มักซีมีเลียง รอแบ็สปีแยร์
มักซีมีเลียง รอแบ็สปีแยร์ Maximilien Robespierre | |
---|---|
ภาพวาดรอแบ็สปีแยร์ราวปี ค.ศ. 1790 ที่พิพิธภัณฑ์การ์นาวาแล กรุงปารีส | |
กรรมาธิการความปลอดภัยส่วนรวม | |
ดำรงตำแหน่ง 27 กรกฎาคม 1793 – 28 กรกฎาคม 1794 | |
ก่อนหน้า | ตอมา-โอกุสแต็ง เดอ กัสปาแร็ง |
ถัดไป | ฌัก-นีกอลา บีโย-วาแรน |
ประธานที่ประชุมใหญ่แห่งชาติ | |
ดำรงตำแหน่ง 4 มิถุนายน 1794 – 17 มิถุนายน 1794 | |
ก่อนหน้า | โกลด-อ็องตวน พรีเยอร์-ดูว์แวร์นัว |
ถัดไป | เอลี ลาก็อสต์ |
ดำรงตำแหน่ง 22 สิงหาคม 1793 – 5 กันยายน 1793 | |
ก่อนหน้า | มารี-ฌ็อง เอโร เดอ เซแชล |
ถัดไป | ฌัก-นีกอลา บีโย-วาแรน |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 6 พฤษภาคม ค.ศ. 1758 อารัส ประเทศฝรั่งเศส |
เสียชีวิต | 28 กรกฎาคม ค.ศ. 1794 ปารีส ประเทศฝรั่งเศส | (36 ปี)
เชื้อชาติ | ฝรั่งเศส |
ศาสนา | เทวัสนิยม |
พรรคการเมือง | ฌากอแบ็ง |
ศิษย์เก่า | ลีเซหลุยส์-เลอ-กร็อง |
วิชาชีพ | ทนายความและนักการเมือง |
ลายมือชื่อ | |
มักซีมีเลียง ฟร็องซัว มารี อีซีดอร์ เดอ รอแบ็สปีแยร์ (ฝรั่งเศส: Maximilien François Marie Isidore de Robespierre) เป็นนักกฎหมาย นักการเมือง รวมทั้งเป็นหนึ่งในบุคคลผู้มีบทบาทที่สุดในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส เป็นทั้งสมาชิกรัฐสภาและสมาชิกสโมสรฌากอแบ็ง เขาเป็นกระบอกเสียงให้แก่คนยากจนและต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และยังเป็นผู้ผลักดันการควบคุมราคาสินค้าโภคภัณฑ์ขั้นพื้นฐานตลอดจนการล้มล้างระบบทาสในอาณานิคมของฝรั่งเศส เขายังเป็นแกนนำผู้คัดค้านโทษประหารชีวิต อย่างไรก็ตาม เมื่อเขากุมอำนาจประเทศ เขากลับกวาดล้างฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่ปราณีจนนำไปสู่สมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัว พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ขุนนาง และนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามจำนวนมาก ล้วนถูกประหารชีวิตด้วยกิโยตีนไปในช่วงเวลานี้
ประวัติ
[แก้]มักซีมีเลียง รอแบ็สปีแยร์ เกิดเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ค.ศ. 1758 ที่เมืองอารัส แคว้นนอร์-ปาดกาแล ราชอาณาจักรฝรั่งเศส เป็นบุตรคนโตของนายพร็องซัว มักซีมีเลียง บาร์เตเลมี เดอ รอแบ็สปีแยร์ (François Maximilien Barthélémy de Robespierre) ทนายความ กับนางฌักลีน มาร์เกอริต กาโร (Jacqueline Marguerite Carrault) บุตรสาวเจ้าของโรงเหล้า เมื่อมีอายุแปดปี มักซีมีเลียงเข้าศึกษาระดับประถมที่วิทยาลัยอารัส
