ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ที-84"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
{{Infobox weapon |
{{Infobox weapon |
||
|name= |
|name= ที-84 |
||
|image= [[ไฟล์:UkrainianT84Tank.jpg|300px]] |
|image= [[ไฟล์:UkrainianT84Tank.jpg|300px]] |
||
|caption= รถถังหลัก ที - 84 |
|caption= รถถังหลัก ที - 84 |
||
บรรทัด 45: | บรรทัด 45: | ||
|vehicle_range= {{convert|540|km|abbr=on}} |
|vehicle_range= {{convert|540|km|abbr=on}} |
||
|speed= {{convert|65|km/h|abbr=on}} - {{convert|70|km/h|abbr=on}} |
|speed= {{convert|65|km/h|abbr=on}} - {{convert|70|km/h|abbr=on}} |
||
}} |
|||
{{Infobox Weapon|is_vehicle=yes |
|||
|name= ที-84 โอปล็อต-เอ็ม |
|||
|image= [[File:BM Oplot Front.jpg|300px]] |
|||
|caption= รถถังหลัก ที - 84 โอปล็อต-เอ็ม |
|||
|origin= [[ยูเครน]] |
|||
|service= 2009{{spaced ndash}}present |
|||
|type= [[รถถังหลัก]] |
|||
|is_vehicle= yes |
|||
|used_by= {{UKR}}<br />{{THA}} |
|||
|designer= [[Kharkiv Morozov Machine Building Design Bureau|KMDB]] |
|||
|manufacturer= [[Malyshev Factory]] |
|||
|weight= 51 tonnes<ref name="Kharkiv Morozov"/> |
|||
|length= {{convert|7.075|m|ftin|0|abbr=on}}<ref name="Kharkiv Morozov"/> |
|||
|width= {{convert|3.400|m|ftin|0|abbr=on}}<ref name="Kharkiv Morozov"/> |
|||
|height= {{convert|2.800|m|ftin|0|abbr=on}}<ref name="Kharkiv Morozov"/> |
|||
|crew= 3 (commander, gunner, driver) |
|||
|armour= modular [[composite armour|composite]], [[Explosive reactive armour|ERA]], [[Active Protection System|APC]]<ref name="Kharkiv Morozov">[http://www.morozov.com.ua/eng/body/oplot_mbt.php] Kharkiv Morozov Machine Building-The BM Oplot main battle tank</ref> |
|||
|primary_armament= [[2A46 125 mm gun|125 mm smoothbore KBA-3 cannon]] with 46 rounds<ref name="Kharkiv Morozov"/> |
|||
|secondary_armament= |
|||
1 × 12.7 mm (.50) [[KT-12.7 gun|KT-12.7]] [[anti-aircraft|anti-aircraft machine gun]] with 450 rounds <br/> |
|||
1 × 7.62 mm (.308) [[KT-7.62 gun|KT-7.62]] [[coaxial weapon|Coaxial machine gun]] machine gun with 1250 rounds<ref name="Kharkiv Morozov"/> |
|||
|engine= |
|||
[[Kharkiv Morozov Machine Building Design Bureau|KMDB]] 6TD-2E 6-cylinder diesel (1,200 hp) or <br /> |
|||
[[Kharkiv Morozov Machine Building Design Bureau|KMDB]] 6TD-3 6-cylinder diesel (1,500 hp)<ref name="Kharkiv Morozov"/> |
|||
|transmission= Automatic |
|||
|fuel_capacity= {{convert|1140|l}}<ref name="Kharkiv Morozov"/> |
|||
|pw_ratio= 24.7 hp/t (6TD-2E) <br />30 hp/t (6TD-3)<ref name="Kharkiv Morozov"/> |
|||
|suspension= [[Torsion bar suspension|Torsion bar]] |
|||
|clearance= {{convert|0.50|m|ftin|abbr=on}}<ref name="Kharkiv Morozov"/> |
|||
|vehicle_range= {{convert|500|km|abbr=on}}<ref name="Kharkiv Morozov"/> |
|||
|speed= Road {{convert|70|km/h|abbr=on}} <br/>Off-road: {{convert|45|km/h|abbr=on}}<ref name="Kharkiv Morozov"/> |
|||
|}} |
|}} |
||
รุ่นแก้ไขเมื่อ 22:56, 25 เมษายน 2557
ที-84 | |
---|---|
รถถังหลัก ที - 84 | |
ชนิด | รถถังหลัก |
แหล่งกำเนิด | ยูเครน |
บทบาท | |
ประจำการ | 1999 – ปัจจุบัน |
ผู้ใช้งาน | ยูเครน, สหภาพโซเวียต |
ประวัติการผลิต | |
ผู้ออกแบบ | KMDB |
ช่วงการออกแบบ | 1993 – 94 |
บริษัทผู้ผลิต | Malyshev Factory |
ช่วงการผลิต | 1994 – ปัจจุบัน |
ข้อมูลจำเพาะ (ที-80[1]) | |
มวล | 46 ตัน |
ความยาว | 7.086 m (23 ft 3 in) |
ความกว้าง | 3.775 m (12 ft 5 in) |
ความสูง | 2.215 m (7 ft 3 in) |
ลูกเรือ | 3 |
มุมกระดก | +13°, -6° |
เกราะ | เหล็กกล้า, คอมโพสิต, เกราะปฏิกิริยาระเบิด |
อาวุธหลัก | KBA-3 125 มท. สมูทบอร์ (43 rds) |
อาวุธรอง | ปืนกลร่วมแกน 7.62 มม. KT-7.62 ปืนต่อสู้อากาศยาน 12.7 มม. KT-12.7 |
เครื่องยนต์ | KMDB 6TD-2 6-สูบ ดีเซล 1,200 แรงม้า |
กำลัง/น้ำหนัก | 26 แรงม้า/ต้น |
กันสะเทือน | ทอร์ชั่นบาร์, ไฮดรอลิคโช้ค |
ความสูงจากพื้นรถ | 0.515 ม. (1 ฟุต 8.3 นิ้ว) |
ความจุเชื้อเพลิง | 1,300 l (290 imp gal; 340 US gal) |
พิสัยปฏิบัติการ | 540 km (340 mi) |
