โดเมนีโก กีร์ลันดาโย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
โดเมนีโก กีร์ลันดาโย

โดเมนีโก กีร์ลันดาโย (อิตาลี: Domenico Ghirlandaio) หรือ โดเมนีโก ดี ตอมมาโซ กูร์ราดี ดี ดอฟโฟ บีกอร์ดี (Domenico di Tommaso Curradi di Doffo Bigordi; ค.ศ. 1449 - 11 มกราคม ค.ศ. 1494) เป็นจิตรกรสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาคนสำคัญของประเทศอิตาลีในคริสต์ศตวรรษที่ 15 มีความเชี่ยวชาญทางการเขียนจิตรกรรมฝาผนัง และการเขียนด้วยสึฝุ่นบนไม้ โดเมนีโกเป็นจิตรกรร่วมสมัยกับซันโดร บอตตีเชลลี และฟิลิปปินโน ลิบปี และมีลูกศิษย์หลายคนรวมทั้งมีเกลันเจโล

ชีวิตเบื้องต้น[แก้]

จากชื่อเต็ม "โดเมนีโก ดี ตอมมาโซ กูร์ราดี ดี ดอฟโฟ บีกอร์ดี" ทำให้สันนิษฐานได้ว่าพ่อของโดเมนีโกชื่อ กูร์ราดี และปู่ชื่อ บีกอร์ดี โดเมนีโกเป็นลูกคนโตที่สุดในบรรดาพี่น้องแปดคน เมี่อเริ่มแรกโดเมนีโกฝึกงานกับช่างอัญมณี หรือช่างทองซึ่งอาจจะเป็นพ่อของโดเมนีโกเอง ชื่อสร้อย "อิลกีร์ลันดาโย" หมายความว่าผู้ทำสร้อยประดับคอและไหล่ มาจากพ่อเป็นผู้ตั้งให้เอง ซึ่งคงเป็นเพราะโดเมนีโกมีฝีมือดีในการทำสร้อยประดับจากโลหะที่ผู้หญิงชาวฟลอเรนซ์สวม เมื่อโดเมนีโกยังทำงานอยู่ในร้านของพ่อก็ได้วาดภาพเหมือนของผู้เดินผ่านหน้าร้าน ต่อมาโดเมนีโกก็ได้ไปฝึกงานการเขียนภาพและงานโมเสกกับอาเลสซีโอ บัลโดวีเนตตี (Alessio Baldovinetti)

งานชิ้นแรกที่ฟลอเรนซ์ โรม และซานจีมิญญาโน[แก้]

ภาพเหมือนของสตรีสาว

ในปี ค.ศ. 1480 โดเมนีโก กีร์ลันดาโยเขียนภาพ "นักบุญเจอโรมในห้องทำงาน" และจิตรกรรมฝาผนังที่วัดออญญิสซันตีที่ฟลอเรนซ์ และภาพเขียน "พระกระยาหารมื้อสุดท้าย" ขนาดเท่าคนจริงในโรงฉัน ระหว่างปี ค.ศ. 1481 ถึงปี ค.ศ. 1485 ก็ได้รับงานเขียนจิตรกรรมฝาผนังในห้อง "Sala dell Orologio" ที่ วังเวคคิโอ นอกจากนั้นก็ยังเขียนภาพ "ความประเสริฐของนักบุญเซโนเบียส" (Apotheosis of St. Zenobius) ซึ่งเป็นภาพขนาดใหญ่กว่คนจริงที่ตกแต่งล้อมรอบด้วยสถาปัตยกรรม, รูปปั้นวีรบุรุษโรมัน และรายละเอียดอื่นๆ งานชิ้นนี้เป็นงานที่ทำให้เห็นฝีมืองานของกีร์ลันดาโยทั้งในด้านโครงสร้างและองค์ประกอบ