ต่อมาในปี 1769 พระคุณเจ้ามุขนายกแห่งอารัสช่วยให้เขาได้รับทุนการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนหลุยส์-เลอ-กร็อง สถานศึกษาเลื่องชื่อแห่งกรุงปารีส และได้เป็นเพื่อนกับกามีย์ เดมูแล็ง และสตานิสลัส เฟรรง ระหว่างเรียนที่นี่ เขาได้เรียนและเริ่มสนใจสังคมอุดมคติแบบสาธารณรัฐโรมัน ตลอดจนวาทกรรมของกิแกโร, กาโต และบรูตุส นอกจากนี้ เขายังชอบอ่านหนังสือ สัญญาประชาคม ของปราชญ์อย่างฌ็อง-ฌัก รูโซ และคล้อยตามความคิดหลาย ๆ อย่าง[1] มักซีมีเลียงมองว่า "เจตจำนงร่วม" (volonté générale) ของประชาชนเป็นพื้นฐานของสิทธิธรรมทางการเมือง[2]
รอแบ็สปีแยร์เข้าศึกษาสาขากฎหมายที่มหาวิทยาลัยปารีส และจบการศึกษาในปี 1780 และในปีถัดมาก็สำเร็จเป็นเนติบัณฑิต มุขนายกแห่งอารัสแต่งตั้งเขาเป็นหนึ่งในห้าผู้พิพากษาศาลอาญาเมืองอารัสในปี 1782 มักซีมีเลียงในช่วงนี้ต่อต้านโทษประหารชีวิต เขาอึดอัดใจที่แต่ละสัปดาห์มีคดีโทษประหารเข้าสู่ศาลจำนวนมาก นั่นทำให้เขาเป็นผู้พิพากษาได้เพียงไม่นานก็ลาออก[3] หลังลาออกจากตำแหน่งผู้พิพากษาได้ไม่นาน เขาได้รับเลือกเป็นสมาชิกบัณฑิตยสภาแห่งอารัสในเดือนพฤศจิกายน 1783[4] เขาเขียนบทความเรื่อง ญาติของอาชญากรผู้เสื่อมเสียสมควรถูกประณามด้วยหรือไม่? ใน ค.ศ. 1784 และได้รับรางวัลจากบัณฑิตยสภาแห่งแม็ส และได้รับยกย่องเป็น "วรรณบุรุษ"[5]
การปฏิวัติฝรั่งเศส
[แก้]เข้าสู่การเมือง
[แก้]ในเดือนสิงหาคม 1788 เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ทรงตรากฤษฎีกาจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาฐานันดรเพื่อแก้ไขปัญหาการคลังและระบบภาษีของประเทศ รอแบ็สปีแยร์เข้าร่วมการอภิปรายหารือถึงวิธีการเลือกตั้งรัฐบาลส่วนภูมิภาคของฝรั่งเศส เขาระบุว่าหากยังใช้วิธีการเลือกตั้งแบบเดิมกับเมื่อสองร้อยกว่าปีที่แล้ว สภาฐานันดรในคราวนี้จะไม่ได้ผู้แทนส่วนภูมิภาคที่เป็นปากเป็นเสียงของประชาชนฝรั่งเศสเลย[6]
รอแบ็สปีแยร์ลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตของตนเองและหาเสียงโดยกล่าวโจมตีการทำงานของหน่วยงานท้องถิ่น ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้รับความนิยมจากชาวชนบทจำนวนมาก และชนะเลือกตั้งเป็นหนึ่งในผู้แทนฐานันดรที่สามจำนวนสิบหกคนจากจังหวัดปาดกาแลในเดือนเมษายน 1789[7] เหล่าผู้แทนเดินทางไปถึงพระราชวังแวร์ซายและรับฟังสุนทรพจน์ยาวสามชั่วโมงของฌัก แนแกร์ และยังได้รับแจ้งว่าการออกเสียงในสภาให้เป็นไปตาม "รายฐานันดร" ไม่ใช่ "รายหัว" รอแบ็สปีแยร์มองว่าพวกเขาไม่สามารถเป็นปากเป็นเสียงได้จริงในสภาที่ใช้ระบบแบบนี้ ผู้แทนฐานันดรที่สามไม่มีวันโหวตชนะ รอแบ็สปีแยร์จึงร่วมกับผู้แทนฐานันดรที่สามซึ่งเป็นผู้แทนคน 96% ของประเทศ จัดตั้งสมัชชาแห่งชาติ (Assemblée nationale) เป็นสภาใหม่ที่แยกจากสภาฐานันดร[8] ในที่สุดพระเจ้าหลุยส์ก็ทรงยอมรับสภาใหม่นี้
