ผีเสื้อ (แมลง)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ผีเสื้อ
ช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่: Early Jurassicpresent, 200–0Ma
ผีเสื้อนกยูง (Aglais io)
มอดสฟิงซ์ (Adhemarius gannascus)
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร: Animalia
หมวด: Rhopalocera
ไฟลัม: Arthropoda
ชั้น: Insecta
อันดับ: Lepidoptera
Linnaeus, 1758
อันดับย่อย

Aglossata
Glossata
Heterobathmiina
Zeugloptera

ผีเสื้อ (ภาษาไทยถิ่นเหนือ: แมงก่ำเบ้อ) เป็นแมลงทุกชนิดในอันดับเลพิดอปเทรา (Lepidoptera) มีวงชีวิตเริ่มแรกตั้งแต่ระยะไข่ ระยะหนอน ระยะดักแด้ ตราบจนระยะการเปลี่ยนสัณฐานเข้าสู่ระยะการโตเต็มวัยที่มีปีกหลากสีต้องตาผู้คน ในทางกีฏวิทยาการจัดจำแนกแมลงกลุ่มนี้จะใช้เส้นปีกในการจัดจำแนก

การตายและการกระจายพันธุ์ของผีเสื้อ[แก้]

นักวิทยาศาสตร์คาดว่าผีเสื้ออาจมีต้นกำเนิดแต่ยุคครีเทเชียส (Cretaceous Period) ซึ่งยุติเมื่อกว่า 65 ล้านปีก่อน ทั้งนี้ เนื่องจากซากดึกดำบรรพ์ของสัตว์ในตระกูลผีเสื้อมีน้อยมาก จึงทำให้การคะเนเกี่ยวกับต้นกำเนิดผีเสื้อเป็นไปได้ไม่สะดวกนัก โดยซากดึกดำบรรพ์ของสัตว์ดังกล่าวที่มีอายุมากที่สุดคือซากนิรนามของสัตว์สคิปเพอร์ (Skipper, Thymelicus lineola) อายุราวสมัยพาเลโอซีน (Paleocence Epoch, ประมาณ 57 ล้านปีก่อน) พบที่เมืองเฟอร์ (Fur) ราชอาณาจักรเดนมาร์ก และซากดึกดำบรรพ์ประเภทอำพันแห่งโดมินิกัน (Dominican amber) ของผีเสื้อเมทัลมาร์ก (Metalmark, Voltinia dramba) อายุยี่สิบห้าล้านปี

ปัจจุบันโดยปรกติวิสัยผีเสื้อกระจายพันธุ์ทั่วไปในภูมิประเทศหนาวเย็นและแห้งแล้ง มีการประมาณว่าขณะนี้มีผีเสื้อในมหาวงศ์ (Superfamily) พาพิลิโอโนอิเดีย (Papilionoidea) กว่า 17,500 ชนิด (species) และมหาวงศ์เลพิดอปเทรา (Lepidoptera) กว่า 180,000 ชนิด

การจำแนก[แก้]

ปัจจุบันมีการจำแนกผีเสื้อออกเป็นสามมหาวงศ์ (Superfamily) คือ 1. เฮดิโลอิเดีย (Hedyloidea) 2. เฮสเพอริโออิเดีย (Hesperioidea) และ 3. พาพิลิโอโนอิเดีย (Papilionoidea) และนอกจากนี้ยังมีการจำแนกซึ่งเป็นที่นิยมอยู่อีกสองแบบ ดังต่อไปนี้

แบบอนุกรมวิธานพืช[แก้]

การศึกษาว่าด้วยโครงสร้างและโมเลกุลทางพฤกษศาสตร์และสัตวศาสตร์ตามอนุกรมวิธาน (Taxonomic) ได้มีกำหนดมหาวงศ์เพิ่มเติมนอกจากข้างต้น เช่น ดาเนเด (Danaidae) เฮลิโคนีเด (Heliconiidae) ลิบีเทเด (Libytheidae) และ แซไทริเด (Satyridae) เป็นต้น

กลุ่มผีเสื้อกลางวันและกลุ่มผีเสื้อกลางคืน[แก้]

การจำแนกผีเสื้อแบบแยกสองแฉก (dichotomous classification) เป็นกลุ่มผีเสื้อกลางวัน (butterfly) และกลุ่มผีเสื้อกลางคืน (moth) เป็นอีกวิธีในการจำแนกผีเสื้อที่นิยมมากนอกเหนือจากแบบอนุกรมวิธานพืช การจำแนกประเภทเป็นกลุ่มทั้งสองดังกล่าวนั้นกระทำได้โดยการสังเกตลักษณ์จำเพาะของผีเสื้อ

โดยผีเสื้อส่วนใหญ่เป็นผีเสื้อกลางคืน ผีเสื้อกลางวันมีเพียงร้อยละ 10 เท่านั้นของบรรดาผีเสื้อทั้งหมด (ประมาณ 20,000 ชนิด)

