คลื่นความร้อนในประเทศอินเดียและปากีสถาน พ.ศ. 2562
  จูรู 50.8 องศาเซลเซียส (123.4 องศาฟาเรนไฮต์) อัลลอฮาบาด 48.9 องศาเซลเซียส (120.0 องศาฟาเรนไฮต์) เดลี 48 องศาเซลเซียส (118 องศาฟาเรนไฮต์)  อิสลามาบาดและราวัลปินดี 42 องศาเซลเซียส (108 องศาฟาเรนไฮต์) จโคบาบาด 49 องศาเซลเซียส (120 องศาฟาเรนไฮต์) แผนที่แสดงเมืองที่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ | |
| วันที่ | 20 พฤษภาคม 2562 – ปัจจุบัน |
|---|---|
| ที่ตั้ง |  อินเดีย ปากีสถาน[1][2][3] |
| ประเภท | Heat wave |
| เสียชีวิต | อินเดีย: 184 คนในรัฐพิหาร และอีกหลายคนในรัฐอื่น ๆ ปากีสถาน: 5 คน[4] |
ตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2562 อินเดียและปากีสถานได้เผชิญกับคลื่นความร้อนที่รุนแรง โดยเป็นหนึ่งในคลื่นความร้อนที่ร้อนแรงและยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ประเทศทั้งสองเริ่มบันทึกรายงานสภาพอากาศ อุณหภูมิสูงสุดวัดได้บริเวณเมืองจูรูในรัฐราชสถานของอินเดีย อยู่ที่ 50.8 องศาเซลเซียส (123.4 องศาฟาเรนไฮต์)[5] ซึ่งเกือบสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ในอินเดีย[6] ณ วันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2562 คลื่นความร้อนระลอกนี้กินเวลามาแล้ว 32 วัน นับเป็นคลื่นความร้อนที่กินเวลานานที่สุดเป็นอันดับที่สองเท่าที่เคยบันทึกไว้[7]
อุณหภูมิที่ร้อนจัดและการเตรียมพร้อมรับมือที่ไม่เพียงพอส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในรัฐพิหารแล้วมากกว่า 184 คน[8] โดยมีรายงานผู้เสียชีวิตอีกจำนวนมากในพื้นที่อื่น ๆ ของประเทศ[9][10] ในปากีสถาน มีเด็กเล็ก 5 คนเสียชีวิตจากอากาศที่ร้อนจัด[11]
คลื่นความร้อนระลอกนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับภัยแล้งและการขาดแคลนน้ำทั่วประเทศ ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน อ่างเก็บน้ำต่าง ๆ ที่ส่งน้ำสู่เมืองเจนไนได้แห้งเหือด ทำให้มีผู้คนจำนวนนับล้านที่ไม่สามารถเข้าถึงน้ำได้ วิกฤตการณ์น้ำทวีความรุนแรงมากขึ้นเนื่องจากอุณหภูมิที่สูงและการขาดความเตรียมพร้อม นำไปสู่การประท้วงและการต่อสู้แย่งชิงน้ำซึ่งทำให้มีผู้ถูกฆ่า ถูกแทง และถูกทุบตี[12][13][14]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Leister, Eric. "Temperatures pass 50 C as grueling India heat wave enters 2nd week with no end in sight". Accuweather.
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-06-30. สืบค้นเมื่อ 2019-06-30.
- ↑ https://www.pakistantoday.com.pk/2019/06/09/pakistan-sizzles-under-intense-heat/
- ↑ "Pakistan Infants death update: Five infants confirmed dead in Pakistan as hospital air conditioning unit breaks down". gulfnews.com.
- ↑ "India reels as summer temperatures touch 50C". BBC News. 3 June 2019. สืบค้นเมื่อ 3 June 2019.
- ↑ Kahn, Brian (3 June 2019). "It Hit 123 องศาฟาเรนไฮต์ (51 องศาเซลเซียส) in India This Weekend". Earther. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-06-03. สืบค้นเมื่อ 3 June 2019.
- ↑ Chauhan, Chetan (12 June 2019). "India staring at longest heatwave in 3 decades". MSN. สืบค้นเมื่อ 12 June 2019.
- ↑ "India's heatwave turns deadly". Al Jazeera. 18 June 2019. สืบค้นเมื่อ 18 June 2019.
- ↑ Srivastava, Roli (12 June 2019). "India heatwave deaths rise to 36, poorest workers worst hit". Reuters. สืบค้นเมื่อ 12 June 2019.
- ↑ "Nitish Kumar Cancels Aerial Inspection of Heat Wave Affected Areas, to Visit Hospital in Gaya". India.Com. 20 June 2019. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 June 2019. สืบค้นเมื่อ 20 June 2019.
- ↑ "Pakistan Infants death update: Five infants confirmed dead in Pakistan as hospital air conditioning unit breaks down". gulfnews.com.
- ↑ Yeung, Jessie (19 June 2019). "India's sixth biggest city is almost entirely out of water". CNN. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 June 2019. สืบค้นเมื่อ 20 June 2019.
- ↑ Yeung, Jessie; Gupta, Swati (20 June 2019). "More than 500 arrested after protests and clashes as India water crisis worsens". CNN. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 June 2019. สืบค้นเมื่อ 20 June 2019.
- ↑ Janjevic, Darko (8 June 2019). "India heat wave triggers clashes over water". Deutsche Welle. สืบค้นเมื่อ 10 June 2019.