รอแบ็สปีแยร์มีความเกี่ยวข้องกับสมาคมเพื่อนรัฐธรรมนูญหรือเรียกอีกชื่อว่าสโมสรฌากอแบ็ง (Jacobins) ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกราว 1,200 คนที่ต้องการความเปลี่ยนแปลงในฝรั่งเศส หลักสำคัญของอุดมการณ์ฌากอแบ็งคือ "ความเสมอภาค" ในเดือนมกราคม 1790 รอแบ็สปีแยร์ขึ้นกล่าวในสภาหลายครั้งในประเด็นสิทธิพลเมืองที่เท่าเทียมโดยไม่เกี่ยงว่าจะจ่ายภาษีมากน้อยรวมถึงสิทธิในการเลือกตั้ง เขากล่าวอย่างโผงผางว่าชาวฝรั่งเศสต้องสามารถเป็นข้าราชการทุกตำแหน่งโดยเอาความสามารถและคุณธรรมเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่เอาฐานะเป็นที่ตั้ง[9] และนั่นทำให้เขาเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาจนได้รับเลือกเป็นประธานที่ประชุมใหญ่แห่งชาติในเดือนมีนาคมของปีนั้น[10] ในวันที่ 28 เมษายน รอแบ็สปีแยร์เสนอญัตติให้ตุลาการศาลทหารประกอบด้วยนายทหารและพลทหารอย่างละครึ่ง[11]
การประหารพระเจ้าหลุยส์
[แก้]ภายหลังพระเจ้าหลุยส์ถูกถอดจากบัลลังก์และถูกไต่สวนความผิดโดยสภา อดีตกษัตริย์หลุยส์ที่บัดนี้ใช้ชื่อว่า นายหลุยส์ กาแป ยกกฎหมายสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ขึ้นมาต่อสู้ว่า "กษัตริย์และการกระทำของพระองค์จะถูกละเมิดมิได้" สโมสรฌากอแบ็งจึงแตกเป็นสองกลุ่ม คือกลุ่มลามงตาญที่ต้องการให้ประหารอดีตกษัตริย์ กับกลุ่มฌีรงแด็งที่ต้องการให้ดำเนินการอย่างรอมชอมโดยไม่ละเมิดกฎหมายบ้านเมือง บ้างก็เสนอให้กักขังหรือเนรเทศอดีตกษัตริย์[12] ในห้วงเวลานี้ รอแบ็สปีแยร์ปราศรัยในสภาว่าอดีตกษัตริย์หลุยส์ละเมิดกฎหมายเอง ดังนั้นจึงไม่อาจยกความละเมิดมิได้มาเป็นข้อต่อสู้
การค้นพบเอกสารลับ 726 ฉบับในห้องบรรทมที่พระราชวังตุยเลอรี ในวันที่ 20 พฤศจิกายน 1792 ซึ่งเป็นจดหมายที่อดีตพระเจ้าหลุยส์เขียนตอบโต้กับบรรดานายธนาคารและรัฐมนตรี ทำให้ปฏิกิริยาของฝูงชนหันมาต่อต้านองค์กษัตริย์ในทันที[13] แม้อดีตกษัตริย์จะโต้แย้งว่าไม่รู้เรื่องจดหมายเหล่านี้ และจดหมายเหล่านี้ก็ไม่ได้มีพระปรมาภิไธยของพระองค์อยู่ แม้มีหลักกฎหมายให้สันนิษฐานว่าจำเลยบริสุทธิ์ไว้ก่อน แต่รอแบ็สปีแยร์ได้กล่าวในสภาว่า "...เขาย่อมถูกสันนิษฐานอย่างนั้นจนกว่าจะตัดสิน แต่ถ้าหลุยส์ได้ยกฟ้องโดยสันนิษฐานว่าบริสุทธิ์ แล้วฝ่ายปฏิวัติจะเป็นยังไงกัน? ถ้าหลุยส์บริสุทธิ์ล่ะก็ เท่ากับว่าผู้พิทักษ์เสรีภาพทั้งหมดใส่ร้ายเขางั้นสิ..."[14] รอแบ็สปีแยร์เสนอให้ประหารชีวิตพระเจ้าหลุยส์ ทั้งที่ตัวเขาคัดค้านโทษประหารชีวิตมาตลอด ด้วยคำกล่าวที่ว่า "แน่นอน โดยทั่วไป โทษประหารคืออาชญากรรม หลักธรรมชาติอันยืนยงมิอาจยอมรับมันได้ แต่ยกเว้นกรณีเพื่อปกป้องความปลอดภัยของบุคคลหรือสังคม..."[15] ท้ายที่สุด ในวันที่ 15 มกราคม 1793 สภามีมติตัดสินว่าอดีตกษัตริย์หลุยส์มีความผิดจริงฐาน "สมคบประทุษร้ายต่อเสรีภาพปวงชนและความมั่นคงแห่งรัฐ" (conspiration contre la liberté publique et la sûreté générale de l'État)
กลุ่มฌีรงแด็งสิ้นอำนาจ
