
- ชะลอวัย / ต่อต้านอนุมูลอิสระ: สกัดสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น โพลีฟีนอล และฟลาโวนอยด์
4. ด้านสิ่งแวดล้อมและการเกษตร
- บำบัดน้ำเสีย: ไข่น้ำสามารถดูดซับไนโตรเจนและฟอสฟอรัสในน้ำเสีย
- อาหารสัตว์น้ำ: ใช้เลี้ยงปลา เลี้ยงเป็ด ไก่ เป็นแหล่งโปรตีนจากธรรมชาติ
- ลดการปล่อยคาร์บอน: การปลูกไข่น้ำช่วยดูดซับ CO₂ ได้ดี และใช้พื้นที่น้อยกว่าการปลูกพืชโปรตีนชนิดอื่น
- เกษตรกรรมอวกาศ: การเพาะปลูกไข่น้ำในอวกาศเพื่อเป็นแหล่งออกซิเจนและอาหารให้กับนักบินอวกาศ
5. ศักยภาพในอุตสาหกรรมและธุรกิจ
- วัตถุดิบสำหรับอาหารฟังก์ชัน (functional foods): ใช้ผลิตเป็นไบโอโปรตีนในอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป
- กลุ่มเป้าหมาย:กลุ่มคนรักสุขภาพที่ต้องการโปรตีนทางเลือก, ส่งออกได้ทั้งไข่น้ำแบบสดและไข่น้ำแบบแห้งให้แก่ประเทศในยุโรป และอเมริกา
6. ด้านการศึกษา เนื่องจากไข่แหนเป็นต้นไม้ขนาดเล็ก มีการขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว สามารถนำมาปลูกเลี้ยงไว้ในพื้นที่ที่มีขนาดเล็กได้ จึงเหมาะแก่การทำมาใช้เป็นอุปกรณ์ในการศึกษา เช่น การศึกษาอิทธิพลของสารที่ควบคุมการขยายพันธุ์ของพืช ด้านโภชนาการ ไข่แหนเป็นอาหารของสัตว์น้ำและสัตว์ปีกหลายชนิด นอกจากนี้ คนในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ยังได้นำไข่แหนมาประกอบเป็นอาหาร ไข่แหนมีสารพิษต้านฤทธิ์สารอาหาร จึงต้องนำไข่แหนมาทำให้สุกก่อนรับประทาน นอกจากนี้ ไข่แหนยังมีแคลเซียมและบีตา-แคโรทีนสูงมากอีกด้วย
ผำสามารถสะสมแคดเมียมได้ สะสม 80.65 mg/g จึงมีประโยชน์ในการใช้ฟื้นฟูสภาพแหล่งน้ำที่ปนเปื้อนแคดเมียม
การเก็บเกี่ยวและสกัดไข่น้ำ
[แก้]1. เวลาเก็บเกี่ยว
- เก็บเกี่ยวได้ภายใน 5–7 วัน หลังปลูกครั้งแรก (ถ้ามีสารอาหารเพียงพอ)
- เก็บได้ทุกวัน เพราะไข่น้ำโตเร็วมาก
2. วิธีเก็บเกี่ยว
- ใช้ กระชอนตาถี่ หรือ ตะแกรงตัก ตักไข่น้ำขึ้นจากผิวน้ำ
- สะเด็ดน้ำ แล้วนำไปล้างทำความสะอาด
- ควรตากให้แห้งหมาด หรือล้างด้วยน้ำเย็นก่อนเก็บหรือแปรรูป
3. การเก็บรักษา
- ใช้สด: เก็บในตู้เย็น (อุณหภูมิ 4–8°C) อยู่ได้นาน 5–7 วัน
- อบแห้ง/แช่แข็ง: ใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับแปรรูปอาหาร
- ผงแห้ง: เก็บได้นานเป็นเดือนหากปิดสนิท
การสกัดไข่น้ำเพื่อใช้สารเคมีในพืช
1.การสกัดแบบง่าย (ระดับพื้นฐาน/อาหารเสริมทั่วไป)
สกัดน้ำผัก / สารต้านอนุมูลอิสระ
ขั้นตอน: ล้างไข่น้ำ ให้สะอาด (หลายรอบ) ด้วยน้ำเย็น
- บดละเอียด ด้วยเครื่องปั่นหรือโม่
- เติมน้ำกลั่น หรือ น้ำ RO อัตรา 1:2 หรือ 1:3
