ทะเลสาบสุริยันจันทรา
Error: Page status indicators' name
attribute must not be empty.
ทะเลสาบสุริยันจันทรา (จีน: 日月潭; พินอิน: Rìyuètán; เวด-ไจลส์: Jih4-yüeh4-t'an2; เป่อ่วยจี: Ji̍t-goa̍t-thâm; ซจึน ถอุน (Zintun) ภาษาของชาวเซา (Thao) คล้าย ทะเลสาบแคนดิเดียส) เป็นแหล่งน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในไต้หวัน เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากในไต้หวัน ทะเลสาบสุริยันจันทราตั้งอยู่ที่จังหวัดหนานโถว เมืองหยวีฉือ บริเวณโดยรอบของทะเลสาบเป็นบ้านเรือนของชาวเซ่า (邵) หนึ่งในชนเผ่าพื้นเมืองในไต้หวัน ทะเลสาบสุริยันจันทราล้อมรอบไปด้วยเกาะเล็ก ๆ ที่เรียกว่า ลาหลู่ (拉魯) ทางด้านฝั่งตะวันออกของทะเลสาบคล้ายกับมีพระอาทิตย์ ในขณะเดียวกันทางด้านตะวันตกคล้ายกับมีพระจันทร์ จึงเป็นที่มาของชื่อทะเลสาบสุริยันจันทรา ทัศนียภาพของพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกเป็นที่ดึงดูดทุกคนที่ได้มาเยือนสถานที่แห่ง
ในอดีตกาล, มีมังกรที่ดุร้ายอาศัยอยู่ที่ทะเลสาบ พวกมันได้เอาดวงอาทิตย์ และ ดวงจันทร์มากลืนเข้าไปในท้องแล้วคายออกมา ดั่งของเล่นของพวกมัน. พวกมันไม่ได้สนใจอย่างอื่นเลย นอกจากการเล่นของพวกมัน พวกมนุษย์ทังหลายจึงแยกแยะกลางวันอันสว่างสดใส และ กลางคืนอันมืดมิดไม่ออก, มนุษย์นับพันนับล้านคนจึงทำงานอะไรไม่ได้เลย. หลังจากนั้น,จึงมีชายหญิงหนุ่มที่กล้าหาญคู่หนึ่งได้มีการต่อต้าน และ ต่อสู้อยู่อย่างกล้าหาญ และ การต่อสู้กับมังกรสำเร็จ แล้วมังกรเป็นฝ่ายพ่ายแพ้. หลังจากนั้นทั้งสองคนนั้นก็ได้นำเอาดวงอาทิตย์ และ ไปไว้ที่เดิม แล้วทั้งสองคนนั้นก็ได้กลายเป็นภูผาเฝ้าดูทะเลสาบสุริยันจันทราตราบเท่าปัจจุบัน.
ภาพรวม[แก้]
ทะเลสาบสุริยันจันทรา ตั้งอยู่ในระดับ 748 เมตร (2,450 ฟุต) เหนือระดับน้ำทะเล 27 เมตร (89 ฟุต) จากพื้นผิวบริเวณโดยรอบ และพื้นที่รอบบริเวณทะเลสาบ ประมาณ 7.93 ตารางกิโลเมตร (3.06 ตารางไมล์) บริเวณทะเลสาบห้อมล้อมไปด้วยทางเดินสำหรับการปีนเขาหลายเส้นทาง[1]
โดยทั่วไป ทะเลสาบสุริยันจันทราไม่อนุญาตให้ว่ายน้ำเล่น แต่จะมีการแข่งขันว่ายน้ำประจำปีระยะทาง 3 กิโลเมตร ชื่องานว่า "กิจกรรมว่ายน้ำข้ามหมื่นคนที่ทะเลสาบสุริยันจันทรา" (日月潭萬人泳渡活動) งานถูกจัดขึ้นในช่วงเทศกาลกลางฤดูใบไม้ผลิ ของทุกปี ในหลายปีช่วงหลัง ผู้เข้าแข่งขันมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นหลักหมื่น ส่วนเทศกาลอื่นที่จัดงานในช่วงเวลาเดียวกันจะมีทั้งดอกไม้ไฟ, การแสดงแสงสี และคอนเสิร์ตร่วมด้วย
ทะเลสาบและเมืองโดยรอบ เป็น 1 ใน 13 แห่งที่มีพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่สวยงามในไต้หวัน สถานที่บริเวณรอบทะเลสาบ ได้แก่ วัดเหวินอู่ (文武廟) ถูกสร้างหลังจากการเพิ่มระดับน้ำจากการสร้างเขื่อน จึงทำให้วัดเล็ก ๆ บริเวณนั้นถูกย้ายออกไป เจดีย์ฉืออาน (慈恩塔) ถูกสร้างโดยอดีตประธาธิบดีเจียงไคเช็คในปี 1971 เพื่อระลึกถึงมารดาของท่าน ส่วนวัดอื่น ๆ ที่ได้มีการบันทึกไว้เพิ่มเติม เช่น วัดเจียนจิง (Jianjing) วัดเฉียนจาง (玄奘寺)[2] และวัดเสวียนกวาง (玄光寺)[3]
ประวัติ[แก้]
บันทึกวรรณคดีอังกฤษของ มิชชันนารี จอร์เจียส แคนดิเดียส ในสมัยศตวรรษที่ 17 เรียกทะเลสาบนี้ว่า ทะเลสาบแคนดิเดียส ช่วงตอนกลางของทะเลสาบ คือ เกาะลาหลู่ เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของชนเผ่าเซา ในตำนานชาวเซาเป็นนักล่าสัตว์ที่ค้นพบทะเลสาบสุริยันจันทราขณะที่กำลังไล่ล่ากวางขาวผ่านบริเวณหุบเขา และนั่นเอง กวางได้นำพวกเขาไปยังทะเลสาบ นอกจากจะค้นพบทะเลสาบที่สวยงามแล้วพวกเขายังค้นพบแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ด้วยปลา ทุกวันนี้กวางขาวตัวนั้นยังเป็นตำนานที่ไม่มีวันลืมโดยมีรูปปั้นหินอ่อนเป็นสัญลักษณ์บนเกาะลาหลู่
