ข้ามไปเนื้อหา

ตุ๊กแกบ้าน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ตุ๊กแกบ้าน
สถานะการอนุรักษ์
CITES Appendix II (CITES)[2]
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ แก้ไขการจำแนกนี้
อาณาจักร: สัตว์
Animalia
ไฟลัม: สัตว์มีแกนสันหลัง
Chordata
ชั้น: สัตว์เลื้อยคลาน
Reptilia
อันดับ: กิ้งก่าและงู
Squamata
อันดับฐาน: ตุ๊กแก
Gekkota
วงศ์: จิ้งจกและตุ๊กแก
Gekkonidae
สกุล: ตุ๊กแก
Gekko
(Linnaeus, 1758)
สปีชีส์: Gekko gecko
ชื่อทวินาม
Gekko gecko
(Linnaeus, 1758)
ชื่อพ้อง

Lacerta gecko Linnaeus, 1758

ตุ๊กแกบ้าน (อังกฤษ: Tokay, Gecko, Calling gecko) หรือที่นิยมเรียกสั้น ๆ ว่า ตุ๊กแก หรือ ต๊กโต ในภาษาเหนือ หรือ กั๊บแก ในภาษาอีสาน[3]

ชนิดย่อย

[แก้]

มีชนิดย่อยของตุ๊กแกบ้านที่ได้รับการยอมรับอยู่ 2 ชนิด[4]

ลักษณะ

[แก้]

เป็นสัตว์เลื้อยคลานชนิดหนึ่ง มีสีสันที่หลากหลายมาก เช่น น้ำตาล เทา ดำ ฟ้าอ่อนและมีลายจุดสีแดงอมส้มทั่วตัว สามารถปรับสีได้ตามสภาพแวดล้อมที่อาศัย ดวงตามีสีเขียวขนาดใหญ่ไม่มีเปลือกตาปกปิด ขนาดความยาวของลำตัวเมื่อโตเต็มที่ประมาณ 30 เซนติเมตร น้ำหนักโดยเฉลี่ยราว 1 ขีด ออกหากินในเวลากลางคืน โดยกินแมลงเป็นอาหารหลัก และอาจกินสัตว์ขนาดเล็กอย่างอื่นเป็นอาหารได้ด้วย เช่น ไข่นกหรือลูกนก, นกขนาดเล็ก, หนูหรือสัตว์ฟันแทะขนาดเล็ก เป็นต้น

พบได้ทั่วไปในประเทศไทยและภูมิภาคใกล้เคียง โดยเฉพาะภาคกลาง ตุ๊กแกจะอาศัยอยู่ทั้งในบริเวณพื้นที่ที่เป็นป่าและในบริเวณบ้านเรือนของมนุษย์ ชอบหลบอยู่ตามมุมมืดปราศจากการรบกวน ออกลูกเป็นไข่และมีนิสัยชอบร้องเสียง "ตุ๊กแก..ตุ๊กแก" ติดต่อกัน

ตีนของตุ๊กแกสามารถเกาะไต่ผนังได้อย่างเหนียวแน่น เนื่องจากมี "เซต้า" ลักษณะเป็นขนมีมากว่า 1,000 เส้นบนฝ่าเท้าตุ๊กแก แต่ละเส้นที่บริเวณปลายแตกกิ่งก้านสาขาออกไปอีกมากกว่า 1,000 แฉก แต่ละแฉกมีเส้นผ่าศูนย์กลางเพียง 200 นาโนเมตร[5]

ตุ๊กแกเป็นสัตว์ที่มีนิสัยดุ ชอบกัดกันเองและมีพฤติกรรมกินพวกเดียวกันด้วย อาจถึงขั้นกัดอวัยวะเพศของเด็กชายขาดได้[6]

ตุ๊กแกโดยทั่วไปเป็นที่รับรู้กันว่า เป็นสัตว์ที่น่ารังเกียจเนื่องจากมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียด น่ากลัว ประกอบกับอุปนิสัยที่ดุร้าย แต่ก็มีผู้ที่นิยมชมชอบเลี้ยงสัตว์เลื้อยคลายหรือสัตว์แปลก ๆ เลี้ยงตุ๊กแกเป็นสัตว์เลี้ยงก็มี[6]

การถูกทำเป็นยา

[แก้]

ตุ๊กแกถูกใช้เป็นยามาตั้งแต่โบราณ แพทย์แผนจีนใช้เป็นยาแก้โรคหอบ บำรุงปอด บำรุงไต และเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ส่วนในตำรายาไทย จะถลกหนังเอาแต่เนื้อทั้งตัว เอาไส้ในออก ตำเกลือ พริกไทย กระเทียม ทาปิ้งให้เด็กกิน ถือว่าเป็นยาบำรุงร่างกายแก้ซางขโมย หรือนำเอาส่วนหางไปบดและใช้กวาดคอเพื่อแก้อาการเจ็บคอ[7]

ราวกลางปี พ.ศ. 2553 ปรากฏเป็นข่าวฮือฮาทางสื่อมวลชนต่าง ๆ ว่า มีพ่อค้าชาวจีนในมาเลเซียและสิงคโปร์ได้เหมาซื้อตุ๊กแกจากชาวไทยเพื่อจะนำไปทำเป็นยารักษาโรคเอดส์และมะเร็ง โดยให้ราคาที่สูงมากนับแสนบาท โดยคิดราคาตามน้ำหนักตัว และตัวที่มีน้ำหนักถึง 5 ขีด ให้สูงถึงตัวละ 10 ล้านบาท

