ฒากาโฏปี

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ฒากาโฏปี (เนปาล: ढाका टोपी, ออกเสียง [ɖʱaka ʈopi]) หรือ โฏปีเนปาล เป็นหมวกพื้นถิ่นซึ่งเป็นที่นิยมของประเทศเนปาล ส่วนหนึ่งของเครื่องแต่งกายประจำชาติเนปาล สวมใส่โดยผู้ชาย คำส่า ฒากาโฏปี มีความหมายตรงตัวว่า "เครื่องสวมศีรษะอันทำมาจากผ้าธากา" ผ้าธากาเป็นผ้าฝ้ายชั้นดีที่นำเข้ามาจากธากาซึ่งในปัจจุบันคือเมืองหลวงของประเทศบังกลาเทศ[1][2][3]

ฒากาโฏปีเป็นส่วนประกอบหนึ่งของชุดประจำชาติเนปาล และเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นชาติเนปาล[2][3][4]

ประวัติศาสตร์[แก้]

หมวกนี้กลายมาเป็นที่นิยมในรัชสมัยของสมเด็จพระราชาธิบดีมเหนทระซึ่งครองราชย์ระหว่างปี 1955 ถึง 1972 และประกาศบังคับให้สวมฒากาโฏปีในภาพถ่ายสำหรับทำหนังสือเดินทางและเอกสารทางการทั้งหมด[5] ฒากาโฏปีนิยมนำมามอบให้กันในระหว่างเทศกาลดาเชนและติหาร์[6] เจ้าหน้าที่ของรัฐยังสวมใส่ฒากาโฏปีในฐานะเครื่องแต่งกายประจำชาติ[7] ในรัชสมัยของสมเด็จพระราชาธิบดีมเหนทระ มีจุดเปิดให้เช่าฒากาโฏปีใกล้กับสิงหดูร์บาร์ในกาฐมาณฑุ[5] สำหรับเจ้าหน้าที่รัฐในกาฐมาณฑุและชาวเนปาลที่เดินทางเข้าในพระราชวังของเนปาล จะต้องติดตรากูกรีบนหมวกนี้ด้วย[8]

ตำนานที่เป็นที่นิยมที่สุดว่าด้วยที่มาของการถักทอผ้าธากาเชื่อว่ามาจาก คเณศ มาน มหรรชน (Ganesh Man Maharjan) คนงานของโรงงานชัมทนี (Jamdani factory) ในทศวรรษ 1950 เขามีแรงบันดาลใจที่จะเรียนการทอผ้าธากาหลังเขาสังเกตเห็นทัมพร กุมารี (Dambar Kumari) ลูกสาวของศรี ตีน ชุงคะ บะหาดูร รานา (Shree Teen Junga Bahadur Rana) สวมเสื้อผ้าธากาที่นำกลับมาจากพนารัส หลังเดินทางกลับมาบ้านเกิด เขาและภรรยา ปัลปา (Palpa) ได้ตั้งโรงงานผลิตผ้าธากาขึ้นในปี 1957 โดยมีเพียงหลอดม้วนสายและจักรทำมือเพียงอย่างละชิ้น ที่เขาซื้อมาจากกาฐมาณฑุ เขาได้สอนคนท้องถิ่นทอผ้า และกิจการของเขาก็ได้เติบโตสืบเนื่องมา[5][9] หลังรัฐบาลของจักรวรรดิชาห์แสดงให้เห็นถึงความสนใจในผ้าธากาและโฏปี จึงเกิดอุตสาหกรรมทอผ้าธากาขึ้นมากมาย ภายในต้นทศวรรษ 1970 โรงงานของเขาซึ่งชื่อสวเทศี วัสตรกละ ปัลปาลี ฒากา อุธโยค (Swadeshi Vastrakala Palpali Dhaka Udhyog) ได้เติบโตขึ้นจนมีคนงานถึง 350 คน[5]

ความสำคัญ[แก้]