วงจรชีวิต[แก้]

การเจริญเติบโตของผีเสื้อแตกต่างจากบรรดาแมลงชนิดอื่นทั้งหลาย โดยปรากฏเป็นจตุวัฏจักร ดังนี้ คือ

  1. ระยะไข่ (Egg Stage)
  2. ระยะหนอนหรือบุ้ง (Caterpillar Stage หรือ Larva Stage)
  3. ระยะดักแด้ (Pupa Stage หรือ Chrysalis Stage)
  4. ระยะเจริญวัย (Adult Butterfly Stage หรือ Imago Stage)

อนึ่ง มีความเชื่ออย่างแพร่หลายว่าผีเสื้อมีวงจรชีวิตสั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ผีเสื้อบางพันธุ์อาจมีอายุเพียงหนึ่งสัปดาห์ ในขณะที่บางพันธุ์มีอายุยืนถึงหนึ่งปี โดยส่วนใหญ่จะมีอายุยาวนานในระยะบุ้ง ในขณะที่แมลงชนิดอื่นอาจหยุดการเจริญเติบโตได้ในระยะไข่หรือระยะดักแด้แล้วจึงดำเนินชีวิตต่อไปในฤดูหนาว

ระยะไข่[แก้]

ไข่ของผีเสื้อมีลักษณะของขนาด รูปร่าง สีสัน และลวดลายแตกต่างกันไป โดยขนาดของไข่นั้นจะเล็กมาก ดังนั้นจำเป็นต้องอาศัยกล้องจุลทรรศน์ในการศึกษาไข่ของผีเสื้อ เปลือกไข่ประกอบด้วยสารไคติน ที่เป็นสารชนิดเดียวกับเปลือกลำตัวของผีเสื้อและแมลงชนิดอื่นๆ และเมื่อมองผ่านกล้องจุลทรรศน์จะพบรูเปิดเล็กๆ เรียกว่า ไมโครพายล์ (micropyle) เป็นรูที่ทำให้น้ำเชื้อตัวผู้เข้าไปผสมกับไข่ของตัวเมีย

ระยะหนอน[แก้]

ะยะที่คนเราเรียกว่า หนอน มีหลากหลายสี หลังจากตัวหนอนฟักออกจากไข่แล้ว ตัวหนอนมีลักษณะที่แตกต่างกัน อาหารอย่างแรกที่ตัวหนอนกินคือ เปลือกไข่ของตัวเอง หลังจากนั้นตัวหนอนจึงเริ่มกินใบพืช โดยเริ่มที่ใบอ่อนก่อน ซึ่งลักษณะการกินของตัวหนอนจะเริ่มจากขอบใบเข้าหากลางใบ และจะมีการลอกคราบเพื่อขยายขนาด 4-5 ครั้ง โดยตลอดระยะเวลาที่เป็นตัวหนอนนี้ มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น นอกจากขนาดที่ใหญ่ขึ้นแล้ว บางชนิดสีสันและรูปร่างก็แตกต่างกันไปด้วย เช่น หนอนผีเสื้อหางติ่ง หนอนมะนาว ในระยะแรกๆ สีสันก็เหมือนมูลนก แต่เมื่อตัวหนอนโตขึ้นสีสันจะเปลี่ยนไป เป็นสีเขียวมีลวดลายคล้ายตาที่ส่วนอกด้วย เป็นต้น แต่ทั้งหมดมีสิ่งหนึ่งซึ่งทำให้สามารถจำแนกว่าเป็นตัวหนอนผีเสื้อได้คือ ตัวหนอนมีขาจริง 3 คู่ที่ส่วนอก และขาเทียม 4-5 คู่ที่ส่วนท้อง ตัวหนอนทั่วไปมักหากินเดี่ยวๆ แต่ก็มีบางชนิดทีระยะแรกๆ หากินกันเป็นกลุ่ม ในระยะนี้ใช้เวลาทั้งสิ้น 15 วัน แมลงที่ลงทำลายพืชผลทางการเกษตรก็จะเป็นวัยนี้เกือบทั้งสิ้น

ระยะดักแด้[แก้]

เมื่อตัวหนอนโตเต็มที่จะต้องมองหาสิ่งที่ที่จะลอกคราบเพื่อเข้าดักแด้ ซึ่งจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้แต่ภายในเปลือกดักแด้ การพัฒนาต่างๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา เป็นระยะที่มีการสะสมอาหารไว้อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นที่ดึงดูดบรรดาตัวเบียนต่างๆ ตัวหนอนของผีเสื้อแต่ละชนิดจะเลือกที่เข้าดักแด้ต่างกันไป ระยะดักแด้ใช้เวลาประมาณ 7-10 วัน