ข่าวนี้ทำให้มีการตื่นตัวอย่างมากในการจับตุ๊กแกส่งขายและเพาะเลี้ยงกันตามบ้าน แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเป็นเพียงการปั่นกระแสกันมากกว่า อีกทั้งผลพิสูจน์ทางการแพทย์ก็ยังไม่มีการรับรองอย่างเป็นทางการ แม้จะมีความเชื่ออยู่บ้างของชาวบ้านในบางพื้นที่ที่มีการรับประทานจิ้งจกและตุ๊กแกอยู่แล้วว่าเป็นยาบำรุงต่าง ๆ ก็ตาม[6]

นอกจากนี้แล้วทางผู้เชี่ยวชาญเรื่องสัตว์เลื้อยคลานก็ระบุตรงกันว่า ที่ผ่านมายังไม่เคยพบตุ๊กแกตัวไหนที่มีน้ำหนักถึง 4–5 ขีดตามที่เป็นข่าว อาจจะพบมีบางตัวบ้างที่หนักถึง 4 ขีด แต่ก็น้อยมาก จึงเชื่อว่าเป็นการปั่นกระแสกันมากกว่า นอกจากนี้แล้วผู้ที่ทำการเพาะขยายพันธุ์ตุ๊กแกเพื่อการค้านี้ ก็พบว่าไม่ประสบความสำเร็จมากนัก เนื่องจากเป็นสัตว์ที่ชอบกัดและกินกันเอง หากตัวไหนหางขาดก็จะขายไม่ได้ราคา อีกทั้งมีอัตราการเจริญเติบโตที่ช้าจึงไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน[6]

ความเชื่อ

[แก้]

ตุ๊กแกเป็นสัตว์ที่อยู่ในความเชื่อของชาวไทยมาแต่โบราณ เช่น เชื่อว่าตุ๊กแกมักถูกงูเขียวเข้ามากินตับ โดยอ้าปากให้งูเข้าไปกินถึงในท้อง แท้ที่จริงแล้ว งูเขียวเมื่อหาอาหารไม่ได้จะบังคับให้ตุ๊กแกอ้าปากเพื่อเข้าไปกินเศษอาหารที่ติดตามซอกปากของตุ๊กแก[6]

นอกจากนี้แล้ว ยังเชื่อว่าเสียงร้องของตุ๊กแกยังเป็นการบอกถึงโชคลางของผู้ที่ได้ยินอีกด้วย ตามเวลาและจำนวนครั้งที่ต่างกัน เช่น 1 ครั้ง เชื่อกันว่า ผู้ได้ยินจะเสียเงินทองโดยไม่เต็มใจ แต่ถ้าได้ยินเสียงตุ๊กแกร้อง 3 ครั้ง เชื่อว่า คนในบ้านจะอยู่เย็นเป็นสุข พบกับความเจริญรุ่งเรือง หรือ ตุ๊กแกร้องตั้งแต่เวลา 6 นาฬิกาจนถึงเที่ยง เชื่อว่า จะได้รับข่าวดี เป็นต้น[8]

รูปภาพ

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. Lwin, K.; Neang, T.; Phimmachak, S.; Stuart, B.L.; Thaksintham, W.; Wogan, G.; Danaisawat, P.; Iskandar, D.; Yang, J.; Cai, B. (2019). "Gekko gecko". IUCN Red List of Threatened Species. 2019: e.T195309A2378260. doi:10.2305/IUCN.UK.2019-1.RLTS.T195309A2378260.en. สืบค้นเมื่อ 19 พฤศจิกายน 2021.
  2. "Appendices | CITES". cites.org. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 ธันวาคม 2017. สืบค้นเมื่อ 14 มกราคม 2022.
  3. "ตุ๊กแก". พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 มกราคม 2012.
  4. Gekko gecko ที่คลังข้อมูลสัตว์เลื้อยคลาน Reptarium.cz
  5. "ตุ๊กแก..น่าขยะแขยง แต่มากสรรพคุณทางยา". ไทยรัฐ. 22 พฤษภาคม 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 มกราคม 2014.
  6. 1 2 3 4 5 กองบรรณาธิการ (กรกฎาคม 2011). "คอลัมน์ Exotic Pets ตอน "ราคาตุ๊กแกสิบล้าน ชัวร์ หรือ มั่วนิ่ม ?!?". Aquarium Biz. Vol. 1 no. 13. นครปฐม: ชบาเงิน. pp. 142–144. ISSN 1906-9243.
  7. ประเสริฐ พรหมณี (ตุลาคม 1982). somsak (บ.ก.). "ตัวยาที่มีสรรพคุณตามธรรมชาติ". นิตยสารหมอชาวบ้าน. Vol. 4 no. 42. ISSN 0125-2275.
  8. "เสียงตุ๊กแก ร้องทัก บอกลางดี-ลางร้าย". Horoworld. สามารถ อินเตอร์แอคทีฟมีเดีย. 23 สิงหาคม 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 29 มิถุนายน 2013.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]