[แก้]ภายหลังการประหารพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 อิทธิพลของรอแบ็สปีแยร์และฌอร์ฌ ด็องตง เพิ่มขึ้นท่ามกลางบ้านเมืองที่อยู่ในสภาพกลียุค อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมใหญ่แห่งชาติก็ยังถูกนักการเมืองกลุ่มฌีรงแด็งครอบงำอยู่ ผู้ชุมนุมประท้วงต่างโกรธแค้นที่กลุ่มฌีรงแด็งจุดชนวนสงครามกับประเทศเพื่อนบ้าน[16] ในวันที่ 6 เมษายน มีการแต่งตั้งผู้แทนเข้าไปในกรรมาธิการความปลอดภัยส่วนรวมเพิ่มเติม สมาชิกทั้งหมดมาจากฝ่ายลาแปลนและด็องตง แต่ไม่มีกลุ่มฌีรงแด็งหรือกลุ่มรอแบ็สปีแยร์ รอแบ็สปีแยร์ไม่พอใจที่ไม่ได้รับเลือกและบอกสโมสรฌากอแบ็งว่าจะต้องจัดตั้งกองทัพของพวกซ็อง-กูว์ล็อตเพื่อป้องกันคอมมูนปารีส (นครบาลกรุงปารีส) และจับกุมเหล่าผู้แทนนอกรีต ซึ่งเขาได้เอ่ยชื่อ ดยุกแห่งออร์เลอ็อง, บรีโซ, แวร์โญ, กาแด และฌ็องซอเน[17] ถึงตอนนี้ รอแบ็สปีแยร์มองว่าบ้านเมืองมีเพียงสองฝ่าย คือฝ่ายประชาชนและฝ่ายศัตรูของประชาชน[18]
ในวันที่ 15 เมษายน กองทัพประชาชนจากทั่วสารทิศเข้าล้อมสภาและเรียกร้องถอดถอนผู้แทนฯ ที่อยู่ในกลุ่มฌีรงแด็งทั้งหมด สภายังคงเดินหน้าพิจารณาวาระกฎหมายต่าง ๆ ต่อไปอีกนับสัปดาห์ ในช่วงนี้ รอแบ็สปีแยร์ได้เสนอกฎหมายกรรมสิทธิ์สี่มาตราและยังผลักดันการเก็บภาษีแบบก้าวหน้า ต่อมาในวันที่ 26 พฤษภาคม หลังผ่านหลายสัปดาห์แห่งความเงียบสงบ รอแบ็สปีแยร์อภิปรายอย่างอาจหาญว่าสโมสรฌากอแบ็ง "ต้องร่วมลุกฮือเพื่อต่อต้านพวกผู้แทนทุจริต"[19] แต่ประธานสภาอีสนาร์ดตอบโต้ว่าสภาจะไม่คล้อยตามความรุนแรงใด ๆ และนครบาลกรุงปารีสจะเคารพผู้แทนจากทุกที่ในฝรั่งเศส[20] และไม่อนุญาตให้รอแบ็สปีแยร์พูดอภิปรายต่อ ในวันที่ 28 พฤษภาคม นครบาลกรุงปารีสยินยอมให้มีการจัดตั้งกองทัพซ็อง-กูว์ล็อตเพื่อพิทักษ์การปฏิวัติและกฎหมายสาธารณรัฐ[19]
เช้า 31 พฤษภาคม ฟร็องซัว อ็องรีโย ผู้บัญชาการกองอารักษ์ชาติ (Garde Nationale) สั่งยิงปืนใหญ่ที่ปงเนิฟเพื่อเป็นสัญญาณเตือน ผู้แทนฯ แวร์โญเสนอให้จับกุมอ็องรีโย รอแบ็สปีแยร์อภิปรายว่าแวร์โญและฝ่ายฌีรงแด็งเป็นพวกนิยมเจ้า[21] และเรียกร้องให้จับกุมกลุ่มฌีรงแด็งทั้งหมด ในเช้าวันต่อมา 1 มิถุนายน ฝูงชนติดอาวุธ 12,000 คนรายล้อมสภาเพื่อสนับสนุนการจับกุมกลุ่มฌีรงแด็ง ในช่วงบ่ายก็เรียกร้องให้จัดตั้งกองทัพปฏิวัติของชนชั้นซ็อง-กูว์ล็อตในทุกเมืองของฝรั่งเศส ในที่สุดก็มีการจับกุมมาดามรอล็องและกลาเวียร์ในวันนั้น แต่อารีโอยังไม่พอใจและกดดันให้จับกุมผู้นำฌีรงแด็ง 26 คนที่เหลือ ในช่วงค่ำของวันนั้น จำนวนมวลชนที่ล้อมสภาเพิ่มขึ้นถึง 40,000 คน
2 มิถุนายน อ็องรีโยสั่งให้กองอารักษ์ชาติเดินขบวนจากออแตลเดอวีลไปยังพระราชวังตุยเลอรี กองทัพประชาชนซึ่งมีจำนวนกว่า 80,000 ถึง 100,000 คน[22] นำปืนใหญ่เข้าล้อมที่ประชุมสภา กลุ่มณีรงแด็งเชื่อว่าเอกสิทธิ์ยังปกป้องพวกเขาอยู่ แต่ประชาชนนอกหน้าต่างกำลังเรียกร้องให้จับกุมพวกเขา พวกเขาพยายามออกจากพระราชวังแต่ถูกล้อมไว้ทุกทาง ในที่สุดก็ต้องเดินกลับห้องประชุมและลาออกจากตำแหน่ง แต่ละคนถูกจับกุมทันทีหลังกล่าวลาออก[23]