ในปี ค.ศ. 1483 กีร์ลันดาโยก็ถูกเรียกตัวไปโรมโดยพระสันตะปาปาซิกส์ตัสที่ 4เพื่อให้ไปเขียนภาพ "พระเยซูเรียกตัวปีเตอร์และแอนดรูว์มาให้เป็นสาวก" บนผนังของชาเปลซิสติน แม้ว่าจะทราบกันว่ากีร์ลันดาโยมีงานเขียนที่อื่นในโรมแต่ก็หายสาบสูญไป นอกจากนั้นกีร์ลันดาโยก็ยังเขียนภาพบนผนังภายในชาเปลเซนต์ฟินาที่วัดแห่งซานจีมิญญาโนเมื่อต้นคริสต์ทศวรรษ 1350 เซบาสเตียโน มาอินาร์ดิช่วยเขียนทั้งที่โรมและซานจีมิญญาโน

งานต่อมาในทัสกานี[แก้]

อาจจะเป็นภาพเหมือนตนเองในภาพ "การชื่นชมของแมไจ" ค.ศ. 1488 (ออสเปดาเล เดกลิ อินโนเซนติ, ฟลอเรนซ์

เมื่อกลับมาฟลอเรนซ์ในปี ค.ศ. 85 กีร์ลันดาโยก็เขียนภาพชุด จิตรกรรมฝาผนังที่ชาเปลซาสเซ็ตติ (Sassetti Chapel) ในวัดซานตาทรินิตา สำหรับนายธนาคารและผู้อุทิศ ฟรานเชสโก ซาสเซ็ตติ (Francesco Sassetti) ผู้เป็นผู้จัดการผู้มีอำนาจของธนาคารเมดิชิที่เจนัว ตำแหน่งที่ จิโอวานนิ ทอร์นาบุโอนิ (Giovanni Tornabuoni) ผู้อุปถัมภ์คนต่อมาของกีร์ลันดาโยรับหน้าที่แทน กีร์ลันดาโยเขียนภาพหกฉากจากชีวประวัติของนักบุญฟรานซิสแห่งอาซิซิรวมทั้งฉาก "นักบุญฟรานซิสได้รับการอนุมัติ "กฎของนักบุญฟรานซิส" จากพระสันตะปาปาโฮโนริอุสที่ 3"; "ความตายและงานศพของนักบุญฟรานซิส" และ "นักบุญฟรานซิสชุบชีวิต" ซึ่งเป็นภาพนักบุญฟรานซิสชุบชีวิตลูกของตระกูลสปินิที่ตกหน้าต่างตาย ฉากแรกมีภาพเหมือนของลอเรนโซ เดอ เมดิชิในภาพและฉากที่สามมีภาพเหมือนของตัวกีร์ลันดาโยเองในภาพ ภาพเหมือนตนเองอื่นๆ ก็มีที่วัดซานตามาเรียโนเวลลา และในภาพ "การชื่นชมของแมไจ" ที่โรงเลี้ยงเด็กกำพร้า ออสปิดาเล เดกลิ อินโนเซนติ (Ospedale degli Innocenti) ฉากแท่นบูชา "การชื่นชมของเด็กเลี้ยงแกะ" จากชาเปลซาสเซ็ตติปัจจุบันตั้งอยู่ที่สถาบันวิจิตรศิลป์แห่งฟลอเรนซ์

ทันทีที่ได้รับงานกีร์ลันดาโยก็ได้รับคำสั่งให้บูรณะจิตรกรรมฝาผนังภายในบริเวณร้องเพลงสวดในวัดซานตามาเรียโนเวลลาซึ่งเป็นชาเปลของตระกูลริชชิแต่ทอร์นาบุโอนิและพี่น้องในตระกูลเป็นผู้ที่มีอำนาจมากกว่าจึงได้เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการบูรณะทั้งหมดแต่มีข้อแม้—ปัญหาการรักษาตราประจำตระกูลของตระกูลริชชิซึ่งกลายมาเป็นเรื่องฟ้องร้องที่ออกจะชวนหัว จิตรกรรมฝาผนังภายในชาเปลทอร์นาบุโอนิเขียนโดยกีร์ลันดาโยกับผู้ช่วยอีกหลายคน เขียนเป็นสี่ตอนบนผนังสามด้าน หัวเรื่องหลักที่เขียนก็เป็นประวัติของพระแม่มารีและนักบุญจอห์นแบ็พทิสต์ ซึ่งเป็นภาพเขียนที่มีความสำคัญไม่แต่ทางศิลปะแต่เป็นภาพเขียนที่มีภาพเหมือนของบุคคลสำคัญๆ ในสมัยนั้นหลายคน ซึ่งเป็นลักษณะการเขียนที่กีร์ลันดาโยมีความเชี่ยวชาญ