ช่วงที่ไต้หวันอยู่ภายใต้ยุคอาณานิคมของญี่ปุ่น ญีปุ่นได้ตั้งชื่อเกาะนี้ว่า "เกาะหยก" หลังจากรัฐบาลแห่งชาติของเจียง ไคเชก ย้ายมาที่ไต้หวัน เกาะดังกล่าวก็ได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น กวางหัว (光華, "จีนรุ่งโรจน์") และในปี 1978 รัฐบาลท้องถิ่นได้สร้างศาลาใช้สำหรับจัดงานแต่งประจำปี ในปี 1999 เกิดแผ่นดินไหว ชื่อ แผ่นดินไหว921 ได้ทำลายศาลาและจมหายไปในเกาะนั้น ในปีต่อมา การรับรู้ทางด้านสังคมและการเมืองเพิ่มขึ้นทำให้เกิดความระลึกและเคารพถึงชนพื้นเมืองไต้หวันมากขึ้น ดังนั้น หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว921 จึงได้เปลี่ยนชื่อเกาะตามภาษาดั้งเดิมของชาวเซา ซึ่งก็คือ "เกาะลาหลู่"
โรงไฟฟ้าพลังน้ำ หลายแห่งได้ถูกสร้างขึ้นที่ทะเลสาบสุริยันจันทราตั้งแต่ปี 1919 รวมถึงเขื่อนหมิงถาน (明潭) และหมิงหู (明湖) เมื่อครั้งที่โรงไฟฟ้าพลังน้ำแห่งแรกสร้างเสร็จในปี 1934 โรงไฟฟ้าแห่งนี้ได้ถูกนำมาพิจารณาถึงเรื่องโครงสร้างพื้นฐานในครั้งหน้า ต่อมา เขื่อนอู่เจีย ได้ถูกสร้างและสร้างเสร็จในปี 1934 มีการผันน้ำจากแม่น้ำซูโจว ทำให้เพิ่มพลังน้ำในทะเลสาบได้มากขึ้นจากเขื่อนแรก ทางรถไฟสายจี๋จี๋ จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้อำนวยความสะดวกในการก่อสร้าง
หนังสือเดินทางสาธารณรัฐประชาชนจีน[แก้]
ภาพของทะเลสาบสุริยันจันทราได้ปรากฏอยู่ในหนังสือเดินทางของสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ออกใหม่ในปี 2012 เหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้เกิดการประท้วงจากกรุงไทเป ไปยังกรุงปักกิ่ง[4]
ภาพประกอบ[แก้]
Boat of Chiang Kai-shek
ไฟล์: Time for sunrise and sunset 日月潭 : http://mingyatraval.myweb.hinet.net/pic/map/sun01.jpg เก็บถาวร 2013-11-01 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน http://mingyatraval.myweb.hinet.net/pic/map/sun02.jpg เก็บถาวร 2016-03-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
ดูเพิ่ม[แก้]
อ้างอิง[แก้]
- ↑ "Sun Moon Lake has it all for tourists". The China Post. 2007-12-27. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-01-22. สืบค้นเมื่อ 2010-07-27.
- ↑ "Syuentzang Temple". Sun Moon Lake National Scenic Area Administration. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-08-26. สืบค้นเมื่อ 2010-07-27.
- ↑ "Syuanguang Temple". Sun Moon Lake National Scenic Area Administration. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-08-26. สืบค้นเมื่อ 2010-07-27.
- ↑ "Taipei protests China's new passports". Taipei Times. 2012-11-24. สืบค้นเมื่อ 2012-11-24.
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
![]() |
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: ทะเลสาบสุริยันจันทรา |
- Sun Moon Lake website เก็บถาวร 2010-07-22 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Ah-Taiwan: Life in Formosa - Sun Moon Lake traveler's information
- แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศของ ทะเลสาบสุริยันจันทรา
- ภาพถ่ายดาวเทียมจากวิกิแมเปีย หรือกูเกิลแมปส์
- แผนที่จากลองดูแมป หรือเฮียวีโก
- ภาพถ่ายทางอากาศจากเทอร์ราเซิร์ฟเวอร์
พิกัดภูมิศาสตร์: 23°52′00″N 120°55′00″E / 23.866667°N 120.916667°E