ชูการ์ เรย์ เลนเนิร์ด

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก ชูการ์ เรย์ เลียวนาร์ด)
"ชูการ์ เรย์ เลนเนิร์ด"
ชื่อจริงเรย์ ชาร์ลส์ เลนเนิร์ด
ฉายาชูการ์ แมน (Sugar Man)
น้ำหนักเฟเธอร์เวท (สมัครเล่น)
ไลท์เวท (สมัครเล่น)
ซูเปอร์ไลท์เวท
เวลเตอร์เวท
ซูเปอร์เวลเตอร์เวท
มิดเดิลเวท
ซูเปอร์มิดเดิลเวท
ไลท์เฮฟวีเวท
ส่วนสูง179 เซนติเมตร
เกิด17 พฤษภาคม พ.ศ. 2499
สหรัฐ วิลมิงตัน รัฐเซาท์แคโรไลนา ,
ชกทั้งหมด40
ชนะ36
ชนะน็อก25
แพ้3
เสมอ1
ผู้จัดการไมก์ เทรนเนอร์
เทรนเนอร์แองเจโล่ ดันดี , เดฟ จาค็อพ
สถิติเหรียญโอลิมปิก
มวยสากลสมัครเล่น
โอลิมปิกฤดูร้อน
เหรียญทอง - ชนะเลิศ มอนทรีออล 1976 ไลท์เวลเตอร์เวท

ชูการ์ เรย์ เลนเนิร์ด (Sugar Ray Leonard) ยอดนักชกชาวอเมริกันในทศวรรษที่ 80 เจ้าของตำแหน่งแชมป์โลก 5 รุ่น มีชื่อจริงว่า เรย์ ชาร์ลส์ เลนเนิร์ด (Ray Charles Leonard)

ประวัติ[แก้]

เลนเนิร์ดเริ่มการชกมวยจากมวยสากลสมัครเล่นมาก่อน จนได้เป็นตัวแทนทีมชาติสหรัฐอเมริกาชกโอลิมปิคที่มอนทรีออล ประเทศแคนาดา และชนะเลิศได้เหรียญทองในรุ่นไลท์เวลเตอร์เวท

จากนั้นเลนเนิร์ดเริ่มต้นการชกมวยสากลอาชีพเป็นครั้งแรกในปีถัดมา จากการเทรนของ แองเจโล่ ดันดี เทรนเนอร์ระดับโลก อดีตเทรนเนอร์ของ มูฮัมหมัด อาลี จนได้ชิงแชมป์โลกครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2522 ของสภามวยโลก (WBC) ในรุ่นเวลเตอร์เวท กับ วิลเฟรด เบนิเตซ นักมวยชาวปวยร์โตรีโก ที่ลาสเวกัส ผลการชกเลนเนิร์ดชนะทีเคโอ 15 ได้เป็นแชมป์โลกรุ่นแรก และเลนเนิร์ดก็สามารถป้องกันตำแหน่งไว้ได้ 1 ครั้ง เมื่อชนะน็อก เดฟ บอย กรีน ยกที่ 4 จากนั้น ก็เป็นฝ่ายแพ้คะแนน 15 ยก แก่ โรเบร์โต ดูรัน นักมวยจอมตะลุยชาวปานาเมียน เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2523 ที่มอนทรีออล แต่อีก 5 เดือนถัดมา เลนเนิร์ดก็เป็นฝ่ายเอาชนะดูรันแย่งแชมป์โลกกลับคืนมาได้ โดยที่ดูรันเป็นฝ่ายขอยอมแพ้เอง

