แม่น้ำไทกริส
แม่น้ำไทกริส | |
---|---|
แม่น้ำไทกริส ช่วงที่ไหลผ่านพื้นที่เกษตรกรรมนอกเมืองดียาร์บาคือร์ ประเทศตุรกี | |
แผนที่ระบบลำธารไทกริส–ยูเฟรติส | |
ที่ตั้ง | |
ประเทศ | ตุรกี, ซีเรีย, อิรัก |
ภูมิภาคต้นน้ำ | ที่สูงอาร์มีเนีย |
เมือง | เอลาซือ, ดียาร์บาคือร์, โมซูล, แบกแดด |
ลักษณะทางกายภาพ | |
ต้นน้ำ | ทะเลสาบฮาซาร์[1] |
• ตำแหน่ง | เกอลาร์ดือ ประเทศตุรกี |
• พิกัด | 38°29′0″N 39°25′0″E / 38.48333°N 39.41667°E |
• ระดับความสูง | 1,150 m (3,770 ft) |
ปากน้ำ | ชัฏฏุลอะร็อบ |
• ตำแหน่ง | อัลกุรนะฮ์ ประเทศอิรัก |
• พิกัด | 31°0′18″N 47°26′31″E / 31.00500°N 47.44194°E |
• ระดับความสูง | 1 m (3.3 ft) |
ความยาว | 1,900 km (1,200 mi) |
พื้นที่ลุ่มน้ำ | 375,000 km2 (145,000 sq mi) |
อัตราการไหล | |
• ตำแหน่ง | แบกแดด |
• เฉลี่ย | 1,014 m3/s (35,800 cu ft/s) |
• ต่ำสุด | 337 m3/s (11,900 cu ft/s) |
• สูงสุด | 2,779 m3/s (98,100 cu ft/s) |
ลุ่มน้ำ | |
ลำดับแม่น้ำ | ชัฏฏุลอะร็อบ → อ่าวเปอร์เซีย |
ระบบแม่น้ำ | ระบบลำธารไทกริส–ยูเฟรติส |
ลำน้ำสาขา | |
• ซ้าย | การ์ซัน, โบตัน, คาบูร์, ซาบใหญ่, ซาบน้อย, อะซ็อยม์, จิซเร, ดิยาลา |
• ขวา | ทะเลสาบษัรษาร |
[2][3] |
ไทกริส (อังกฤษ: Tigris) เป็นแม่น้ำที่มีต้นน้ำอยู่ในเทือกเขาทางตะวันออกของประเทศตุรกี ยาวประมาณ 1,900 กิโลเมตร ไหลผ่านชายแดนประเทศซีเรีย เข้าดินแดนอารยธรรมเมโสโปเตเมียเดิมหรือประเทศอิรักในปัจจุบัน แล้วมารวมกับแม่น้ำยูเฟรทีสใกล้เมืองบัสรา เกิดเป็นแม่น้ำใหม่คือ ชัฏฏุลอะร็อบ มีความยาวประมาณ 200 กิโลเมตร ก่อนไหลลงสู่อ่าวเปอร์เซีย
การเดินเรือ
[แก้]แม่น้ำไทกริสเป็นเส้นทางที่สำคัญในประเทศทะเลทรายขนาดใหญ่เป็นเวลายาวนาน เรือน้ำตื้นสามารถเดินทางไปไกลถึงกรุงแบกแดด แต่ในการขนส่งทวนน้ำไปยังโมซูลจำเป็นต้องใช้แพ[4][5][6]
ศาสนาและเทพปกรณัม
[แก้]ในเทพปกรณัมซูเมอร์ แม่น้ำไทกริสสร้างขึ้นโดยเทพเอ็นกี ผู้ทรงให้น้ำไหลเต็มแม่น้ำ[7]
แม่น้ำไทกริสยังปรากฏในพันธสัญญาเก่าสองครั้ง โดยครั้งแรกปรากฏในหนังสือปฐมกาล ซึ่งระบุเป็นแม่น้ำที่สามจากแม่น้ำทั้งสี่ที่ไหลออกจากแม่น้ำที่มีต้นตอจากสวนเอเดน[8] ส่วนครั้งที่สองปรากฏในหนังสือดาเนียล ที่ดาเนียลกล่าวว่าตน "ยืนอยู่ริมฝั่งแม่น้ำไทกริสซึ่งเป็นแม่น้ำใหญ่"[9]
ในศาสนาอิสลามกล่าวถึงแม่น้ำนี้ในฮะดีษเศาะฮีฮ์บุคอรีและมุสลิมว่า ในช่วงใกล้วันสิ้นโลก แม่น้ำจะแห้งลงและเปิดเผยกองทองคำ และจะมีการห้ามไม่ให้ใครเอาสิ่งนั้น[10]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Nicoll, Kathleen. "Geomorphic Evolution of the Upper Basin of the Tigris River, Turkey". University of Utah.
- ↑ Isaev, V.A.; Mikhailova, M.V. (2009). "The hydrology, evolution, and hydrological regime of the mouth area of the Shatt al-Arab River". Water Resources. 36 (4): 380–395. doi:10.1134/S0097807809040022. S2CID 129706440.
- ↑ Kolars, J.F.; Mitchell, W.A. (1991). The Euphrates River and the Southeast Anatolia Development Project. Carbondale: Southern Illinois University Press. pp. 6–8. ISBN 0-8093-1572-6.
- ↑ Namio Egami, "The Report of The Japan Mission For The Survey of Under-Water Antiquities At Qurnah: The First Season," (1971-72), 1-45, https://www.jstage.jst.go.jp/article/orient1960/8/0/8_0_1/_pdf.
- ↑ Larsen, M.T., The Conquest of Assyria: Excavations in an Antique Land, Routledge, 2014, pp 344-49
- ↑ "Mesopotamia, Tigris-Euphrates, 1914-1917, despatches, killed and died, medals". naval-history.net. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 November 2015. สืบค้นเมื่อ 28 November 2015.
- ↑ Jeremy A. Black, The Literature of Ancient Sumer, Oxford University Press, 2004, ISBN 0-19-926311-6, p. 220–221.
- ↑ ปฐมกาล 2:14
- ↑ ดาเนียล 10:4
- ↑ "Riyad as-Salihin 1822 - The Book of Miscellaneous ahadith of Significant Values - كتاب المنثورات والملح - Sunnah.com - Sayings and Teachings of Prophet Muhammad (صلى الله عليه و سلم)". sunnah.com. สืบค้นเมื่อ 2023-03-02.