ความเร็ว | 65 km/h (40 mph) - 70 km/h (43 mph) |
ที-84 โอปล็อต-เอ็ม | |
---|---|
ไฟล์:BM Oplot Front.jpg รถถังหลัก ที - 84 โอปล็อต-เอ็ม | |
ชนิด | รถถังหลัก |
แหล่งกำเนิด | ยูเครน |
บทบาท | |
ประจำการ | 2009 – present |
ผู้ใช้งาน | ยูเครน ไทย |
ประวัติการผลิต | |
ผู้ออกแบบ | KMDB |
บริษัทผู้ผลิต | Malyshev Factory |
ข้อมูลจำเพาะ | |
มวล | 51 tonnes[2] |
ความยาว | 7.075 m (23 ft 3 in)[2] |
ความกว้าง | 3.400 m (11 ft 2 in)[2] |
ความสูง | 2.800 m (9 ft 2 in)[2] |
ลูกเรือ | 3 (commander, gunner, driver) |
เกราะ | modular composite, ERA, APC[2] |
อาวุธหลัก | 125 mm smoothbore KBA-3 cannon with 46 rounds[2] |
อาวุธรอง | 1 × 12.7 mm (.50) KT-12.7 anti-aircraft machine gun with 450 rounds 1 × 7.62 mm (.308) KT-7.62 Coaxial machine gun machine gun with 1250 rounds[2] |
เครื่องยนต์ | KMDB 6TD-2E 6-cylinder diesel (1,200 hp) or KMDB 6TD-3 6-cylinder diesel (1,500 hp)[2] |
กำลัง/น้ำหนัก | 24.7 hp/t (6TD-2E) 30 hp/t (6TD-3)[2] |
เครื่องถ่ายกำลัง | Automatic |
กันสะเทือน | Torsion bar |
ความสูงจากพื้นรถ | 0.50 m (1 ft 8 in)[2] |
ความจุเชื้อเพลิง | 1,140 ลิตร (250 imperial gallon; 300 US gallon)[2] |
พิสัยปฏิบัติการ | 500 km (310 mi)[2] |
ความเร็ว | Road 70 km/h (43 mph) Off-road: 45 km/h (28 mph)[2] |
ที-84 (อังกฤษ: T-84) เป็นรถถังหลักของยูเครน พัฒนามาจากรถถังที-80 ของสหภาพโซเวียต สร้างขึ้นเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1994 เริ่มเข้าประจำการในกองทัพยูเครนตั้งแต่ปี ค.ศ. 1999 ใช้ระบบเครื่องยนต์ดีเซล 1,200 แรงม้า เฉลี่ย 26 แรงม้า ต่อน้ำหนักตัวรถ 1 ตัน ความเร็วสูงสุดที่ 70 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำให้ ที-84 เป็นหนึ่งในรถหลังหลักที่เร็วที่สุดแบบหนึ่งของโลก
ข้อมูล
กล่าวทั่วไป
รถถังหลัก T-84 OPLOT ออกแบบโดยบริษัท Kharkiv Morozov Machine Building Design Bureau (KMDB) และสร้างโดย Malyshev Plant ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ (State-owned Enterprise) ของประเทศยูเครน คำว่า “OPLOT” เป็นภาษายูเครน ตรงกับคำในภาษาอังกฤษว่า “Bulwark” ซึ่งหมายถึง “ป้อมปราการหรือที่มั่นสำหรับต่อสู้กับข้าศึก” เป็นรถถังยุคใหม่ที่มีความทันสมัย ถูกออกแบบให้เป็นรถถังที่มีอำนาจการยิงที่รุนแรง มีความแม่นยำสูง มีระบบป้องกันตัวเองที่เชื่อถือได้ และมีความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่สูง สามารถปฏิบัติการในสภาพพื้นที่ที่มีอุณหภูมิแตกต่างกันอย่างมาก คือตั้งแต่ -40 องศาเซลเซียส ถึง + 55 องศาเซลเซียส หรือแม้กระทั่งการปฏิบัติการในพื้นที่ ที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 3000 เมตร รถถัง OPLOT ก็ยังสามารถปฏิบัติภารกิจได้เป็นอย่างดี รถถังหลัก T-84 OPLOT เป็นรถถังที่พัฒนาต่อเนื่องมาจากตั้งแต่ รถถังหลักรุ่น T-64 ซึ่งเป็นรถถังที่ใช้ระบบบรรจุกระสุนแบบอัตโนมัติ (Autoloader) รุ่นแรกของโลก จนมาถึงรถถัง รุ่น T-80UD ก่อนจะกลายมาเป็นรถถัง T-84 OPLOT ในปัจจุบัน รถถังรุ่นนี้ มีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นเดิมหลายรายการ อาทิเช่น ป้อมปืนรุ่นใหม่ เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1,200 แรงม้า เกราะปฏิกิริยาแบบใหม่ กล้องเล็งแบบใหม่ ระบบต่อต้านการตรวจการณ์ด้วยสายตาที่เรียกว่า “Varta” ที่สามารถป้องกันการตรวจจับหรือการเล็งเกาะเป้าหมาย (Tracking) ด้วยแสงเลเซอร์ รวมถึงการมีระบบก่อกวนสัญญานคลื่นอินฟราเรด ซึ่งนิยมใช้ในระบบอาวุธนาวิถีต่อสู้รถถังทั่วๆไปอีกด้วย ซึ่งทำให้รถถังรุ่นนี้สามารถเพิ่มความอยู่รอดในสนามรบได้มากขึ้น องค์ประกอบหลัก ที่สำคัญของรถถังหลักโดยทั่วไปประกอบด้วย
- อำนาจการยิง (Fire Power)
- การป้องกันตนเอง (Protection)
- ความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่ (Mobility)
อำนาจการยิง
ของรถถัง OPLOT ได้แก่ระบบอาวุธ ประกอบด้วย อาวุธหลัก และอาวุธรอง ดังนี้
1.อาวุธหลัก : ปืนใหญ่รถถังแบบลำกล้องเรียบ ขนาด125 มม. แบบ KBA-3 (ตระกูลเดียวกับปืนใหญ่รถถัง แบบ 2A46M1 หรือ D-81 TM ของสหพันธรัฐรัสเซีย) ผลิตโดยสาธารณรัฐยูเครน ใช้การบรรจุกระสุนแบบอัตโนมัติ (Autoloader ) ความเร็วในการยิง 8 นัด/นาที สามารถทำการยิงกระสุนได้ 4 ชนิดได้แก่
- APDSFS
- HEAT
- HE-FRAG
- ATGM (Anti-Tank Guided Missiles)
2.อาวุธรอง
- ปืนกลร่วมแกน แบบ KT-7.62 (PKT) ขนาด 7.62 มม.