เลนเนิร์ดคว้าแชมป์โลกในรุ่นที่ 2 โดยการเอาชนะทีเคโอยก 9 อายุบ กาลูเล เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2524 ได้เป็นแชมป์โลกของสมาคมมวยโลก (WBA) รุ่นซูเปอร์เวลเตอร์เวท แต่ไม่ได้ชกป้องกันตำแหน่งกับใครเลย เพราะเลนเนิร์ดต้องการที่จะชกกับ โธมัส เฮิร์นส์ อีกหนึ่งยอดนักชกที่กำลังมีฟอร์มร้อนแรงในขณะนั้น ซึ่งเฮิร์นส์เป็นเจ้าของแชมป์โลกสมาคมมวยโลก เวลเตอร์เวท จึงเป็นการล้มแชมป์เวลเตอร์สองสถาบัน ระหว่าง เลนเนิร์ด แชมป์โลกสภามวยโลก (WBC) สามารถชนะทีเคโอ​ยก 14 เฮิร์นส์ได้ที่เซซาร์ พาเลซ ลาสเวกัส ทำให้เลนเนิร์ดได้เป็นแชมป์โลกพร้อมกันถึง 2 สถาบัน จากนั้นเลนเนิร์ดก็ประกาศแขวนนวมไปเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2525

แต่แล้วในวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2528 เลนเนิร์ดก็หวนกลับคืนสู่วงการมวยอีกครั้ง โดยการชนะน็อกยก 9 เควิน โฮเวิร์ด นักมวยรุ่นน้องชาติเดียวกัน แม้จะเอาชนะน็อกได้ แต่ในครั้งนี้เลนเนิร์ดได้ถูกหมัดของโฮเวิร์ดชกลงไปให้กรรมการนับก่อนเป็นครั้งแรกในชีวิตการชกมวยด้วย

หลังจากการชกครั้งนี้ เลนเนิร์ดก็ประกาศแขวนนวมอีกครั้ง คราวนี้ยาวนานถึง 3 ปี แล้วจู่ ๆ เลนเนิร์ดก็กลับมาชกมวยอีกครั้ง โดยไม่ได้อุ่นเครื่องกับใครเลย และท้าชิงแชมป์โลกสภามวยโลก ในรุ่นมิดเดิลเวท กับ มาร์วิน แฮ็กเลอร์ ยอดนักชกอีกคนหนึ่งในรุ่นกลางของทศวรรษที่ 80

การชกกันของทั้งคู่ดำเนินไปจนถึงยกสุดท้าย ผลการชกปรากฏว่ากรรมการรวมคะแนนแล้วตัดสินให้เลนเนิร์ดเป็นฝ่ายชนะคะแนนไปโดยไม่เอกฉันท์ ทำให้เลนเนิร์ดได้ตำแหน่งแชมป์โลกในรุ่นที่ 3 แต่มีหลายความเห็นเห็นว่าแฮ็กเลอร์น่าจะเป็นฝ่ายชนะมากกว่า หลังจากชกครั้งนี้ มาร์วิน แฮ็กเลอร์ ก็ได้แขวนนวมไปอย่างถาวร โดยที่ไม่กลับมาชกมวยอีกเลย

สำหรับเลนเนิร์ดแล้ว ในครั้งต่อมาได้สร้างความประหลาดมากในวงการมวยโลก เมื่อขอขึ้นชกเดิมพันตำแหน่งแชมป์โลกพร้อมกันถึง 2 รุ่น กับ ดอนนี แลดอนเด นักมวยชาวแคนาเดียน โดยเป็นการชิงแชมป์โลกสภามวยโลกในรุ่นซูเปอร์มิดเดิลเวท ที่ว่างอยู่ และชิงแชมป์โลกรุ่นไลท์เฮฟวี่เวท ที่แลดอนเดเป็นแชมป์โลกอยู่ด้วย ซึ่งการชกในแบบนี้เป็นการชกในครั้งแรกและครั้งเดียวตราบจนถึงทุกวันนี้ของวงการมวยโลก ผลการชกปรากฏว่า เลนเนิร์ดเป็นฝ่ายเอาชนะทีเคโอ​ยก 9 แลดอนเด ไปได้ ซึ่งทำให้เลนเนิร์ดเป็นนักมวยคนที่ 2 ของโลกที่ได้แชมป์โลกถึง 5 รุ่น หลังการได้แชมป์โลกขององค์กรมวยโลก (WBO) รุ่นซูเปอร์มิดเดิลเวท ของ โธมัส เฮิร์นส์ เพียง 3 วันเท่านั้น

