นาร์วา
Narva | |||
---|---|---|---|
นคร | |||
![]() ปราสาทเฮร์มันน์สมัยกลางของนาร์วาริมแม่น้ำนาร์วา | |||
พิกัด: 59°22′33″N 28°11′46″E / 59.37583°N 28.19611°E | |||
ประเทศ | ![]() | ||
เทศมณฑล | ![]() | ||
กล่าวถึงครั้งแรก | ป. ค.ศ. 1241[1] | ||
สิทธินคร | ค.ศ. 1345 | ||
การปกครอง | |||
• นายกเทศมนตรี | กัตรี ราอิก | ||
พื้นที่ | |||
• ทั้งหมด | 84.54 ตร.กม. (32.63 ตร.ไมล์) | ||
ความสูง | 25 เมตร (82 ฟุต) | ||
ประชากร (2023)[2] | |||
• ทั้งหมด | 53,626 คน | ||
• อันดับ | ที่ 3 | ||
• ความหนาแน่น | 630 คน/ตร.กม. (1,600 คน/ตร.ไมล์) | ||
ชาติพันธุ์ (2011)[3] | |||
• ชาวรัสเซีย | 87.7% | ||
• ชาวเอสโตเนีย | 5.2% | ||
• อื่น ๆ | 7.1% | ||
เขตเวลา | UTC+2 (เวลายุโรปตะวันออก) | ||
• ฤดูร้อน (เวลาออมแสง) | UTC+3 (เวลาออมแสงยุโรปตะวันออก) | ||
รหัสไปรษณีย์ | 20001 ถึง 21020 | ||
รหัสพื้นที่ | (+372) 035 | ||
รหัส ISO 3166 | EE-511 | ||
เว็บไซต์ | www | ||
|
นาร์วา (เอสโตเนีย: Narva, เสียงอ่านภาษาเอสโตเนีย: [ˈnɑrʋɑ]; เยอรมัน: Narwa; รัสเซีย: Нарва, [ˈnarvə]) เป็นเทศบาลและนครในประเทศเอสโตเนีย ตั้งอยู่ในเทศมณฑลอีดา-วีรู ตรงจุดตะวันออกสุดของประเทศที่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำนาร์วา ซึ่งเป็นชายแดนเอสโตเนีย–รัสเซีย นาร์วาเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ (เป็นรองเพียงทาลลินน์ เมืองหลวง และตาร์ตู) โดยมีประชากร 53,360 คน (ณ ค.ศ. 2024)
นาร์วาเกือบถูกทำลายจนไม่เหลือซากในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองเมื่อ ค.ศ. 1944[4] ในสมัยโซเวียตเมื่อ ค.ศ. 1944–1991 ผู้อยู่อาศัยดั้งเดิมไม่ได้รับอนุญาตให้กลับไป และมีการนำเข้าแรงงานต่างด้าวจากรัสเซียโซเวียตและพื้นที่อื่น ๆ ของอดีตสหภาพโซเวียต[5][4] ประชากรของเมืองนาร์วา ซึ่งร้อยละ 65 เป็นชาวเอสโตเนียตามการสำรวจสำมะโนประชากรใน ค.ศ. 1934 แต่ในช่วงครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 20 ประชากรส่วนใหญ่ในนครนี้ไม่ใช่ชาวเอสโตเนีย[5] ตามข้อมูลล่าสุด พลเมืองร้อยละ 46.7 เป็นพลเมืองเอสโตเนีย ร้อยละ 36.3 เป็นพลเมืองรัสเซีย ส่วนอีกร้อยละ 15.3 สัญชาติไม่ชัดเจน[6]
ประวัติ
[แก้]การตั้งถิ่นฐานยุคแรก
[แก้]ผู้คนเข้าตั้งถิ่นฐานในพื้นที่นี้เมื่อสหัสวรรษที่ 5 ถึง 4 ก่อน ค.ศ. ตามที่ปรากฎหลักฐานทางโบราณคดีของวัฒนธรรมนาร์วาที่นำชื่อมาจากแม่น้ำนาร์วา[7] แหล่งโบราณคดีที่นาร์วาโยอาโอรู (Narva Joaoru) ประกอบด้วยซากนิคมป้อมปราการที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่รู้จักในประเทศเอสโตเนีย ซึ่งมีอายุประมาณ 1,000 ปีก่อนคริสตกาล[8]
สมัยกลาง
[แก้]![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
สมัยโซเวียต ค.ศ. 1944–1991
[แก้]เมื่อช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1944 พื้นที่นาร์วาถูกทำลายไปร้อยละ 98[4] หลังสงคราม อาคารส่วนใหญ่สามารถบูรณะได้เนื่องจากยังคงมีกำแพงบ้านอยู่ แต่ในช่วงต้นคริสต์ทศวรรษ 1950 ทางการโซเวียตตัดสินใจรื้อซากปรักหักพังเพื่อสร้างพื้นที่สำหรับสร้างอาคารอพาร์ตเมนต์[4][9] ทำให้เหลืออาคารในเมืองเก่าเพียง 3 แห่งเท่านั้น รวมถึงศาลากลางแบบบาโรก[10]
หลังสงคราม พลเมืองดั้งเดิมไม่ได้รับอนุญาตให้กลับมา และนำเข้าแรงงานที่พูดภาษารัสเซีย ซึ่งอพยพมาจากส่วนอื่น ๆ ของสหภาพโซเวียตเพื่อเพิ่มประชากรในเมือง[5][4] ทำให้เมืองที่เคยมีประชากรร้อยละ 65 เป็นชาวเอสโตเนียตามสำมะโนใน ค.ศ. 1934 กลายเป็นเมืองที่ประชากรส่วนใหญ่ไม่ใช่ชาวเอสโตเนีย[5] เหตุผลหลักคือแผนที่จะสร้างโรงงานแปรรูปยูเรเนียมลับในตัวเมือง ซึ่งจะเปลี่ยนให้นาร์วาเป็นเมืองปิด[9]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Danish Census Book
- ↑ Population by sex, age and place of residence after the 2017 administrative reform, 1 January. Statistics Estonia.
- ↑ Census 2011: population by ethnic nationality, sex, age group and place of residence. Statistics Estonia.
- ↑ 4.0 4.1 4.2 4.3 4.4 Kattago, Siobhan (2008). "Commemorating Liberation and Occupation: War Memorials Along the Road to Narva". Journal of Baltic Studies. 39 (4): 431–449. doi:10.1080/01629770802461225. S2CID 145001694.
- ↑ 5.0 5.1 5.2 5.3 Duncan, W. Raymond (2019). Ethnic Nationalism And Regional Conflict: The Former Soviet Union And Yugoslavia. Routledge. ISBN 9780429715938.
- ↑ "Üldinfo - Narva Linnavalitsus" [Narva in figures] (PDF). www.narva.ee. 2013.
- ↑ "History of Narva: Formation of city". Narva Museum. สืบค้นเมื่อ 19 March 2009.
- ↑ Kriiska, Aivar; Lavento, Mika (2006). "Narva Joaoru asulakohalt leitud keraamika kõrbekihi AMS-dateeringud". Narva Muuseumi Toimetised (ภาษาเอสโตเนีย, อังกฤษ และ รัสเซีย) (6). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 July 2011. สืบค้นเมื่อ 2 April 2009.
- ↑ 9.0 9.1 Faure, Gunter; Mensing, Teresa (2012). The Estonians; The long road to independence. Lulu. p. 23. ISBN 9781105530036.
- ↑ "History of Narva: The Old Town of Narva". Narva Museum. สืบค้นเมื่อ 19 March 2009.