- ปืนกลต่อสู้อากาศยานแบบ KT-12.7 ขนาด 12.7 มม แบบควบคุมระยะไกลจากภายในตัวรถ (Remote Control)
ระบบป้องกันตนเอง
สิ่งที่ช่วยในการป้องกันการถูกโจมตีด้วยการยิงด้วยกระสุนชนิดต่างๆ จากรถถังข้าศึก ประกอบด้วย เกราะแบบหลายชั้น , เกราะปฏิกิริยาชนิดป้องกันหัวรบแบบ Tandem แบบติดตั้งจากโรงงาน (BATW-ERA) เกราะป้องกันทุ่นระเบิด ซึ่งจัดเป็นการป้องกันเชิงรับ รถถัง OPLOT ยังมีระบบป้องกันตนเองเชิงรุก ได้แก่ ระบบต่อต้านการโจมตีโดยอาวุธนำวิถีที่ใช้สายตาในการควบคุม (Optronic) ที่เรียกว่า Varta ซึ่งหมายถึงการคุ้มกัน (Guard) นั่นเอง ระบบนี้จะประกอบด้วย การแจ้งเตือนการถูกเล็งเกาะเป้าหมาย (Tracking) ด้วยแสงเลเซอร์เพื่อนำวิถีให้อาวุธต่อสู้รถถังหรือวัดระยะเพื่อทำการยิงปืนใหญ่รถถัง, การรบกวนคลื่นอินฟราเรดและการสร้างฉากควันเพื่อป้องกันตัว รถถังรุ่นนี้ยังมีระบบป้องกัน นชค., ระบบช่วยลดการมองเห็นจากข้าศึก โดยการใช้สีพรางตัวแบบพิเศษระบบป้องกันการแพร่รังสีความร้อนจากเครื่องยนต์ อีกทั้งสามารถติดตั้งอุปกรณ์เพื่อกวาดทุ่นระเบิดได้อีกด้วย
ความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่
รถถัง OPLOT มีเครื่องยนต์ที่มีกำลังเครื่องยนต์สูงและยังมีระบบช่วยการทำงานของเครื่องยนต์ อันได้แก่ ระบบจ่ายน้ำมัน ระบบป้อนอากาศ ระบบหล่อลื่น ระบบให้ความเย็น ระบบระบายแก๊สจากเครื่องยนต์ ระบบให้ความร้อนเครื่องยนต์เบื้องต้นและระบบทำความร้อนในห้องทำงานพลประจำ จุดเด่นอีกประการหนึ่งของ รถถัง OPLOT คือ การเคลื่อนที่ถอยหลังได้อย่างรวดเร็ว อันเป็นผลมาจากมีการออกแบบชุดส่งกำลัง อันประกอบไปด้วย กล่องเกียร์ เฟืองท้ายส่งกำลังถอยหลัง ทำงานร่วมกับระบบควบคุมการเคลื่อนที่แบบซับซ้อนเช่น เฟืองขับ ระบบสายพาน ระบบพยุงตัวรถ นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์พิเศษอื่นๆ อีกเช่น อุปกรณ์ลุยน้ำลึก อุปกรณ์ตรวจการณ์ด้วยสายตาและนำทางเบื้องต้น อุปกรณ์ตรวจการณ์ด้วยสายตาเวลากลางวัน อุปกรณ์ช่วยขับเวลากลางคืน อุปกรณ์ช่วยนำทางเบื้องต้น (นำทางด้วยไจโร) อุปกรณ์เป่าลมที่ช่วยทำความสะอาดอุปกรณ์ตรวจการณ์ด้วยสายตาของป้อมปืนและตัวรถ ระบบช่วยนำทางด้วยดาวเทียม ( GPS )
สำหรับการติดต่อสื่อสารของรถถัง OPLOT นั้น คาดว่าทางกองทัพบกคงใช้ชุดวิทยุที่สามารถใช้ร่วมกันกับชุดวิทยุที่มีใช้อยู่เดิมในกองทัพบกแล้ว เพื่อง่ายต่อการฝึกและสอดคล้องกับการปฏิบัติงานด้านยุทธการและการส่งกำลังบำรุง
ระบบป้อนกระสุนปืนใหญ่รถถัง
เป็นระบบที่ทำหน้าที่ป้อนกระสุนที่มีอยู่เข้าสู่ปืนใหญ่รถถังโดยอัตโนมัติ ประกอบไปด้วยสายพาน เครื่องบรรจุกระสุนอัตโนมัติและระบบควบคุม เป็นชนิด กลไกไฟฟ้าไฮดรอลิค ด้วยมุมบรรจุคงที่มีแบบของกระสุน 4 แบบ ความจุกระสุนในช่องใส่กระสุนพร้อมยิง (Carouselle) มีจำนวน 28 นัด การหมุนตัวของช่องใส่กระสุนพร้อมยิง (Carouselle) สามารถหมุนได้สองทิศทางที่ความเร็วในการหมุนประมาณ 25-33 องศาต่อวินาที อัตราเร็วในการบรรจุกระสุนต่อนัดประมาณ 7 วินาที การคัดปลอกกระสุนเมื่อทำการยิงไปแล้ว จะถูกนำกลับไปใส่เอาไว้ในช่องว่างในถาดป้อนกระสุนโดยไม่ทำให้เกะกะในห้องปฏิบัติการของพลประจำรถ ชนิดของการป้อนกระสุนแบบสองหัวรบเรียงตามกันป้อนกระสุนและดินส่งพร้อมกันในหนึ่งรอบ ระบบขับอุปกรณ์ป้อนกระสุนสามารถทำการช่องใส่กระสุนพร้อมยิง (Carouselle) ด้วยมืออันประกอบไปด้วยกลไกกระสุนด้วยมือ, ล็อกช่องใส่กระสุนพร้อมยิง (Carouselle) ด้วยมือและล็อกปืนด้วยมือเวลาที่ใช้ในการเติมกระสุนลงช่องใส่กระสุนพร้อมยิง (Carouselle) (ในโหมดเติมกระสุน) 15-20 นาที