แม้ในปัจจุบันผู้คนในเนปาลจะไม่ได้สวมใส่ฒากาโฏปีเป็นประจำเช่นในอดีต แต่หมวกนี้ยังคงสถานะส่วนหนึ่งของความเป็นชาติเนปาล[10] และยังคงสวมใส่เมื่อชาวเนปาลเข้าร่วมกิจกรรมทางวัฒนธรรม[8]

ผ้าธากามีส่วนสำคัญในพิธีกรรมต่าง ๆ ของชาวเนปาล เช่นงานมงคลสมรส และพิธีศพ สำหรับชนเผ่าต่าง ๆ ในหุบเขาของเนปาล[10] และอุปทานของฒากาโฏปีถือว่ามีมากเกินกว่าที่อุตสาหกรรมผลิตมือจะรับไหว[4] นักข่าวและผู้ชำนาญด้านวัฒนธรรม เตเชศวร บาบู โกนกาห์ (Tejeswar Babu Gongah) ระบุว่าโฏปี "ที่มีฐานกลม สูง 3-4 นิ้ว" บ่งบอกถือเทือกเขาหิมาลัย และว่ากันว่า "ฒากาโฏปีนี้เป็นสื่อที่แสดงถึงภูเขาที่มีน้ำแข็งละลายแล้ว น้ำแข็งที่ละลายทำให้พืชพันธุ์ต่าง ๆ และดอกไม้สีสันสดใสสามารถเติบโตได้ในภูมิภาคตอนลุ่มของภูเขา"[11]

ชาวเนปาลยังจัดให้มีวันโฏปีขึ้นในวันที่ 1 กรกฎาคม เพื่อช่วยคงให้ธรรมเนียมนี้คงอยู่ ในวันดังกล่าว ชาวเนปาล, ชาวมเธศ และชาวฐารู จะสวมผ้าโฒฏี ส่วนคนเนปาลจะสวมฒากาโฏปีและภัณเฑาเลโฏปี[12]

อ้างอิง[แก้]

  1. Roy, Barun (2012). Gorkhas and Gorkhaland. Barun Roy. p. 188. ISBN 9789810786465.
  2. 2.0 2.1 Wicks, Len (2014). Discovery: A Story of Human Courage and Our Beginnings. BookBaby. ISBN 9781483532967.
  3. 3.0 3.1 Ojha, Ek Raj; Weber, Karl E. (1993). Production Credit for Rural Women. Division of Human Settlements Development, Asian Institute of Technology. p. XXX. ISBN 9789748209715.
  4. 4.0 4.1 Kasajū, Vinaya Kumāra (1988). Palpa, as You Like it. Kathmandu: Kumar Press. p. 96.
  5. 5.0 5.1 5.2 5.3 Amendra Pokharel,"Dented Pride: The Story of Daura Suruwal and Dhaka Topi", ECS Nepal, 11 July 2010
  6. Sales of Dhaka items soar in Palpa district. Madhav Aryal, PALPA
  7. "Nepali Dhaka topi: About Nepal and Nepali Language". www.nepalabout.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 February 2016. สืบค้นเมื่อ 12 February 2016.
  8. 8.0 8.1 Subba, Tanka Bahadur (1992). Ethnicity, state, and development. Har-Anand Publications in association with Vikas Pub. p. 239.
  9. Nirmal Shrestha, "Palpali Dhaka", ECS Nepal, 6 May 2016
  10. 10.0 10.1 Muzzini, Elisa; Aparicio, Gabriela (2013). Urban Growth and Spatial Transition in Nepal. World Bank Publications. p. 113. ISBN 9780821396612.
  11. Himalayan News Service (27 August 2016). "Dhaka topi losing appeal among younger Nepalis". The Himalayan Times. Kathmandu: International Media Network Nepal.
  12. "People Who wears Dhoti in Nepal : The State Daily". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 March 2016. สืบค้นเมื่อ 29 May 2018.