กลุ่มลามงตาญเรืองอำนาจ
[แก้]10 มิถุนายน 1793 กลุ่มลามงตาญกุมอำนาจในที่ประชุมใหญ่แห่งชาติ รอแบ็สปีแยร์มอบหมายหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้แก่หลุยส์ อ็องตวน เดอ แซ็ง-ฌุสต์ รัฐธรรมนูญใหม่บังคับใช้ในวันที่ 24 มิถุนายน รัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้สิทธิ์เลือกตั้งแก่ผู้ชายโดยถ้วนหน้า ยกเลิกระบบทาสทั้งหมด
3 กรกฎาคม ตอมา-โอกุสแต็ง เดอ กัสปาแร็ง (Gasparin) ลาออกจากกรรมาธิการความปลอดภัยส่วนรวม รอแบ็สปีแยร์จึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นเป็นกรรมาธิการความปลอดภัยส่วนรวมเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม และได้รับแต่งตั้งเป็นประธานที่ประชุมใหญ่ในวันที่ 21 สิงหาคม[24] ระหว่างนี้ก็มีการเปลี่ยนตัวกรรมาธิการความปลอดภัยส่วนรวมหลายคน สถานการณ์ในบ้านเมืองก็ยังปั่นป่วนวุ่นวาย
10 ตุลาคม ที่ประชุมใหญ่แห่งชาติผ่านมติรับรองให้คณะกรรมาธิการความปลอดภัยส่วนรวมเป็น "รัฐบาลปฏิวัติ" ซึ่งมีอำนาจสูงสุดเฉพาะกาลจนกว่าสถานการณ์จะสงบ รัฐธรรมนูญถูกระงับใช้ ทำให้รอแบ็สปีแยร์กลายเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดโดยพฤตินัย ในเวลาปีเดียว เขาจับกุมและประหารผู้คนนับพันตั้งแต่ความผิดเล็กน้อยจนถึงความผิดอุกฉกรรจ์ แม้แต่การใส่ร้ายใส่ความรอแบ็สปีแยร์ก็ต้องโทษถูกประหารโดยกิโยตีน เขาคิดว่าสิ่งที่เขาทำเป็นสิ่งที่ถูกต้องดีงาม แต่คนอื่น ๆ เรียกช่วงเวลาที่รอแบ็สปีแยร์อยู่ในตำแหน่งว่า "สมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัว" (la Terreur) ศัตรูจึงขนานนามเขาว่า "เผด็จการกระหายเลือด"
การโค่นล้มรอแบ็สปีแยร์
[แก้]ยุคแห่งความน่าสะพรึงกลัวดำเนินไปเกือบหนึ่งปี จนกระทั่งในวันที่ 26 กรกฎาคม 1794 รอแบ็สปีแยร์ประกาศกลางที่ประชุมใหญ่แห่งชาติว่าจะกำจัดผู้แทนบางคนที่คิดร้ายต่อสาธารณรัฐ แต่ไม่ยอมระบุว่าผู้แทนดังกล่าวเป็นใคร ทำให้บรรดาผู้แทนเกิดความระแวงว่าตัวเองจะตกเป็นเป้า ในคืนนั้นเขาก็ไปพูดอย่างเดียวกันที่สโมสรฌากอแบ็ง และได้รับเสียงปรบมือและตะโกนตอบรับว่า "ฆ่าคนทรยศซะ!" เช้าวันถัดมา บรรดาผู้แทนรุมอภิปรายโจมตีรอแบ็สปีแยร์และพวกอย่างรุนแรงโดยไม่เปิดโอกาสให้เขาแก้ต่าง จนเขาต้องเดินหนีออกจากที่ประชุมใหญ่ ในช่วงเวลานั้นเอง ที่ประชุมใหญ่ก็ผ่านมติให้จับกุมรอแบ็สปีแยร์และพวก
รอแบ็สปีแยร์และพวกบางส่วนกบดานอยู่ที่ออแตลเดอวีล (ศาลาว่าการกรุงปารีสในขณะนั้น) ซึ่งได้รับการคุ้มกันโดยกองอารักษ์ชาติที่ภักดีต่อเขา ในคืนวันนั้น ที่ประชุมใหญ่จึงส่งกองทหารหน่วยอื่นบุกเข้าไปในอาคาร รอแบ็สปีแยร์พยายามฆ่าตัวตายด้วยการจ่อปากกระบอกปืนจะยิงเข้าศีรษะแต่มีทหารนายหนึ่งเข้าขัดขวางจนปากกระบอกปืนถูกเลื่อนไปที่แก้ม และเกิดปืนลั่นทำให้รอแบ็สปีแยร์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ลูกกระสุนเจาะทะลุแก้มทั้งสองข้าง ภายหลังจากนั้นรอแบ็สปีแยร์และพวกอย่างแซ็ง-ฌุสต์ และฌอร์ฌ กูตง ฯลฯ ถูกประหารด้วยกิโยตีนท่ามกลางผู้คนมากมายที่รุมล้อมในวันที่ 28 กรกฎาคม 1794 ณ ปลัสเดอลาเรวอลูว์ซียง ใจกลางกรุงปารีส
