ไดกิ คาเมดะ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไดกิ คาเมดะ
ฉายา浪速乃弁慶 (พระนักรบยอดนักสู้แห่งโอซากะ)
รุ่นฟลายเวท
ซูเปอร์ฟลายเวท
แบนตัมเวท
ซูเปอร์แบนตัมเวท
ส่วนสูง167 เซนติเมตร
เกิด6 มกราคม พ.ศ. 2532 (35 ปี)
โอซากะ ประเทศญี่ปุ่น
ชกทั้งหมด33
ชนะ29
ชนะน็อก18
แพ้4
เสมอ0

ไดกิ คาเมดะ (ญี่ปุ่น: 亀田 大毅โรมาจิKameda Daiki) นักมวยสากลชาวญี่ปุ่น เป็นน้องชายคนที่ 2 ของตระกูลคาเมดะ เป็นน้องชายแท้ ๆ ของ โคกิ คาเมดะ

ประวัติ[แก้]

ไดกิ คาเมดะ ก่อนขึ้นชิงแชมป์โลกครั้งแรกกับไดซูเกะ ไนโต แชมป์โลกของสภามวยโลก (WBC) รุ่นฟลายเวท ที่สามารถคว้าแชมป์ด้วยการเอาชนะพงษ์ศักดิ์เล็ก กระทิงแดงยิม นักมวยชาวไทยไปได้ ในปี พ.ศ. 2550 นั้น คาเมดะสามารถเอาชนะน็อกวันดี สิงห์วังชา นักมวยไทยอีกคนที่เป็นอดีตแชมป์โลก WBC 2 สมัยใน 2 รุ่นไปได้ในยกที่ 6 ชกจนติดอันดับโลกในลำดับที่ 14 ของ WBC แต่การชกชิงแชมป์โลกกับไดซูเกะนั้น ปรากฏว่าคาเมดะเป็นฝ่ายแพ้คะแนนไป โดยการชกในครั้งนี้เป็นไปอย่างไม่โปร่งใส เพราะ ชิโร คาเมดะ ผู้เป็นพ่อสอนคาเมดะผู้เป็นลูกชายระหว่างพักยกที่มุมเวทีตลอดให้ใช้วิธีการชกที่ผิดกติกา เช่น ใช้ศีรษะชน เป็นต้น โดยกล้องที่ดำเนินการถ่ายทอดสามารถจับเสียงนี้ได้ชัดเจน ส่งผลให้คณะกรรมการมวยสากลอาชีพของญี่ปุ่น (JBC) ลงโทษห้ามยุ่งเกี่ยวกับมวยอีกเลยตลอดชีวิต ในส่วนของไดกิ คาเมดะ เอง ก็ถูกลงโทษแบนห้ามขึ้นชกเป็นเวลา 2 ปี

จากนั้นเมื่อพ้นโทษ 2 ปีออกมาแล้ว ไดกิ คาเมดะ ได้มีโอกาสชิงแชมป์โลกอีกครั้งของสมาคมมวยโลก (WBA) ในรุ่นฟลายเวท ในฐานะรองแชมป์โลก WBA อันดับ 11 กับ เด่นเก้าแสน กระทิงแดงยิม ในวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2552 ที่ เซ็นทรัลยิม โอซากะ ซึ่งตลอดระยะเวลาก่อนการชก คาเมดะได้พยายามยียวนกวนประสาทเด่นเก้าแสนตลอด จนถูกสื่อมวลชนของญี่ปุ่นเองโห่ใส่ เนื่องจากถือเป็นการแสดงกิริยาที่ไม่มีมารยาท และในวันที่ขึ้นชก ก็มีแฟนมวยชาวญี่ปุ่นเข้ามาชมไม่เต็มความจุสนามด้วย ผลการชกก็ออกมาปรากฏว่า คาเมดะ เป็นฝ่ายแพ้คะแนนไปอีกอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนน 114–114, 115–113, 115–113[1]

คาเมดะมาประสบความสำเร็จในการชิงแชมป์โลกครั้งที่ 3 เมื่อพบกับ เด่นเก้าแสน อีกครั้ง ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 ที่โคเบะ ในฐานะรองแชมป์โลก WBA อันดับ 11 เหมือนกับการชกกับเด่นเก้าแสนครั้งแรก ซึ่งก่อนการชกครั้งนี้ คาเมดะได้ไปเก็บตัวที่ประเทศฟิลิปปินส์ แต่ไม่ได้ขึ้นชกกับใครอีก ตลอดการชกทั้ง 12 ยก คาเมดะได้ใช้ลูกตุกติกด้วยการเข้ากอดและล้มลงอยู่หลายครั้ง จนกรรมการสั่งตัดคะแนนเด่นเก้าแสนไปถึง 2 ครั้ง ในที่สุดเมื่อครบ 12 ยก คาเมดะเป็นฝ่ายชนะคะแนนไปอย่างเอกฉันท์ 110–116, 112–114, 110–116 และสร้างประวัติศาสตร์เป็นคู่พี่น้องที่เป็นแชมป์โลกพร้อมกันเป็นครั้งแรกของญี่ปุ่น

ต่อมาในวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ไดกิ คาเมดะ ได้เลื่อนรุ่นขึ้นมาชกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวท ต่อมาไดกิได้ชิงแชมป์โลกของสมาคมมวยโลกรุ่นนี้ ในฐานะรองแชมป์โลก WBA อันดับ 1 พบกับ เทพฤทธิ์ สิงห์วังชา นักมวยชาวไทย ที่ศูนย์กีฬาในร่มจังหวัดโอซากะ เมืองโอซากะ ปรากฏว่าไดกิ คาเมดะ เป็นฝ่ายแพ้คะแนนเมื่อครบ 12 ยกอย่างเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนน 115–113, 116–112 และ 119–110 พร้อมด้วยสภาพร่างกายที่บอบช้ำและหน้าตาที่บวมปูดเพราะพิษหมัดของเทพฤทธิ์[2]

ต่อมาได้ขึ้นชิงแชมป์โลก IBF รุ่นจูเนียร์แบนตัมเวท ของ ที่ว่าง กับ โรดริโก เกร์เรโร นักมวยชาวเม็กซิกัน ที่คางาวะ เมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2556 ผลปรากฏว่าไดกิ คาเมดะ ชนะคะแนนไปแบบเอกฉันท์ แต่ต่อมาก็ได้ชกล้มแชมป์กับแชมป์โลกรุ่นเดียวกันของ WBA คือ ลิโบริโอ โซลิส นักมวยชาวเวเนซุเอลา เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ปีเดียวกัน ผลปรากฏว่าไดกิ คาเมดะ เป็นฝ่ายแพ้คะแนนไป แม้ก่อนหน้านั้นในการชั่งน้ำหนัก โซลิส จะเป็นฝ่ายเสียแชมป์โลกเนื่องจากทำน้ำหนักไม่ผ่านก็ตาม[3]

เกียรติประวัติ[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. เทปการชกของเด่นเก้าแสน กับ ไดกิ คาเมดะ (ครั้งที่ 1)
  2. ""เทพฤทธิ์" สอนมวย "คาเมดะ" ก่อนชนะแต้มขาดลอย". เดลินิวส์. 7 December 2011. สืบค้นเมื่อ 3 January 2013.
  3. ""แชแม้" ยัน "แวฮามะ" ไม่เป็นรอง "โคเฮอิ โคโนะ"". เดลินิวส์. 30 December 2012. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-01-02. สืบค้นเมื่อ 3 January 2013.