ระบบควบคุมการป้อนกระสุนติดตั้งเอาไว้ในรถถังเพื่อ ทำการควบคุมกลไกและไฮดรอลิคของระบบป้อนกระสุน ควบคุมวงรอบการยิงปืนใหญ่และปืนกลร่วมแกนเก็บข้อมูลเกี่ยวกับชนิดกระสุนที่ถูกบรรจุเอาไว้ในช่องใส่กระสุนพร้อมยิง (Carouselle)
ระบบควบคุมการยิงของปืนใหญ่รถถัง
ได้รับการปรับปรุงให้สามารถทำงานอัตโนมัติในการควบคุมระบบอาวุธไม่ว่าจะเป็นการยิงมุมสูงมาก หรือในมุมยิงทางข้างภายใต้สภาพการณ์ต่างๆ ของการยิงนอกเหนือไปจากการยิงแบบมาตรฐาน ผู้บังคับรถสามารถทำการควบคุมปืนใหญ่รถถังและปืนกลร่วมแกนแยกจากพลยิงได้โดยตรง และยังทำให้สามารถทำการยิงปืนกลต่อสู้อากาศยานได้จากสถานีผู้บังคับรถ
- เมื่อทำการเล็งอย่างประณีตตั้งแต่ 0.05 ถึง 1 องศา/วินาที ใช้เวลามากที่สุดไม่เกิน 3 องศา/วินาที
- มุมทิศ ไม่ต่ากว่า 0.05 องศา/วินาที
เครื่องหาระยะด้วยแสงเลเซอร์
สามารถหาระยะได้ตั้งแต่ 400 – 9,000 เมตร ความคลาดเคลื่อนไม่เกิน 10 เมตร ใช้เวลาเตรียมการภายใน 3 นาที
เวลาในการเตรียมการยิงสำหรับกระสุนนัดแรกของปืนใหญ่รถถัง
- เมื่อรถถังอยู่กับที่ ใช้เวลาในการเตรียมการประมาณ 10-12 วินาที
- เมื่อรถถังเคลื่อนที่ใช้เวลาในการเตรียมการประมาณ 10-15 วินาที
ระยะยิงหวังผลของปืนใหญ่รถถังในกระสุนแต่ละประเภท
- กระสุน APDSFS มีระยะยิงหวังผล 2,800 เมตร
- กระสุน HEAT มีระยะยิงหวังผล 2,600 เมตร
- กระสุน HE-FRAG มีระยะยิงหวังผล 2,600 เมตร
ระบบเครื่องควบคุมการยิง
ประกอบไปด้วย กล้องเล็งกลางวันแบบ 1G46M ของพลยิง, กล้องเล็งสร้างภาพด้วยความร้อนแบบ PTT-2 กล้องเล็งและตรวจการณ์ของผู้บังคับรถแบบ PNK -6 ศูนย์เล็งปืนกลต่อสู้อากาศยานแบบ PZU -7, ระบบควบคุมการยิงปืนกลต่อสู้อากาศยานแบบ 1ETs 29M1, คอมพิวเตอร์คำนวณ ขีปนวิธีแบบ LIO–V พร้อมด้วยเซ็นเซอร์ป้อนข้อมูล, อุปกรณ์รักษาการทรงตัวของอาวุธแบบ 2E42M และอื่นๆ
กล้องเล็งของพลปืน แบบ 1G46M
กล้องเล็งแบบกลางวันของพลยิงมีระบบการทรงตัวแบบสองแกนตามแนวสายตาทำงานร่วมกับอุปกรณ์หาระยะด้วยเลเซอร์และทำหน้าที่ในการนำวิถีจรวดต่อสู้รถถังได้อีกด้วย มีการติดตั้งอุปกรณ์คำนวณแก้การเอียงของปืนแบบอัตโนมัติ กล้องเล็งมีกำลังขยายตั้งแต่ 2.7-12 เท่า ภายในกล้องเล็งของพลยิงจะแสดงข้อมูลอื่นๆ เช่น เส้นเล็งแบบมีมาตราสำหรับใช้ยิงกระสุนชนิดต่างๆ เช่นเดียวกับข้อมูลสำหรับปืนกลร่วมแกน โดยเส้นเล็งแบบมาตรานี้มีประโยชน์ในการใช้เป็นระบบวัดระยะสำรองในกรณีที่เครื่องหาระยะด้วยแสงเลเซอร์ใช้งานไม่ได้ และเพื่อป้องกันกล้องเล็งจากแสงวาบจากประกายไฟจากการยิงของอาวุธของตัวเองในช่องเล็งได้มีการติดตั้งเซ็นเซอร์แสง ซึ่งจะปิดกล้องเล็งเมื่อมีการยิง ระบบควบคุมกล้องเล็งช่วยให้พลยิงสามารถเล็งตามเป้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ อุปกรณ์หาระยะด้วยเลเซอร์มีระยะปฏิบัติการถึง 9,990 เมตร คลาดเคลื่อนเพียง +/- 10 เมตร ระยะที่วัดได้จะแสดงเป็นตัวเลขพร้อมๆ กับข้อมูลการเตรียมการยิงอื่นๆ เช่น ชนิดของกระสุนที่ส่วนล่างของกล้องพลยิง
กล้องเล็งสร้างภาพด้วยความร้อนแบบ PTT-2