ระยะเจริญวัย[แก้]

ระยะเจริญวัยคือผีเสื้อที่มีสีสันสวยงาม เริ่มต้นนับตั้งแต่ออกจากดักแด้ โดยผีเสื้อใช่ขาดันเปลือกดักแด้ให้ปริแตกออก และผีเสื้อที่มีปีกยับยู่ยี่จะออกมา ในลักษณะห้อยหัวลงพร้อมถ่ายของเสียที่เป็นสีชมพูออกมา ในระยะแรกปีกของผีเสื้อยังไม่สามารถแผ่ได้ จำเป็นต้องมีการปั้มของเหลวเรียกว่า ฮีโมลิมพ์ เข้าไปในเส้นปีก และต้องใช้เวลา 1 ชั่วโมงในการทำให้ปีกแข็งพอที่จะใช้ในการบิน ผีเสื้อสามารถอยู่ได้ 2-3 วัน บางชนิดอยู่ได้ 1-2 สัปดาห์ขึ้นอยู่กับชนิดและแต่ละช่วงอายุขัย

ตัวดึงดูดลอเรนซ์ ภาพที่คิดค้นโดย เอ็ดเวิร์ด ลอเรนซ์ ที่มีลักษณะเหมือนปีกผีเสื้อ อันเป็นที่มาของทฤษฎีเคออส

ผีเสื้อในวัฒนธรรม[แก้]

มนุษย์มีความผูกพันกับผีเสื้อมาเป็นระยะเวลาช้านาน ในวัฒนธรรมของหลายชนชาติ ผีเสื้อถูกเชื่อและอ้างอิงถึงต่าง ๆ เช่น ชาวจีนและชาวญี่ปุ่นเชื่อว่า ผีเสื้อ คือ วิญญาณของผู้ตาย ที่มาสื่อสารบางอย่างแก่ผู้ที่ยังผูกพัน เช่น คนรัก หรือคนในครอบครัว มีบทกวีไฮกุบทหนึ่งที่กล่าวว่า "ข้าพเจ้าเห็นดอกไม้ลอยกลับเข้าหาต้น แท้ที่จริงแล้วเป็นผีเสื้อตัวหนึ่ง" นอกจากนี้แล้วยังมีนิทานพื้นบ้านของจีน ที่กล่าวถึง ชายหนุ่มผู้หนึ่งที่มีนางไม้คู่แฝดมาหลงรักเขา โดยนางทั้งสองจะแวะเวียนมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับผีเสื้อให้ฟังอยู่เสมอ ๆ [1]

ในอดีต มนุษย์ไม่เคยทราบมาก่อนด้วยซ้ำว่าผีเสื้อมีที่มาจากหนอน โดยเชื่อว่าหนอนมาจากน้ำค้างที่เกาะอยู่ตามใบไม้ โดยความจริงแล้วหยดน้ำค้างนั้นคือไข่ของผีเสื้อนั่นเอง

นอกจากนี้แล้วในวัฒนธรรมร่วมสมัย ผีเสื้อยังมักถูกใช้เป็นรอยสักตามร่างกายส่วนต่าง ๆ ของมนุษย์[2] ในดนตรีร็อกแนวเฮฟวี่เมทัลของไทย ของวงไฮ-ร็อก มีเพลง เมืองผีเสื้อ ที่กล่าวถึง มวลผีเสื้อที่อารักขาดอกไม้สร้างความสวยงามให้แก่เมือง แต่แล้วถึงวันหนึ่งก็ต้องล่มลายลง และการกระพือปีกของผีเสื้อ ยังถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ที่นำไปสู่การตั้งทฤษฎีผีเสื้อกระพือปีก หรือทฤษฎีเคออสอีกด้วย[3]

ชนิดของผีเสื้อในประเทศไทย[แก้]

ประเทศไทยยังไม่สามารถระบุจำนวนชนิดของผีเสื้อได้อย่างแน่นอน แต่คาดว่ามีไม่น้อยกว่า 1,300 ชนิด โดยแบ่งออกได้เป็น 5 วงศ์

รูปภาพ[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. แล็ฟคาดิโอ เฮิร์น, ผีเสื้อ เรื่องผีผี แปลโดย ปาริฉัตร เสมอแข, ผุสดี นาวาวิจิต, สำนักพิมพ์ผีเสือ (กรุงเทพมหานคร, พ.ศ. 2543) ISBN 974-14-0143-4
  2. โลกของผีเสื้อ, รายการท่องโลกกว้าง ทางไทยพีบีเอส: วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2554
  3. ""เอ็ดวาร์ด ลอเรนซ์" ผู้ให้กำเนิดทฤษฎี "ผีเสื้อกระพือปีก" เสียชีวิตแล้ว". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-12-24. สืบค้นเมื่อ 2012-01-17.

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]