ภาพชีวิตของพระแม่มารีภายในชาเปลทอร์นาบุโอนิเป็นภาพที่แสดงให้เห็นชีวิตภายในเรือนของผู้ดีฟลอเรนซ์ในสมัยนั้นมากกว่าที่จะเป็นภาพที่แสดงเหตุการณ์มหัศจรรย์ทางคริสต์ศาสนา

ภาพเขียนชุดนี้มีภาพเหมือนของสมาชิกจากตระกูลทอร์นาบุโอนิไม่ต่ำกว่า 21 ภาพ ในภาพ "เทวดาปรากฏตัวต่อแซ็คคาไรส์" มีภาพเหมือนของ มาร์ซิลิโอ ฟิชิโน (Marsilio Ficino) นักการเมือง; ภาพ "นักบุญแอนน์และนักบุญเอลิซาเบธ" (Salutation of Anna and Elizabeth) มีภาพเหมือนของจิโอวานนา ทอร์นาบุโอนิซึ่งเดิมจอร์โจ วาซารีเชื่อว่าเป็นภาพจิเนฟรา เด เบนชิ (Ginevra de' Benci); ในภาพ "ขับนักบุญโยฮาคิมจากวัด" มีภาพเหมือนของเซบาสเตียโน มาอินาร์ดิและอเลสซิโอ บาลโดวิเน็ตติ (Alessio Baldovinetti) ภาพหลังนี้อาจจะเป็นภาพเหมือนของพ่อของกีร์ลันดาโย ชาเปลทอร์นาบุโอนิบูรณะเสร็จในปี ค.ศ. 1490 ฉากแท่นบูชาอาจจะทำโดยผู้ช่วยของน้องชายสองคนของกีร์ลันดาโยดาวิเด และ เบเนเด็ตโต ส่วนหน้าต่างทำตามแบบที่ออกโดยกีร์ลันดาโยเอง

วานชิ้นเด่นๆ ของกีร์ลันดาโยก็ได้แก่ฉากแท่นบูขา "นักบุญเซโนเบียส นักบุญจัสตัส และนักบุญอื่นๆ ชื่นชมพระแม่มารี" (Virgin Adored by Saints Zenobius, Justus and Others) ที่เขียนให้วัดเซนต์จัสตัสที่ในปัจจุบันตั้งแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ยูฟิซิที่ฟลอเรนซ์; ภาพ "พระเยซูผู้ทรงเดชานุภาพกับโรมอลด์และนักบุญอื่นๆ" (Christ in Glory with Romuald and Other Saints) ที่โวลเทอรา; "การชื่นชมของแมไจ" (ค.ศ. 488) ที่โรงเลี้ยงเด็กกำพร้า ออสปิดาเล เดกลิ อินโนเซนติซึ่งอาจจะถือว่าเป็นงานจิตรกรรมแผงชิ้นที่ดีที่สุดของกีร์ลันดาโย; และ "พระแม่มารีเยี่ยมเอลิซาเบธ" (Visitation) ปัจจุบันอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ซึ่งเป็นงานลงวันที่สุดท้ายที่สุดของงานของกีร์ลันดาโย ในปีค.ศ. 1491 กีร์ลันดาโยไม่ค่อยเขียนภาพเปลือย แต่ภาพที่เขียนก็ได้แก่ "วัลคันและผู้ช่วยโยนสายฟ้า" (Vulcan and His Assistants Forging Thunderbolts) ที่เขียนให้ลอเรนโซที่ 2 ดยุคแห่งเออร์บิโน (Lorenzo II de' Medici, Duke of Urbino) แต่ภาพนี้สูญหายไป นอกจากงานเขียนแล้วก็ยังมีงานโมเสกที่ทำก่อน ค.ศ. 1491—โดยเฉพาะชิ้นที่ชื่อว่า "การประกาศของเทพ" ที่อยู่หน้าประตูมหาวิหารฟลอเรนซ์