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Scurr 2006.
- ↑ The Enlightenment that Failed: Ideas, Revolution, and Democratic Defeat ... By Jonathan I. Israel, p. 465-467
- ↑ Riskin, Jessica (1999). "The Lawyer and the Lightning Rod" (PDF). Science in Context. Cambridge University Press (CUP). 12 (1): 61–99. doi:10.1017/s0269889700003318. ISSN 0269-8897.[ลิงก์เสีย]
- ↑ Drival, Eugène Van (1872). Histoire de l'Académie d'Arras depuis sa fondation: en 1737, jusqu'à nos jours. Typ. de A. Courtin. p. 58.
- ↑ Leuwers, Hervé. Robespierre (Paris, Fayard, 2014; rééd. Pluriel, 2016) — extraits. p. 9 – โดยทาง www.academia.edu.
- ↑ Andress, David (22 January 2015). The Oxford Handbook of the French Revolution. OUP Oxford. ISBN 9780191009921 – โดยทาง Google Books.
- ↑ Liste des noms et qualités de messieurs les députés et suppléants à l'Assemblée nationale. In: Archives Parlementaires de 1787 à 1860 — Première série (1787–1799) sous la direction de Jérôme Mavidal et Emile Laurent. Tome VIII du 5 mai 1789 au 15 septembre 1789. Paris : Librairie Administrative P. Dupont, 1875. p. VII. [1]
- ↑ Hibbert, C. (1980)
- ↑ P. McPhee (2013) "My Strength and My Health Are not Great Enough": Political Crises and Medical Crises in the Life of Maximilien Robespierre, 1790-1794
- ↑ Aulard, François-Alphonse (1897). La société des Jacobins: Mars à novembre 1794. Recueil de documents pour l'histoire du club des Jacobins de Paris (ภาษาฝรั่งเศส). Vol. 6. Librairie Jouaust. pp. 714, 717. OCLC 763671875.
- ↑ Walter, G. (1961) Robespierre à la tribune, p. 206. In: Robespierre, vol. II. L’œuvre, part IV. Gallimard.
- ↑ Kennedy 1988, pp. 308–10.
- ↑ Hardman, John (2016) The life of Louis XVI, p. ?
- ↑ Robespierre 1958, pp. 121–22, in Tome IX, Discours
- ↑ Robespierre 1958, pp. 129–30, in Tome IX, Discours.
- ↑ L. Moore, p. 172
- ↑ I. Davidson, p. 157
- ↑ Hampson 1974, pp. 144–146.
- ↑ 19.0 19.1 Schama 1989, p. 722.
- ↑ Ternaux, Mortimer (1869). Histoire de la terreur, 1792-1794. Vol. 7. Michel Lévy frères. p. 276.
- ↑ Robespierre 1958, p. 543, in Tome IX, Discours.
- ↑ Le Républicain français, 14 septembre 1793, p. 2
- ↑ Israel 2014, p. 447.