กล้องเล็งแบบสร้างภาพด้วยความร้อน PTT-2 ประกอบไปด้วยกล้องเล็งของพลยิง และจอมอนิเตอร์ของผู้บังคับรถรวมทั้งแผงควบคุม โดยปกติกล้องนี้จะถูกควบคุมการทำงานโดยพลยิง แต่ผู้บังคับรถสามารถควบคุมแยกจากพลยิงได้ไม่ว่าจะเป็นการเล็ง หรือทำการยิงทั้งปืนใหญ่รถถัง หรือปืนกลร่วมแกนโดยใช้ระบบควบคุม และจอมอนิเตอร์สร้างภาพด้วยความร้อนของตน กล้องเล็งสร้างภาพด้วยความร้อนนี้ช่วยให้ทั้งพลยิงและผู้บังคับรถสามารถทำการยิงได้อย่างแม่นยำในสภาพทัศนะวิสัยจำกัด เช่น มีหมอกควัน หรือการปฏิบัติในเวลากลางคืน รวมทั้งปฏิบัติงานในลักษณะ Hunter killer ได้
กล้องตรวจการณ์ของผู้บังคับรถแบบ PNK -6
เป็นระบบกล้องเล็งและตรวจการณ์ของ ผบ.รถ โดยผสมผสานกล้องกลางวันและกล้องกลางคืนแบบ TKN -5 ไว้ด้วยกัน มีระบบรักษาการทรงตัวของกล้อง โดยกล้องกลางวันมีกำลังขยาย 7.6 เท่า และกล้องกลางคืนมีกำลังขยาย 5.8 เท่า โดยกล้องนี้จะทำงานร่วมกันกับเครื่องวัดระยะด้วยแสงเลเซอร์
ระบบอาวุธนำวิถีของรถถัง
มีไว้เพื่อใช้ทำการยิงอาวุธนำวิถีจากลำกล้องปืนใหญ่รถถัง ด้วยการเล็งจากกล้องเล็งแบบ 1G46M ของพลยิง อาวุธนำวิถีที่ใช้ยิงเป็นแบบ IZD 621, 3UBK 14, 3UBK 20 ชนิดหัวรบแบบระเบิดต่อสู้รถถัง (HEAT ระบบนำวิถีเป็นกึ่งอัตโนมัตินำวิถีด้วยแสงเลเซอร์ ระยะยิงไกลสุด 5,000 เมตร ซึ่งเป็นระยะยิงที่ไกลกว่าระยะของปืนใหญ่รถถัง ทำให้รถถัง OPLOT ได้เปรียบรถถังอื่นๆ
เครื่องคำนวณขีปนวิธีของรถถังแบบ TIUS-VM
ใช้ในการคำนวณแก้ค่าขีปนวิธีของกระสุนปืนใหญ่รถถัง โดย คอมพิวเตอร์แบบ LIO-V จะนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่างๆ จากระบบเซ็นเซอร์ที่วัดค่าได้ เช่น ความเร็วรถถัง, ความเร็วเชิงมุมของเป้าหมาย, อาการเอียงของแกนลำกล้องปืนใหญ่, ความเร็วของลมพัดขวาง, ระยะเป้าหมาย และมุมภาคของเป้าหมาย นอกจากนี้ข้อมูลอื่นๆ ก็จะถูกนำเข้าด้วยมือ เช่น อุณหภูมิโดยรอบ, อุณหภูมิดินส่งกระสุน, อาการสึกของลำกล้องปืนใหญ่ และความดันของอากาศโดยรอบ เป็นต้น นอกจากนี้คอมพิวเตอร์ยังทำการคำนวณเวลาที่เหมาะสมสำหรับกระสุนแบบ ดินระเบิดแรงสูงแบบมีสะเก็ด ( HE-FRAG ) ให้ระเบิดเหนือเป้าหมายได้อีกด้วย ระบบควบคุมการยิงมีประสิทธิภาพสูง เมื่อปุ่มไกปืนถูกกด ปืนจะทำการยิงก็ต่อเมื่อมีการแก้ค่าความแตกต่างระหว่าง แนวเส้นเล็งกับแนวแกนปืนใหญ่รถถังอยู่ในย่านที่ยอมรับได้ ขนาดของ “มุมยิง” ขึ้นอยู่กับระยะยิง และปัจจัยอื่นๆ ลำกล้องปืนใหญ่รถถังสามารถทำงานผิดเพี้ยนไปได้ด้วยสาเหตุต่างๆ เช่น ความร้อนจากการยิง, ฝนตกบนพื้นผิว, การแพร่กระจายคลื่นความร้อน หรือลมพัดขวางเป็นต้น ผลจากปัจจัยเหล่านี้ถูกลดลงโดยการนำเอาแผ่นกันความร้อนลำกล้องมาใช้ และเพื่อแก้ไขอาการคลาดเคลื่อน เนื่องจากความร้อนที่แพร่ออกจากลำกล้องปืนใหญ่ ได้มีการติดตั้งอุปกรณ์เซ็นเซอร์ที่ปากลำกล้องเพื่อส่งข้อมูลเกี่ยวกับการคลาดเคลื่อนของลำกล้องให้กับคอมพิวเตอร์คำนวณขีปนวิถีทำการแก้ไขทันที
เซ็นเซอร์ป้อนข้อมูลคอมพิวเตอร์คำนวณขีปนวิธีปืนใหญ่
เครื่องวัดมุมเอียง (Cant Sensor) ตัวเซ็นเซอร์หรือตัวตรวจจับนี้มีหน้าที่พิจารณาตำแหน่งของการเอียงของปืนทั้งสองแนวระนาบ เพื่อป้อนให้กับคอมพิวเตอร์คำนวณการยิง เครื่องวัดความเร็วลมทางข้าง (Cross Wind Sensor) มีหน้าที่วัดความเร็วลมที่เกิดการพัดขวาง เพื่อป้อนข้อมูลให้กับคอมพิวเตอร์คำนวณขีปนวิถีของปืนใหญ่รถถัง