ลักษณะงาน[แก้]

"การชื่นชมของนักบุญเซโนเบียส" (Apotheosis of St. Zenobius) ที่วังเวคคิโอ, ฟลอเรนซ์

องค์ประกอบของงานของกีร์ลันดาโยจะทั้งใหญ่โตแต่ก็ไม่ขาดความงดงามซึ่งเป็นแบบงานเขียนของคริสต์ศตวรรษที่ 15 ที่ค่อนข้างรัดตัว กีร์ลันดาโยออกจะมีความก้าวหน้าใช้การเล่นแสงเงา (chiaroscuro) ที่เหมือนแสงเงาจริงที่ทำให้เกิดความรู้สึกว่าภาพเป็นสามมิติและการเขียนแบบทัศนียภาพ ซึ่งทำจากสายตาเท่านั้นโดยไม่ได้ใช้การคำนวณทางคณิตศาสตร์เข้าช่วยแต่อย่างใด แต่กีร์ลันดาโยมักจะถูกวิจารณ์เรื่องการใช้สีแต่ข้อวิจารณ์ไม่รวมไปถึงงานจิตรกรรมฝาผนังเท่าใดนักว่าเป็นสีที่แรงและสว่างอย่างหยาบงานจิตรกรรมฝาผนังเป็นงานที่เขียนแบบที่ชาวอิตาลีเรียกว่า "buon fresco" หรือ "จิตรกรรมฝาผนังแท้" โดยไม่ได้เพิ่มเติมด้วยสีฝุ่น ความแข็งของเส้นตัดขอบอาจจะเป็นเพราะกีร์ลันดาโยได้รับการฝึกมาทางช่างโลหะ วาซารีกล่าวว่ากีร์ลันดาโยเป็นจิตรกรคนแรกที่เลิกใช้การปิดทองแต่ความคิดเห็นอันนี้ก็ไม่จริงเสมอไป เช่นงาน "การชื่นชมของเด็กเลี้ยงแกะ" ที่ปัจจุบันตั้งแสดงอยู่ที่สถาบันวิจิตรศิลป์แห่งฟลอเรนซ์ตกแต่งด้วยเปลวทอง ภาพวาดและภาพร่างหลายชิ้นของกีร์ลันดาโยมีเส้นสายที่ลักษณะเด่นตรงที่เป็นธรรมชาติ

มรดกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของกีร์ลันดาโยก็คือได้ชื่อว่าเป็นผู้ให้การศึกษาเบื้องต้นบางส่วนแก่มีเกลันเจโลแต่ก็เพียงไม่นาน ลูกศิษย์คนอื่นก็ได้แก่ ฟรานเชสโก กรานาคคิ (Francesco Granacci)

กีร์ลันดาโยเสียชีวิตจากการเป็นไข้ ร่างฝังไว้ที่วัดซานตามาเรียโนเวลลา กีร์ลันดาโยแต่งงานสองครั้งและมีลูกชายสามคนลูกสาวสามคน คนหนึ่งเป็นจิตรกรเช่นเดียกัน--ริดอลโฟ กีร์ลันดาโยมีผู้สืบเชื้อสายต่อมาหลายคนแต่ตระกูลมาสิ้นสุดลงในคริสต์ศตวรรษที่ 17 เมื่อสมาชิกคนสุดท้ายบวชเป็นพระ

อ้างอิง[แก้]

ดูเพิ่ม[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]

วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ โดเมนีโก เกอร์แลนเดา

สมุดภาพ[แก้]