- ↑ Mandats à l’Assemblée nationale ou à la Chambre des députés
ข้อมูล (คัดเลือก)
[แก้]- Andress, David (2006). The Terror: The Merciless War for Freedom in Revolutionary France (ภาษาอังกฤษ). Farrar, Straus, and Giroux. ISBN 978-0374273415.
- Aulard, François-Alphonse (1897). La société des Jacobins: Mars à novembre 1794. Recueil de documents pour l'histoire du club des Jacobins de Paris (in French). 6. Librairie Jouaust. OCLC 763671875
- Bienvenu, Richard T. (1968) The Ninth of Thermidor: The Fall of Robespierre. Oxford University Press, New York.
- Blanc, Louis Jean Joseph (1869). Histoire de la Révolution française. Libr. Internationale.
- Courtois, Edme-Bonaventure; Robespierre, Maximilien (1828). Papiers inédits trouvés chez Robespierre, Saint-Just, Payan, etc: supprimés ou omis par Courtois; précédés du rapport de ce député à la Convention nationale; avec un grand nombre de fac-similé et les signatures des principaux personnages de la révolution (ภาษาฝรั่งเศส). Baudouin frères.
- Davidson, Ian (2016) The French Revolution: From Enlightenment to Tyranny. Profile Books Ltd
- Doyle, William (2002). The Oxford History of the French Revolution (ภาษาอังกฤษ). Oxford University Press. ISBN 978-0191608292.
- Dunoyer, Alphonse (1913) The public prosecutor of the terror, Antoine Quentin Fouquier-Tinville. New York: G.P. Putnam's sons.
- Furet, François (1989). Interpreting the French Revolution. Cambridge, MA: Harvard University Press. ISBN 978-0521280495. สืบค้นเมื่อ 26 January 2014.
- Furet, François; Ozouf, Mona (1989). A Critical Dictionary of the French Revolution (ภาษาอังกฤษ). Harvard University Press. ISBN 978-0674177284.
- Hamel, Ernest (1897) Thermidor: d'après les sources originales et les documents authentiques (in French) (2nd ed.). Flammarion. OCLC 764094902
- Hampson, Norman (1974). The Life and Opinions of Maximilien Robespierre (ภาษาอังกฤษ). Duckworth. ISBN 978-0715607411.
- Hardman, John (1999) Robespierre. Profiles in power. Longman. ISBN 9780582437555 – via Google Books.
- Haydon, Colin; Doyle, William (2006). Robespierre (ภาษาอังกฤษ). Cambridge University Press. ISBN 978-0521026055. A collection of essays covering not only Robespierre's thoughts and deeds, but also the way he has been portrayed by historians and fictional writers alike.
- "Reviewed". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 June 2007. สืบค้นเมื่อ 31 August 2006.
{{cite web}}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์) by Hilary Mantel in the London Review of Books, Vol. 22, No. 7, p. 30 March 2000.
- "Reviewed". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 June 2007. สืบค้นเมื่อ 31 August 2006.
- Hazan, Eric (2014) A People's History of the French Revolution. Verso. London. New York. ISBN 978-1781689844
- Israel, Jonathan (2014). Revolutionary Ideas: An Intellectual History of the French Revolution from The Rights of Man to Robespierre (ภาษาอังกฤษ). Princeton University Press. ISBN 978-1400849994.
- Jordan, David P. (2013). Revolutionary Career of Maximilien Robespierre (ภาษาอังกฤษ). Simon & Schuster. ISBN 978-1476725710.
- Kennedy, Michael L. (1988). The Jacobin clubs in the French Revolution: the Middle Years. Princeton University Press. ISBN 978-0691055268.
- Laurent, Gustave (1939). Oeuvres Completes de Robespierre (ภาษาฝรั่งเศส). Nancy: Imprimerie de G. Thomas. OCLC 459859442.
- Leuwers, Hervé (2014) Robespierre. Paris, Pluriel.
- Lewes, G.H. (1849) The life of Robespierre
- Linton, Marisa (2013). Choosing Terror: Virtue, Friendship, and Authenticity in the French Revolution. Oxford University Press. ISBN 978-0-19-957630-2. OCLC 854998068.
- Martin, Jean-Clément (2006). Violence et Révolution: essai sur la naissance d'un mythe national (ภาษาฝรั่งเศส). Paris: Éd. du Seuil. ISBN 978-2020438421.
- Mathiez, Albert (1927). The French Revolution (ภาษาอังกฤษ). Williams and Norgate.
- Mathiez, Albert (1977). "Robespierre: l'histoire et la légende". Annales Historiques de la Révolution Française. 49 (227): 5–31. doi:10.3406/ahrf.1977.4029. JSTOR 41915887.