ภาพแสดง เครื่องวัดความเร็วลมทางข้าง (Cross Wind Sensor)
เครื่องวัดความเร็วรถถัง (Tank Speed Sensor) มีหน้าที่วัดความเร็วรถถังในขณะเคลื่อนที่ เพื่อป้อนข้อมูลให้กับคอมพิวเตอร์คำนวณขีปนวิถีของปืนใหญ่รถถัง เครื่องวัดค่าตำแหน่งป้อมปืนเชิงมุม (Turret Attitude Sensor) มีหน้าที่วัดตำแหน่งเชิงมุมของป้อมปืนที่ทำกับตัวรถ (มุมป้อมปืน) เพื่อป้อนให้กับคอมพิวเตอร์คำนวณขีปนวิถีปืนใหญ่รถถัง
ระบบจุดอ้างปากลำกล้อง(Muzzle Reference System : MRS)
ระบบนี้มีหน้าที่ในการวัดค่าการบิดงอตัวของลำกล้อง เพื่อทำการป้อนข้อมูลให้กับคอมพิวเตอร์คำนวณขีปนวิธีปืนใหญ่รถถัง
แผ่นเกราะปฏิกิริยา (ERA) ประกอบด้วย
โมดูลผลึกแก้ว และแผ่นชายน้ำที่ติดเอาไว้ที่ตัวรถ เช่นเดียวกับชุดเกราะที่นำมาติดเอาไว้ด้านนอกของป้อมปืนตอนหน้าและด้านข้าง และด้านบนของป้อมปืน เกราะปฏิกิริยาแบบ Nozh ติดตั้งเอาไว้บริเวณตำแหน่งต่างๆ เพื่อป้องกันหัวรบแบบดินโพรง(Shape Charge) จากกระสุนระเบิดต่อสู้รถถัง (HEAT) ทุกแบบ และกระสุนเจาะเกราะทรงตัวด้วยครีบหางสลัดครอบทิ้งเอง (APFSDS) เกราะปฏิกิริยาแบบ Nozh ที่เป็นส่วนหนึ่งของชุดเกราะ จะไม่ระเบิดเมื่อถูกยิงด้วยกระสุน 12.7 มม., 30 มม.เจาะเกราะและสะเก็ดของกระสุนขนาดต่างๆ เกราะ Nozh จะถูกเก็บเอาไว้ในกล่องเก็บ หรือไว้ในตัวรถถังเพื่อป้องกันแสงอาทิตย์ หรืออุณหภูมิที่แตกต่างกันมากตั้งแต่ -50 ถึง+55 องศาเซลเซียส และยังสามารถเก็บรักษาเอาไว้ในสภาพความชื้นสูงถึง 100 % ที่อุณหภูมิ +35 องศาเซลเซียส เกราะ Nozh นี้สามารถรักษาคุณสมบัติเหล่านี้เอาไว้ได้นาน 10 ปี
ระบบป้องกัน นชค.
ระบบป้องกันอาวุธนิวเคลียร์ชีวะเคมีแบบสร้างแรงดันสูงมีหน้าที่ป้องกันพลประจำ และอุปกรณ์ต่างๆ ภายในรถจากพลประจำ และอุปกรณ์ต่างๆ ภายในรถจากผลของอาวุธนิวเคลียร์, ฝุ่นกัมมันตภาพรังสี, สารพิษและอาวุธชีวภาพ ตัวป้องกันการแผ่รังสีถูกออกแบบให้มีลักษณะเป็นเส้นที่ติดเอาไว้ด้านใน และภายในสถานีของพลยิงด้านนอกของผิวรถถัง และยังมีการติดตั้งแผ่นยางเอาไว้ภายใน เพื่อป้องกันการกะเทาะของเกราะจากภายใน ระบบมีหน้าที่ป้องกันพลประจำรถ และอุปกรณ์ภายในรถจากการระเบิดของนิวเคลียร์, การแพร่กระจายของรังสีเรเดียม, สารพิษหรืออาวุธชีวะ เช่น เดียวกับการตรวจหา และดับไฟในห้องปฏิบัติการของ พลประจำรถถัง และในห้องเครื่องยนต์ ด้วยระบบป้องกันต่างๆ ที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นทำให้ รถถัง OPLOT ถือได้ว่าเป็นรถถังที่ได้รับการป้องกันดีที่สุดแบบหนึ่งในโลก
ระบบช่วยนำทางอาศัยข้อมูลพื้นฐานจากดาวเทียม GLONASS และ GPS NAVSTAR ระบบจะแสดงข้อมูลให้กับผู้บังคับรถเกี่ยวกับตำแหน่งที่อยู่ของรถถังของตนมุมภาคทิศ และตำแหน่งต่างๆ ของกำลังฝ่ายเดียวกัน ช่วยให้ง่ายต่อการควบคุมการดำเนินกลยุทธ์ของหน่วยรถถัง โดยเฉพาะเมื่อต้องมีการปฏิบัติการในสภาพที่มีการสู้รบอย่างรุนแรงที่ต้องมีการปิดป้อม, ในเวลากลางคืน หรือในพื้นที่หมอกควันปกคลุมหนาแน่น ระบบยังแสดงข้อมูลอื่นๆ เช่นทิศทางการหันเลี้ยวให้กับพลขับ เพื่อให้มั่นใจต่อการเคลื่อนที่เข้าหาที่หมายที่ได้เลือกเอาไว้ล่วงหน้า ระบบช่วยนำทางยังช่วยให้ผู้บังคับรถถังสามารถส่งข้อมูล (รวมถึงข้อมูลที่เข้ารหัส) ผ่านทางช่องการติดต่อสื่อสารแบบดิจิตอล โดยใช้ชุดวิทยุมาตรฐานที่ติดอยู่ในรถ คุณสมบัติดังกล่าวได้แสดงให้เห็นถึงขีดความสามารถ ในการควบคุมบังคับบัญชา เพื่อรองรับกับระบบ C4I ในอนาคต
