งูหางกระดิ่ง (สกุล)
งูหางกระดิ่ง | |
---|---|
งูหางกระดิ่งไซด์ไวน์เดอร์ (C. cerastes) | |
ปลายหางที่ทำให้เกิดเสียง | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Chordata |
ไฟลัมย่อย: | Vertebrata |
ชั้น: | Reptilia |
อันดับ: | Squamata |
อันดับย่อย: | Serpentes |
วงศ์: | Viperidae |
วงศ์ย่อย: | Crotalinae |
สกุล: | Crotalus Linnaeus, 1758 |
ชื่อพ้อง | |
|
งูหางกระดิ่ง (อังกฤษ: Rattlesnakes; สเปน: Crótalo) เป็นสกุลของงูพิษที่อยู่ในวงศ์งูแมวเซา (Viperidae) และวงศ์ย่อยงูหางกระดิ่ง (Crotalinae) ใช้ชื่อสกุลว่า Crotalus (/โคร-ทา-ลัส/)
โดยคำว่า Crotalus นั้นมาจากภาษากรีกคำว่า krotalon หมายถึง "สั่น" หรือ "Castanet"[2] มีลักษณะเด่น คือ เมื่อลอกคาบแล้ว เกล็ดบางส่วนที่ปลายหางจะไม่ลอกหลุดหมดไป เกล็ดเหล่านี้จะมีลักษณะเป็นปล้อง ๆ เป็นสารประกอบเคอราติน เรียงตัวต่อเนื่องกันซึ่งเป็นส่วนซึ่งเมื่อสั่นเกล็ดส่วนนี้แล้วจะทำให้เกิดเสียงจากการปล้องแต่ละปล้องนั้นเสียดสีกระทบกัน เพื่อใช้เป็นสัญญาณเตือนและข่มขู่สัตว์ที่ใหญ่กว่าที่คุกคาม อันเป็นที่มาของชื่อสามัญ นอกจากนี้แล้วยังมีหัวมีลักษณะแบน ดูคล้ายรูปสามเหลี่ยม รูม่านตาคล้ายรูม่านตาของแมว คือ เป็นรูปวงรีวางตัวในแนวตั้ง และจะมีความกว้างของหัวเป็นสองเท่าของลำคอ สามารถเห็นแอ่งรับรู้ความร้อนอินฟาเรดระหว่างตา และรูจมูกของแต่ละข้างของหัว ซึ่งเป็นบริเวณที่ไวต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิแม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม ทำให้งูสามารถรู้ตำแหน่งของเหยื่อได้แม้ในความมืด เนื่องจากเป็นงูที่หากินในเวลากลางคืน โดยกินเหยื่อเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก เช่น หนู, กระต่าย หรือแพรรีด็อก เป็นต้น และหากินตามพื้นดินมากกว่าขึ้นต้นไม้ เป็นงูที่ออกลูกเป็นไข่ แต่ไข่จะฟักในตัวแม่งู ลูกงูจะออกมาในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ครั้งละ 5-12 ตัว ลูกงูที่ออกมามีความยาวประมาณ 6-8 นิ้ว (15-20 เซนติเมตร) ลูกงูจะมีปล้องเกล็ดที่หาง 1 ปล้อง สามารถผลิตพิษได้แต่จำนวนน้อย และพิษยังไม่รุนแรงมาก และจะโตเต็มวัยเมื่ออายุได้ 3 ปี[3]
สีของลำตัวต่างกันไปตามชนิด และระยะของการลอกคราบ โดยมีสีสันที่หลากหลายได้แก่ สีน้ำตาล, สีเหลือง, สีเทา, สีดำ, สีคล้ายกับฝุ่นชอล์ก และสีเขียวมะกอก เป็นต้น[4] [3]
จัดเป็นงูที่มีพิษร้ายแรงมาก ทำให้สัตว์ที่มีขนาดใหญ่กว่า หรือมนุษย์ถึงแก่ความตายได้ เป็นงูที่พบแพร่กระจายพันธุ์อย่างกว้างขวางตั้งแต่ภาคใต้และภาคตะวันออกของสหรัฐอเมริกา, อเมริกากลาง จนถึงอเมริกาใต้ โดยที่ ๆ อาศัยจะเป็นพื้นที่แห้งแล้ง เช่น ทะเลทราย อีกทั้งในหลายชนิดยังมีการเคลื่อนที่โดนเคลื่อนตัวไปด้านข้าง ๆ ด้วยวิธีการโยนตัวขึ้นและทิ้งดิ่งลงในแนวตั้ง ซึ่งเป็นวิธีการเคลื่อนที่ไหวที่ดีในพื้น ๆ ที่เป็นที่อ่อนนุ่มอย่าง พื้นทราย [5]
การจำแนก
[แก้]ปัจจุบัน จำแนกได้ทั้งสิ้น 29 ชนิด [6]
- Crotalus adamanteus Palisot de Beauvois, 1799
- Crotalus aquilus Klauber, 1952
- Crotalus atrox Baird & Girard, 1853
- Crotalus basiliscus (Cope, 1864)
- Crotalus catalinensis Cliff, 1954
- Crotalus cerastes Hallowell, 1854
- Crotalus durissus Linnaeus, 1758
- Crotalus enyo (Cope, 1861)
- Crotalus horridus Linnaeus, 1758
- Crotalus intermedius Troschel, 1865
- Crotalus lannomi Tanner, 1966
- Crotalus lepidus (Kennicott, 1861)
- Crotalus mitchellii (Cope, 1861)
- Crotalus molossus Baird & Girard, 1853
- Crotalus oreganus Holbrook, 1840
- Crotalus polystictus (Cope, 1865)
- Crotalus pricei Van Denburgh, 1895
- Crotalus pusillus Klauber, 1952
- Crotalus ruber Cope, 1892
- Crotalus scutulatus (Kennicott, 1861)
- Crotalus simus Latreille in Sonnini & Latreille, 1801
- Crotalus stejnegeri Dunn, 1919
- Crotalus tigris Kennicott in Baird, 1859
- Crotalus tortugensis Van Denburgh & Slevin, 1921
- Crotalus totonacus Gloyd & Kauffeld, 1940
- Crotalus transversus Taylor, 1944
- Crotalus triseriatus (Wagler, 1830)
- Crotalus viridis (Rafinesque, 1818)
- Crotalus willardi Meek, 1905
อ้างอิง
[แก้]- ↑ McDiarmid RW, Campbell JA, Touré T. 1999. Snake Species of the World: A Taxonomic and Geographic Reference, vol. 1. Herpetologists' League. 511 pp. ISBN 1-893777-00-6 (series). ISBN 1-893777-01-4 (volume).
- ↑ Campbell JA, Lamar WW. 2004. The Venomous Reptiles of the Western Hemisphere. Comstock Publishing Associates, Ithaca and London. 870 pp. 1500 plates. ISBN 0-8014-4141-2.
- ↑ 3.0 3.1 Kardong, K. V. and Bels, V. L. (1998). Rattlesnake Strike Behavior: Kinematics. The Journal of Experimental Biology. 201: 837-850.
- ↑ Howard, W. E. (1994). Prevention and Control of Wildlife Damage. F-21-26.
- ↑ หน้า 111, วิทยาสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก โดย วีรยุทธ์ เลาหะจินดา (พ.ศ. 2552) ISBN 978-616-556-016-0
- ↑ "Crotalus". ระบบข้อมูลการจำแนกพันธุ์แบบบูรณาการ.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Crotalus ที่วิกิสปีชีส์