- Mathiez, Albert (1988). Etudes sur Robespierre: 1758–1794. Paris: Messidor. ISBN 978-2209060498.
- Matrat, Jean (1975). Robespierre: or, The tyranny of the majority. New York: Scribner. ISBN 978-0684140551.
- McPhee, Peter (2012). Robespierre: A Revolutionary Life (ภาษาอังกฤษ). Yale University Press. ISBN 978-0300118117.
- McPhee, Peter. "The Robespierre Problem: An Introduction," H-France Salon, Vol 7 no, 14, 2015, page 9. online
- Michelet, Jules (1847) The History of the French Revolution (Charles Cocks, trans.) online
- Moore, Lucy (8 May 2007). Liberty: The Lives and Times of Six Women in Revolutionary France. HarperCollins. ISBN 978-0-06-082526-3. OCLC 76836264.
- Robespierre, Charlotte (2006). Mémoires (Nouv. éd. ed.). Paris: Nouveau monde éd. ISBN 978-2847361766.
- Robespierre, Maximilien de (1958). Bouloiseau, Marc; Lefebvre, Georges; Soboul, Albert; Dautry, Jean (บ.ก.). Oeuvres de Maximilien Robespierre (ภาษาฝรั่งเศส). PUF. OCLC 370022395.
- Rudé, George F.E. (1975). Robespierre: portrait of a Revolutionary Democrat (ภาษาอังกฤษ). Collins. ISBN 9780002167086. A political portrait of Robespierre, examining his changing image among historians and the different aspects of Robespierre as an 'ideologue', as a political democrat, as a social democrat, as a practitioner of revolution, as a politician and as a popular leader/leader of revolution.
- Schama, Simon (1989). Citizens: A Chronicle of the French Revolution. New York: Alfred A. Knopf. ISBN 978-0-394-55948-3.
- Scurr, Ruth (2006). Fatal Purity: Robespierre and the French Revolution (ภาษาอังกฤษ). New York: Macmillan. ISBN 978-0805082616.
- "Reviewed". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 June 2007. สืบค้นเมื่อ 21 April 2006.
{{cite web}}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์) by Hilary Mantel in the London Review of Books, Vol. 28 No. 8, 20 April 2006. - Reviewed by Sudhir Hazareesingh in The Times Literary Supplement, 7 June 2006.
- "Reviewed". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 June 2007. สืบค้นเมื่อ 21 April 2006.
- Sanson, Henri (1876). Memoirs of the Sansons: From Private Notes and Documents (1688–1847). London: Chatto and Windus. OCLC 317736774
- Soboul, Albert (2005). Dictionnaire historique de la Révolution française (1. éd. ed.). Paris: Quadrige / PUF. ISBN 978-2130536055.
- Soboul, Albert (1974). The French Revolution, 1787–1799: from the storming of the Bastille to Napoleon (ภาษาอังกฤษ). Vintage Books. ISBN 978-0394712208.
- Thompson, J.M. (1988). Robespierre. New York: B. Blackwell. ISBN 978-0631155041.
- Popkin, Jeremy D. (2010). You Are All Free: The Haitian Revolution and the Abolition of Slavery (ภาษาอังกฤษ). Cambridge University Press. ISBN 978-0521517225.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- ผลงานเกี่ยวกับ/โดย มักซีมีเลียง รอแบ็สปีแยร์ ที่อินเทอร์เน็ตอาร์ไคฟ์
- La Révolution française (film) by Richard T. Heffron (1989 dramatisation reflecting the official narrative of the Bicentenary commemorations, based on the view point of François Furet, rejecting a Marxist interpretation):
The French Revolution — Part 2 — English subtitles
สำหรับคำตอบรับที่"เป็นกลางมากกว่า" มาจาก:
- Biography: essential elements of his life เก็บถาวร 2021-09-02 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Conspiracy and Terror in the French Revolution – Marisa Linton (Kingston University) Public Lecture
- The Robespierre Problem – Peter McPhee (University of Melbourne) and Colin Jones (University of London) discussion
- Robespierre, l'homme qui nous divise le plus. Podcast (52 min.) France culture; Marcel Gauchet and Jean-Clément Martin on 27/10/2018
- Jean-Clément Martin Robespierre. La fabrication d’un monstre
- Le Grand Méchant Robespierre – Marc Bélissa and Yannick Bosc – discussion in French, dissecting the creation of the légende noire with subtitles. See also The Enlightenment that Failed: Ideas, Revolution, and Democratic Defeat ...by Jonathan I. Israel, 482
- Hervé Leuwers (University of Lille) on Robespierre (French) พร้อมซับไตเติล