อุปกรณ์ติดต่อสื่อสาร
อุปกรณ์ติดต่อสื่อสาร ระบบสื่อสารประกอบไปด้วยชุดวิทยุความถี่สูงมากแบบ R-030-U และชุดวิทยุความถี่สูงแบบ R-163-50K และยังมีระบบติดต่อ ภายในรถ หรืออินเตอร์คอม (สามารถติดตั้งระบบวิทยุตามที่ลูกค้าต้องการได้ทุกประเภท)
ประสบการณ์ในการทำงานร่วมกันกับประเทศต่างๆ
เป็นไปตามความต้องการของลูกค้ารถถังหลักแบบ รถถัง OPLOT สามารถติดตั้งอุปกรณ์ได้อย่างหลากหลาย เพื่อสนองตอบตรงกับความต้องการ สิ่งอุปกรณ์เหล่านั้นผลิตโดยโรงงานในประเทศต่างๆ ที่เป็นผู้นำในแต่ละชนิดอุปกรณ์ได้แก่
- กล้องสร้างภาพด้วยความร้อนผลิตโดยบริษัท THALES ฝรั่งเศส
- ระบบติดต่อสื่อสารภายในของพลประจำรถ ผลิตโดยบริษัท THALES ฝรั่งเศส
- ปืนกลผลิตโดย Fn HERSTAL เบลเยียม
- อุปกรณ์นำทางผลิตโดยบริษัท LITEF เยอรมัน
- เซ็นเซอร์วัดสภาพอากาศผลิตโดย บริษัท IRDAM สวิสเซอร์แลนด์
รถถังหลักแบบ OPLOT ได้เคยผ่านการทดสอบมาอย่างหนักในหลายภูมิภาค เช่น ตุรกี, มาเลเซียและกรีซ จากการทดสอบได้แสดงให้เห็นว่ารถถังหลัก OPLOT นั้นสามารถปฏิบัติการได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นในภูมิภาคยุโรป, เอเชียและในที่อื่นๆ สามารถปฏิบัติการได้อย่างยอดเยี่ยมในทุกๆ สภาพอากาศ และในทุกๆ สภาพภูมิประเทศ การออกแบบของรถถัง OPLOT เน้นความอ่อนตัวที่สามารถปรับแต่งให้ได้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้ เพื่อให้เข้ากับภารกิจที่แตกต่างกันออกไป ความอ่อนตัวเพื่อการส่งออกเหล่านี้ได้แก่ ระบบปรับอากาศ, ระบบช่วยนำทางแบบก้าวหน้าของเยอรมัน, ปืนกลร่วมแกน และปืนกลต่อสู้อากาศยานทำในเบลเยียม, ชุดวิทยุที่ออกแบบโดยฝรั่งเศส, อิสราเอล ฯลฯ รถถังถูกออกแบบโดยเน้นระบบเป็นแบบชุดสำเร็จรูป (Modular) ช่วยให้การสับเปลี่ยนชิ้นส่วนอุปกรณ์สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว เพื่อสนองตอบปรับเปลี่ยนไปตามภัยคุกคามที่พัฒนาไปไม่หยุดยั้ง เช่น อาวุธนำวิถีต่อสู้รถถัง หรือแม้แต่การปรับแต่งให้ตรงกับความต้องการของแต่ละกองทัพก็สามารถทำได้ง่าย โดยคงไว้ซึ่งอำนาจการยิง,เกราะป้องกันและความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่ ปัจจุบันมีการพัฒนาปรับปรุงขีดความสามารถทางเทคนิคอยู่หลายรายการ รวมถึง ระบบปฏิบัติการในสนามรบที่ทำงานร่วมกับแผนที่ดิจิตอล ทำให้ผู้บังคับรถมีความเข้าใจสถานการณ์การรบดีขึ้น ทำให้รถถังสามารถตอบสนองความต้องการทางยุทธวิธีได้อย่างรวดเร็ว ลดภาระการทำงานของพลประจำลงรวมถึงความเสี่ยงในการยิงฝ่ายเดียวกัน, ระบบควบคุมติดตามเป้าหมายแบบอัตโนมัติในระบบควบคุมการยิง จะช่วยยกระดับความสามารถในการยิงเป้าหมายที่กำลังเคลื่อนที่ ลดความผิดพลาดในการติดตามเป้าหมายของพลยิงลง, การพิสูจน์ฝ่ายในสนามรบ, ระบบจัดการเครื่องยนต์แบบอิเลคทรอนิคส์, ระบบติดต่อสื่อสารแบบดิจิตอลระหว่างรถถัง ฯลฯ
ที-84 รุ่นต่างๆ
- ที-84: พัฒนามาจากที-80 ปรับปรุงป้อมปืนและระบบต่อต้าน Shtora-1 ระบบอิเล็กทรอนิค ปืนใหญ่ และเกราะ เครื่องยนตร์ 1,200 แรงม้า (895 กิโลวัต) 6TD-2 ดีเซล.
