การประท้วงในประเทศอาร์มีเนีย พ.ศ. 2561

การประท้วงชาวอาร์มีเนีย พ.ศ. 2561
การประท้วงเมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2561
วันที่	12 เมษายน พ.ศ. 2561 – จนถึงปัจจุบัน (6 ปี 1 สัปดาห์ 4 วัน)
สถานที่	อาร์มีเนีย: เยเรวาน, กียุมรี, วายอทส์ซอร์, อโบร์ยัน, เซแวน, อาร์เตอร์ชัค, อมาเวียร์, อตาลัก, เวการ์ชาเปด, เคเปน ชาวอาร์มีเนียที่อาศัยอยู่ต่างประเทศ: เก็นเดล, รัฐแคลิฟอร์เนีย, มอสโก, มาร์แซย์
สาเหตุ	ผลการเลือกตั้งของแซร์ช ซาร์กเซียนในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
เป้าหมาย	ตอนแรก: ให้แซร์ช ซาร์กเซียนออกจากการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต่อมา: ให้มีการเลือกตั้งสภาใหม่ทันทีโดยไม่ต้องถึงวาระในการเลือกตั้ง ต่อมา: ให้พรรคริพับลิกันไม่มีอำนาจใด ๆ ทั้งสิ้น ต่อมา: ขอให้ปชิดยานเป็นรักษาการณ์นายกรัฐมนตรีจนกว่าจะถึงการเลือกตั้งสภาใหม่ทันทีโดยไม่ต้องถึงวาระในการเลือกตั้ง
วิธีการ	การเดินขบวน, การนั่งประท้วง , การประท้วงของนักเรียน, การดื้อแพ่ง, การเคลื่อนไหวออนไลน์
สถานะ	ยังดำเนินอยู่
การยอมผ่อนปรน	แซร์ช ซาร์กเซียนได้ประกาศขอลาออกจากการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
คู่ขัดแย้ง
พรรคปรปักษ์การเมือง Civil Contract สนับสนุนโดย: Way Out Alliance Free Democrats Prosperous Armenia (BHK) (หลัง 23 เมษายน) รัฐบาลอาร์มีเนีย สำนักงานตำรวจอาร์มีเนีย (incl. เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ) พรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล: พรรคริพับลิกัน ARF-Dashnaktsutyun (จนถึง 25 เมษายน)
ผู้นำ
ส.ส. นิโคร ปชิดยาด (ถูกคุมขังวันที่ 22 ถึง 23 เมษายน) แซร์ช ซาร์กเซียน (อดีตประธานาธิบดี, อดีตนายกรัฐมนตรี) Karen Karapetyan (รักษาการณ์ นายกรัฐมนตรี)
จำนวน
115,000 คน (22 เมษายน) 5,000 คน (ในเมืองเก็นเดล, รัฐแคลิฟอร์เนีย)
บาดเจ็บ
40 คน (วันที่ 16 เมษายน) ตำรวจ 6 คน (วันที่ 16 เมษายน)

กลุ่มนักการเมืองและประชาชนภายใต้การนำโดย ส.ส. นิโคร ปชินยาด (ผู้นำของพรรคสัญญาพลเรือน) ได้เริ่มขบวนการ การประท้วงต่อต้านรัฐบาลอาร์มีเนีย (หรือรู้จักกันในชื่อทั่วไปว่า #MerzhirSerzhin (อาร์มีเนีย: ՄերժիրՍերժին สำหรับ "#RejectSerzh") เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2561 การประท้วงและการเดินขบวนในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่แซร์ช ซาร์กเซียนเข้ารับดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ที่ทรงอิทธิพลในรัฐบาลของอาร์มีเนียอย่างมาก และยังควบคุมพรรคริพับลิกันอีกด้วย

เมื่อวันที่ 23 เมษายน แซร์ช ซาร์กเซียนได้กล่าวว่า "ผมผิดในขณะที่เขา [นิโคร ปชินยาด] ถูก" แล้วต่อมาเขาก็ได้ขอลาออก การประท้วงในครั้งนี้ถือว่าเป็นการปฎิวัติอย่างสันติเมื่อเทียบกับการปฎิวัติของอดีตรัฐในโซเวียต 25 เมษายน พรรคเออาร์เอฟ-ดชาสุนยัน พรรคพันธมิตรของพรรครีพับลิกันได้ประกาศขอถอนตัวออก ซึ่งหมายถึงสามรถให้ฝ่านค้านรัฐบาลสามารถเข้ารับการเลือกตั้งโดยรัฐสภาแห่งชาติได้

ปฏิกิริยา

เมื่อวันที่ 4 เมษายน ผู้นำของพรรคไบร์ทอาร์มีเนีย พร้อมด้วยผู้นำพรรคพลเรือน นิโคร ปชินยาด ได้ร่วมกันเขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์อยอนร์ โดยมีข้อความระบุว่า ผมชอบวิธีการจับมือกับประชาชนมากกว่าการตอบโต้แบบทางการ

ผู้นำของพรรคประชาธิบไตย และอดึต ส.ส. คชักเทอ โคโคเบลเยม ได้เข้าร่วมสนับสนุนการประท้วงดังกล่าว

ปฏิกิริยานานาชาติ

• รัสเซีย โฆษกประจำกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย ได้กล่าวชื่นชมการปฎิวัติอย่างสันติในครั้งนี้ พร้อมกับบอกว่า "อาร์มีเนีย รัสเซียจะอยู่เคียงข้างเสมอ!" มีหน้าในเว็บไซต์เอฟเอ็มอย่างเป็นทางการ พร้อมระบุว่า: "พวกเราหวังว่าสถานการณ์นี้จะสามารถพัฒนาเป็นพิเศษในด้านกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้กองกำลังทางการเมืองทั้งหมดจะต้องแสดงความรับผิดชอบและความพร้อมสำหรับการเจรจาที่เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ เราเชื่อว่าทุกอย่างในประเทศจะต้องกับมาเป็นปกติและพวกเราจำเป็นจะต้องฟื้นฟูสิ่งดีๆ เข้ามาสู่อาร์มีเนีย"
• สหรัฐ เมื่อวันที่ 23 เมษายน เอกอัครราชฑูตสหรัฐได้กล่าวชื่นชมสำนักงานตำรวจแห่งชาติอาร์มีเนีย และเหล่าผู้ประท้วงทั้งหลายที่นำโดย ส.ส. นิโคร ปชินยาด ว่าสามารถทำให้ไม่ให้เกิดเหตุนองเลือดได้ ในระหว่างการประท้วงต่อต้านแซร์ช ซาร์กเซียน กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้แถลงการว่า ผู้นำคนใหม่ของประเทศอาร์มีเนียจะต้องเป็นคนโปร่งใส่ ไม่มีทุจริต และจะต้องปฎิบัติตามรัฐธรรมนูญ ยังมีการกล่าวแถลงการณ์อีกว่า กลุ่มผู้นำทางการเมืองอาร์มีเนียได้วางแผนว่า “จะไม่ก่อเหตุเพิ่มและหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง”
• สหภาพยุโรป เมื่อวันที่ 24 เมษายน ผู้นำสูงสุดของสหภาพยุโรปได้เดินทางไปยังประเทศอาร์มีเนีย พร้อมได้ตั้งแคมเปญ และยังกล่าวชื่นชอบในการปฎิวัติในครั้งนี้ และได้ให้สัญญากับประชาชนว่าจะเข้มงวดมากขึ้นโดยการปรับปรุง