กิมไล้ สุธรรมมนตรี
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
กิมไล้ สุธรรมมนตรี | |
---|---|
เกิด | กิมไล้ เตชะกำพุช พ.ศ. 2420 สำเพ็ง |
เสียชีวิต | 8 ตุลาคม พ.ศ. 2512 (92 ปี) |
มีชื่อเสียงจาก | พระชนนีในสมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายา พระสุจริตสุดา (เปรื่อง สุจริตกุล) |
คู่สมรส | เจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (ปลื้ม สุจริตกุล) |
บุตร | 11 คน |
บิดามารดา | ขุนพัฒน์ (หอย เตชะกำพุช) นางเลี้ยบ เตชะกำพุช |
ท่านผู้หญิงกิมไล้ สุธรรมมนตรี (พ.ศ. 2420 – 8 ตุลาคม พ.ศ. 2512) สกุลเดิม เตชะกำพุช เป็นภริยาเอกของเจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (ปลื้ม สุจริตกุล) มีบุตรธิดาด้วยกันหลายท่าน เช่น สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายา พระสุจริตสุดา (เปรื่อง สุจริตกุล)
ประวัติ
[แก้]ท่านผู้หญิงสุธรรมมนตรี เกิดเมื่อ พ.ศ. 2420 เป็นธิดาของขุนพัฒน์ (หอย เตชะกำพุช) นายอากรบ่อนเบี้ย กับนางเลี้ยบ เตชะกำพุช มีบ้านเดิมอยู่ที่สำเพ็ง กิมไล้เป็นคนใจดี ใจบุญมาตั้งแต่ยังสาว ทำบุญครั้งละมากๆ เช่นเห็นเรือหาปลาผ่านมา ก็สั่งซื้อและปล่อยปลาทั้งลำ ซ่อมวัดวาอาราม นอกจากนั้น กิมไล้ยังแต่งบทละครที่คณะปราโมทัยเคยนำไปจัดแสดงด้วย
วันหนึ่ง สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ ทรงนำตัวกิมไล้ ซึ่งขณะนั้นเป็นคุณกิมไล้ ไปเฝ้าสมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา แล้วก็มีการขอดูตัว ตามมาด้วยงานสมรสระหว่างเจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (ปลื้ม สุจริตกุล) กับกิมไล้
ท่านผู้หญิงกิมไล้ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2512 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงโปรดให้ตั้งศพที่ ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส และสวดพระอภิธรรมเป็นเวลา 7 วัน พระราชทานเพลิงศพเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2512
บุตร-ธิดา
[แก้]ทั้งสองมีบุตรธิดาด้วยกัน 11 คน เท่าที่ทราบนามมีทั้งหมด 8 คน บุตรหญิงคนใหญ่คือคุณเปรื่อง และคนที่ห้า คือคุณประไพ
- พระสุจริตสุดา (เปรื่อง สุจริตกุล) พระสนมเอกในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
- พระสุจริตธำรง (สวาส สุจริตกุล)
- พระพิบูลย์ไอศวรรย์ (เปรียบ สุจริตกุล)
- สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายา ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
- นายกวดหุ้มแพร (โต สุจริตกุล)
- นายจิตติ สุจริตกุล
- นายสุจินต์ สจริตกุล
- นางปิ่มปลื้ม บุนนาค
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
[แก้]- พ.ศ. 2466 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 2 ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ท.จ.ว.) (ฝ่ายใน)[1]
- พ.ศ. 2466 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 ชั้นที่ 2 (ว.ป.ร.2)[2]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จุลจอมเกล้าฝ่ายใน เก็บถาวร 2019-08-07 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๔๐, ตอน ๐ ง, ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๖, หน้า ๒๖๓๑
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ฝ่ายใน, เล่ม ๔๐, ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๖, หน้า ๓๔๑๙