- กรองผ่านผ้าขาวบาง หรือกระดาษกรอง
- เก็บส่วนที่เป็นน้ำสกัด ไปใช้โดยตรง หรือแปรรูป เช่น freeze-dry หรือ spray dry
ใช้สำหรับ:ทำสมูทตี้ผง, ผงต้านอนุมูลอิสระ
2. การสกัดโปรตีนจากไข่น้ำ (แบบดิบ/เข้มข้น)
ขั้นตอน: ล้างไข่น้ำให้สะอาด → ตากหมาด ๆ
- บดให้ละเอียด
- เติมบัฟเฟอร์ pH 8–9 (เช่น โซเดียมไบคาร์บอเนต หรือ Tris-HCl) เพื่อช่วยละลายโปรตีน
- คนให้เข้ากัน → ทิ้งไว้ประมาณ 30–60 นาที
- กรอง หรือ ปั่นเหวี่ยง (centrifuge) แยกกาก
- เก็บส่วนที่เป็น supernatant → แล้ว ปรับ pH ให้เป็นกรด (pH 4.5) เพื่อให้โปรตีนตกตะกอน
- ปั่นแยกตะกอน → ล้าง → นำไปอบแห้งหรือ freeze-dry
ใช้สำหรับ: ผลิต “โปรตีนสกัดจากพืช”, เป็นวัตถุดิบอาหารเสริม, ใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง
ข้อควรระวังในการรับประทาน
[แก้]ผำ กินได้และถือเป็นแหล่งโปรตีนจากพืชที่ให้สารอาหารสูงมาก ไข่ผำมีโปรตีนประมาณ 40-45% ของน้ำหนักแห้ง ซึ่งเทียบเท่ากับเนื้อสัตว์บางชนิด อีกทั้งยังเป็นพืชน้ำที่ย่อยง่าย อุดมไปด้วยกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน ธาตุเหล็ก วิตามิน B12 และโอเมก้า 3 ซึ่งหาได้ยากในพืชทั่วไป แต่แม้ว่าไข่ผำจะมีคุณค่าทางโภชนาการสูงและเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีต่อสุขภาพ แต่ก็มีข้อควรระวังที่ควรคำนึงถึงก่อนรับประทาน
- ไข่น้ำเป็นพืชดูดซับสารพิษ, โลหะหนัก ได้ดี ดั้งนั้นเวลาเพาะลปูกจึงควรระมัดระวังสิ่งปนเปื้อนในน้ำเพาะเลี้ยง
- ควรระมัดระวังและจำกัดพื้นที่ในการเพาะปลูกเพราะอาจจะส่งผลทำให้ไข่น้ำเป็นพืชรุกรานในพื้นที่อื่น ๆ ได้
- ควรล้างทำความสะอาดก่อนรับประทาน ซัก 2–3 ครั้งเมื่อรับประทานแบบสด
อ้างอิง
[แก้]- ↑ สายโอ๊ะ, ธนัญญา; รุตรัตนมงคล, ขนิษฐา (2565). ผลของการปรับสภาพและเอนไซม์ย่อยโปรตีนต่อสมบัติทางเคมี-กายภาพและกิจกรรมทางชีวภาพของสารสกัดจากไข่น้ำ (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยนเรศวร.
บรรณานุกรม
[แก้]- ทิพนี, สุพรรณี (2560). การศึกษาฤทธิ์ทางชีวภาพและความคงตัวทางเคมีของสารสำคัญในสารสกัดไข่น้ำ (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ.
- ดอกไม้งาม, จุฬาวรรณ์. การศึกษาการสกัดสารประกอบฟีนอลิกจากไข่น้ำและการประยุกต์ใช้สำหรับเครื่องสำอางประเภทเอนแคปซูเลชันอิมัลชัน (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
- สายโอ๊ะ, ธนัญญา; รุตรัตนมงคล, ขนิษฐา. ผลของการปรับสภาพและเอนไซม์ย่อยโปรตีนต่อสมบัติทางเคมี-กายภาพและกิจกรรมทางชีวภาพของสารสกัดจากไข่น้ำ (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยนเรศวร.