การโจมตีอิสราเอลโดยอิหร่าน พ.ศ. 2567

ปฏิบัติการคำมั่นอันแท้จริง
ส่วนหนึ่งของ ความขัดแย้งระหว่างอิหร่าน–อิสราเอล พ.ศ. 2567, ความขัดแย้งของอิหร่าน–อิสราเอลระหว่างสงครามกลางเมืองในซีเรีย, และเหตุต่อเนื่องของสงครามอิสราเอล–ฮะมาส
ชนิด	การโจมตีโดยอาวุธปล่อย, การโจมตีโดยโดรนสังหาร
ผู้บังคับบัญชา	ฮอซัยน์ ซาลามี
วัตถุประสงค์	ก่อให้เกิดความเสียหายต่อหมู่อาคารทางการทหารของกองทัพอิสราเอลที่เป็นส่วนหนึ่งของเหตุระเบิดโดยอิสราเอลที่สถานทูตอิหร่านประจำเมืองดามัสกัส ก่อนเหตุโจมตีครั้งนี้
วันที่	13–14 เมษายน พ.ศ. 2567
ผู้ลงมือ	อิหร่าน ฮูษี ฮิซบุลลอฮ์ ไออาร์ไอ
ผู้สูญเสีย	พลเรือน 1 คนชาวอิสราเอลได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเศษชิ้นส่วน; รวมถึง 31 คนเข้ารับการรักษาอาการบาดเจ็บเล็กน้อยหรือภาวะวิตกกังวล

เมื่อวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2567, กองพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม (IRGC), เป็นเหล่าทัพของกองทัพอิหร่าน ร่วมปฏิบัติการกับไออาร์ไอ, ฮิซบุลลอฮ์ กลุ่มของชาวเลบานอน, และฮูษี กลุ่มของชาวเยเมน ได้เปิดฉากโจมตีประเทศอิสราเอลและดินแดนถือครองอิสราเอลที่ราบสูงกอลาน ด้วยโดรน อาวุธปล่อยครูซ และขีปนาวุธ เหตุโจมตีขนานรหัสว่า ปฏิบัติการคำมั่นอันแท้จริง (เปอร์เซีย: وعده صادق, อักษรโรมัน: va'de-ye sādeq). ประเทศอิหร่านกล่าวว่าเป็นการตอบโต้เหตุระเบิดโดยอิสราเอลที่สถานทูตอิหร่านประจำกรุงดามัสกัสเมื่อวันที่ 1 เมษายน ซึ่งนายพลชาวอิหร่านเสียชีวิตสองนาย เหตุโจมตีดังกล่าวถูกมองว่าเป็นเหตุต่อเนื่องสงครามอิสราเอล–ฮะมาส และถือเป็นการโจมตีโดยตรงครั้งแรกของประเทศอิหร่านต่อประเทศอิสราเอลนับตั้งแต่เริ่มความขัดแย้งตัวแทน

หลายประเทศในตะวันออกกลาง ตระเตรียมปิดน่านฟ้าของตนล่วงหน้าไม่กี่ชั่วโมงก่อนประเทศอิหร่านจะเปิดฉากโจมตีประเทศอิสราเอลในเวลาประมาณเที่ยงคืนของวันที่ 13 เมษายน เหตุโจมตีของประเทศอิหร่านประกอบด้วยโดรนราว 170 ลำ อาุวธปล่อยครูสมากกว่า 30 ลูก และขีปนาวุธมากกว่า 120 ลูกมุ่งเป้าโจมตีประเทศอิสราเอลและที่ราบสูงกอลาน, ดินแดนที่ประเทศอิสราเอลยึดครอง หลายประเทศของพันธมิตรเริ่มปฏิบัติการเพื่อปกป้องอิสราเอล กองกำลังป้องกันอิสราเอลใช้ระบบแอโรว์ 3 และระบบเดวิตสลิงในการป้องกันเหตุโจมตีดังกล่าว ด้วยความช่วยเหลือจากกองทัพอากาศสหรัฐ, สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, และจอร์แดน ประเทศฝรั่งเศสเข้าร่วมปฏิบัติการตามการร้องขอของประเทศจอร์แดน ได้ส่งเรือมาให้ตรวจเรดาร์บริเวณพื้นที่ ประเทศจอร์แดนระบุว่าได้สกัดกั้นวัตถุที่บินเข้าไปในน่านฟ้าของตนเพื่อความปลอดภัยของพลเมือง

ทางการอิสราเอลระบุว่าร้อยละ 99 ของโดรนและอาวุธปล่อยถูกทำลายโดยชาติพันธมิตร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการป้องกันที่มีชื่อรหัสว่า โล่เหล็ก, มากที่สุดก่อนเข้าสู่น่านฟ้าอิสราเอล เจ้าหน้าที่สหรัฐรายหนึ่งกล่าวว่า อาุวธปล่อยของอิหร่านอย่างน้อย 9 ลูก โจมตีฐานทัพอากาศอิสราเอล 2 แห่ง ทำให้เกิดความเสียหายเล็กน้อย ขีปนาวุธบางส่วนถูกยิงตกในอวกาศโดยระบบแอโรว์ ขีปนาวุธดังกล่าวสร้างความเสียหายเล็กน้อยต่อฐานทัพอากาศเนวาติมทางตอนใต้ของอิสราเอล ซึ่งยังคงปฏิบัติการได้ ในประเทศอิสราเอล เด็กหญิงชาวเบดูอินอิสราเอลวัย 7 ขวบ บาดเจ็บถูกขีปนาวุธส่วนหนึ่งโจมตี และอีกสามสิบเอ็ดคนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยขณะไปศูนย์หลบภัย หรือได้รับการรักษาด้วยภาวะวิตกกังวล จอร์แดนรายงานว่ามีเศษกระสุนบางส่วนตกลงมาในอาณาเขตของตน ทำให้ไม่มีความเสียหายหรือบาดเจ็บ วันรุ่งขึ้น ทูตอิหร่านประจำสหประชาชาติระบุว่าการโจมตีดังกล่าว "เห็นว่าควรยุติลง"

เหตุโจมตีครั้งนี้ถือเป็นการโจมตีด้วยโดรนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์, ตั้งใจที่จะเอาชนะการป้องกันต่อต้านอากาศยาน นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การโจมตีด้วยอาวุธปล่อยของประเทศอิรักในปี พ.ศ. 2534 ซึ่งประเทศอิสราเอลถูกโจมตีโดยตรงจากกองทัพของรัฐอื่น การโจมตีของประเทศอิหร่านได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสหประชาชาติ ผู้นำโลกหลายราย และนักวิเคราะห์ทางการเมือง ซึ่งเตือนว่าพวกเขาเสี่ยงทำความขัดแย้งที่จะบานปลายไปสู่สงครามระดับภูมิภาคเต็มรูปแบบ ประเทศอิสราเอลตอบโต้ด้วยการโจมตีอิหร่านอย่างจำกัดมากเมื่อวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2567