- ที-84 ยู: เพิ่มระบบเกราะด้านข้างตัวรถ ระบบเกราะ Kontakt-5 ระบบกำเนิดพลังงานสำรอง, กล้องมองความร้อน, ระบบสื่อสารดาวเทียม, ระบบวัดระยะด้วยเลเซอร์, ระบบควบคุมกระบอกปืน,
- ที-84 โอพลอต: ปรับปรุงมาจากรุ่น ที-84 ยู ปรับปรุงป้อมปืนแบบตะวันตก, ปืนใหญ่ 125 มม. ระบบบรรจุกระสุนอัตโนมัติ
- ที-84-120 ยาตากัน: โอพลอตรุ่นสำหรับกองทัพตุรกี ติดตั้งปืนใหญ่ 120 มม. มาตรฐานนาโต้ ปรับปรุงระบบปรับอากาศ ระบบควบคุมกระบอกปืน ระบบควบคุมการยิง และระบบสื่อสาร
- ที-84 โอพลอต-เอ็ม (Modernized), หรือ บีเอ็ม โอพลอต: เป็นรุ่นปรับปรุงล่าสุดของ ที-84 โอพลอต โดยการปรับปรุงเกราะป้องกันให้หนาขึ้น ระบบอิเล็กทรอนิค, ระบบตอบโต้ ติดตั้งกล้องตรวจการรอบตัว PNK-6 [3]
ประเทศผู้ใช้งาน
คุณสมบัติ T-84 Oplot M
คุณลักษณะทางเทคนิคของรถถัง OPLOT ประเภท : รถถังหลัก (Main Battle Tank : MBT)
- น้ำหนักรวม : 48 ตัน +-3%
- พลประจารถ : 3 นาย
- อัตราส่วนกำลังต่อน้าหนัก : ไม่ต่ำกว่า 18.2 kw / ตัน (24.7 แรงม้า/ตัน)
- น้ำหนักกดบนพื้นดิน : ระหว่าง 0.097 MPa ( 0.097 kg/ cm2 )
- ย่านอุณหภูมิใช้งาน : -40 ถึง +55 องศาเซลเซียส
- ความยาว :
- ปืนใหญ่ชี้ไปข้างหน้า 9,720 มม.
- ปืนใหญ่หันไปข้างหลัง 9,750 มม.
- ตัวรถ 7,075 มม.
- ความกว้าง :
- ไม่รวมชายน้ำด้านข้างแบบถอดได้ 3,400 มม.
- รวมชายน้ำด้านข้างแบบถอดได้ 4,275 มม.
- สูง วัดถึงกล้องตรวจการณ์ผู้บังคับรถ 2,800 มม.
- ความยาวของสายพานบนพื้น 4,290 มม.
- ท้องรถสูงพ้นพื้น 470–500 มม.
- สายพาน 2,800 มม.
- อาวุธ :
- ปืนใหญ่ลำกล้องเรียบแบบ 2A46M-1 ( KBA-3 ) ขนาด 125 มม. 1 กระบอก (สามารถยิงอาวุธนำวิถีต่อสู้รถถังได้)
- ปืนกลร่วมแกนแบบ PKT ( KT-7.62 ) ขนาด 7.62 มม. 1 กระบอก
- ปืนกลแบบ NSVT ( KT-12.7 ) ขนาด 12.7 มม. 1 กระบอก
- เครื่องยิงลุกระเบิดควัน 12 ท่อยิง
- ความเร็วในการเคลื่อนที่ :
- เฉลี่ย (บนถนนดินธรรมชาติ) 40-45 กม./ชม.
- สูงสุด (บนถนนพื้นแข็ง) 70 กม./ชม.
- เมื่อใช้เกียร์ถอยหลัง :
- ต่ำสุด 4.8 กม./ชม.
- สูงสุด 31.3 กม./ชม.
ความสิ้นเปลืองน้ามันเพลิงต่อ 100 กม.
- บนถนนดินธรรมชาติแห้ง 325-370 ลิตร
- บนถนนผิวแข็ง ไม่เกิน 300 ลิตร
ระยะปฏิบัติการ :
- บนถนนดินธรรมชาติ :
- ใช้น้ำมันเชื่อเพลิงจากรถถังหลัก 350 กม.
- ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจากถังอะไหล่เพิ่ม 450 กม.
- บนถนนผิวแข็ง :
- ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจากรถถังหลัก 400 กม.
- ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจากถังอะไหล่เพิ่ม 500 กม.
- การข้ามเครื่องกีดขวาง :
- ลาดชัน 58 องศา
- ลาดทางข้าง 25 องศา
- คู กว้าง 2.85 เมตร
- เครื่องกีดขวางแนวตั้ง (สูง) 1 เมตร
- ลุยน้ำลึก (โดยไม่ต้องเตรียมการ) 1.8 เมตร
- ลุยน้ำลึกโดยใช้อุปกรณ์ลุยน้า 5 เมตร โดยไม่จำกัดความกว้าง และระยะทาง
- กระสุน :
- กระสุนสำหรับปืนใหญ่รถถัง : ทั้งหมด 46 นัด (28 นัดในช่องใส่กระสุนพร้อมยิง (Carouselle) สำหรับเครื่องบรรจุกระสุนอัตโนมัติ)
- ชนิดของกระสุนปืนใหญ่รถถัง :
- กระสุนเจาะเกราะทรงตัวด้วยครีบหางสลัดทิ้งเอง APDSFS ระยะยิงหวังผล 2,800เมตร
- กระสุนระเบิดแรงสูงแรงสูงต่อสู้รถถัง HEAT ระยะยิงหวังผล 2,600เมตร
- กระสุนระเบิดแรงสูงแรงสูงมีสเก็ด HE-FRAG ระยะยิงหวังผล 2,600เมตร
- อาวุธนําวิถีต่อสู้รถถังแบบ AT-11 ระยะยิงหวังผล 5,000เมตร
กระสุนสำหรับอาวุธอื่นๆ :
- ปืนกล KT – 7.62 จานวน 1,250 นัด
- ปืนกล KT – 12.7 จานวน 450 นัด
- ปืนไรเฟิลแบบ AKS จานวน 450 นัด
- กระสุนปืนยิงพลุสัญญาณ จานวน 12 นัด
- ระเบิดมือแบบ F-1 จานวน 10 ลูก
- ระเบิดสำหรับสร้างฉากควัน จานวน 12 ลูก
อ้างอิง
- George Forty & Jack Livesey,the World Encyclopedia of Tanks,Anness,2006
แหล่งข้อมูลอื่น
|image1=รูปภาพของ ที-84
- ข้อมูลและรูปภาพที-84 โอพลอต
- Kharkiv Morozov Machine Building Design Bureau—เว็บไซต์ผู้ผลิตผู้ผลิต หน้าสำหรับ T-80UD, T-84, Oplot, และ BTMP-84.
- T-84 MBT ที่ globalsecurity.org