จากนั้นเลนเนิร์ดก็สละตำแหน่งแชมป์โลกไลท์เฮฟวีเวท ในอีก 8 วันต่อมา และชกป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกซูเปอร์มิดเดิลเวท เอาไว้ 2 ครั้ง โดยเสมอกับ โธมัส เฮิร์นส์ 12 ยก ในแบบที่เลนเนิร์ดน่าจะแพ้มากกว่า เพราะเลนเนิร์ดถูกเฮิร์นส์ชกลงไปให้กรรมการนับ 8 ถึง 2 ครั้ง และอีกครั้งเมื่อเอาชนะคะแนน โรเบร์โต ดูรัน ไปได้ ก่อนจะแขวนนวมอีกครั้งในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2533

9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 เลนเนิร์ดก็กลับมาชิงแชมป์โลกอีกครั้งของของสภามวยโลก (WBC) ในรุ่นซูเปอร์เวลเตอร์เวท กับ เทอร์รี นอร์ริส นักมวยอันตรายรุ่นน้องร่วมชาติ คราวนี้เลนเนิร์ดถูกนอริสถลุงอย่างหนัก และเป็นฝ่ายแพ้คะแนนไปอย่างขาดลอย และประกาศแขวนนวมอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ไม่มีใครคิดว่าเลนเนิร์ดจะกลับมาชกมวยอีกแล้วอย่างแน่นอน

แต่เมื่อหลายปีผ่านไป ในวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2540 เลนเนิร์ดก็หวนกลับมาสู่สังเวียนมวยอีกครั้ง โดยครั้งนี้พบกับ เอกตอร์ กามาโช นักมวยจอมลีลาชาวปวยร์โตรีกัน ซึ่งในขณะนั้นคามาโชเองก็อยู่ในปลายๆ ชีวิตการชกมวยแล้วเหมือนกัน

ผลการชกเลนเนิร์ดไม่อาจสู้อะไรได้กับคามาโชเลย และถูกถล่มอยู่ฝ่ายเดียวจนแพ้ทีเคโอ​ไปในยกที่ 5 เท่านั้น ในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต ซึ่งนี่คือการชกมวยครั้งสุดท้ายในชีวิตของเลนเนิร์ดอีกด้วย

ชูการ์ เรย์ เลนเนิร์ด (Sugar Ray Leonard) ได้ชื่อว่าเป็นยอดนักมวยในรุ่นกลางในทศวรรษที่ 80 ร่วมกับ โธมัส เฮิร์นส์, โรเบร์โต ดูรัน และ มาร์วิน แฮ็กเลอร์ ได้รับการยอมรับว่าเป็นนักมวยที่ชกอย่างชาญฉลาด เลนเนิร์ดไม่ใช่นักมวยประเภทหมัดหนักหรือบู๊ล้างผลาญ หากแต่เป็นมวยที่มีชั้นเชิงลีลา แต่ในหลายครั้งก็สามารถเอาชนะน็อกคู่ต่อสู้ได้อย่างเด็ดขาด ซึ่งชื่อหน้าคำว่า "ชูการ์ เรย์" นั้น เลนเนิร์ดนำมาจากชื่อของ ชูการ์ เรย์ โรบินสัน ยอดนักมวยในรุ่นมิดเดิลเวทกลางทศวรรษที่ 50 ซึ่งในปี พ.ศ. 2549 ได้ถูกจัดให้เป็นนักมวยที่เก่งที่สุดในโลกตลอดกาล และในส่วนของเลนเนิร์ดนั้น เขาถูกจัดให้อยู่ในอันดับ 6 ด้วยเช่นกัน

เลนเนิร์ดถูกยกย่องให้เป็นแชมป์โลกตลอดกาลในรุ่นซูเปอร์มิดเดิลเวทโดยสมาคมมวยโลก ในปี 2554

เกียรติประวัติ[แก้]

การปรากฏตัวผ่านสื่อ[แก้]

เลนเนิร์ดได้ทำงานเป็นที่ปรึกษาใน ค.ศ. 2011 ในภาพยนตร์หุ่นยนต์เรื่อง ศึกหุ่นเหล็กกำปั้นถล่มปฐพี [1]

อ้างอิง[แก้]

  1. Breznican, Anthony (June 15, 2010). "In Hugh Jackman's 'Real Steel,' the robot titans go pugilistic". USA Today. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-09-14. สืบค้นเมื่อ September 14, 2011.

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]