เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช
ประวัติ | |
---|---|
ประเทศไทย | |
ชนิด | เรือฟริเกตชุดเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช (DW-3000F) |
ชื่อ |
|
ตั้งชื่อตาม | พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร |
Ordered | พ.ศ. 2556 |
อู่เรือ | อู่ต่อเรือแดวู Daewoo Shipbuilding and Marine Engineering (DSME), นครปูซาน, ประเทศเกาหลีใต้ |
มูลค่าสร้าง | 14,997 ล้านบาท (471 Million USD) |
ปล่อยเรือ | 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 |
เดินเรือแรก | 23 มกราคม พ.ศ. 2560 |
เข้าประจำการ | 7 มกราคม พ.ศ. 2562 |
รหัสระบุ |
|
สถานะ | ในประจำการ |
ลักษณะเฉพาะ | |
ประเภท: | เรือฟริเกต |
ขนาด (ระวางขับน้ำ): | เต็มที่ 3,700 ตัน |
ความยาว: | 124.1 เมตร (ตลอดลำ)[2] |
ความกว้าง: | 14.40 เมตร (กลางลำ)[2] |
กินน้ำลึก: | 8 เมตร |
ระบบพลังงาน: |
• 2 เครื่องยนต์ดีเซล MTU รุ่น 16V1163 M94 กำลัง 8,000 แรงม้า • 1 เครื่องยนต์กังหันก๊าซ General Electric รุ่น LM2500 กำลัง 29,000 แรงม้า |
ระบบขับเคลื่อน: | 4 x Ship Service Power Generation (Each of 830 kW Rated output) |
ความเร็ว: |
• 33.3 นอต (สูงสุด) • 18 นอต (มัธยัสถ์)[2] |
พิสัยปฏิบัติการ: | 4,000 ไมล์ทะเล • 7,408 กิโลเมตร ที่ความเร็ว 18 น็อต [2] |
ลูกเรือ: | 141 นาย[2] |
ระบบตรวจการและปฏิบัติการ: |
• 2 x Target Designation Sight: Bridge Pointer |
สงครามอิเล็กทรอนิกส์และเป้าลวง: |
• ระบบเป้าลวงต่อต้านอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือ และระบบเป้าลวงตอร์ปิโดแบบ CANTO-V |
ยุทโธปกรณ์: |
• 2 x 3 แท่นยิง J+S DMTLS สำหรับตอร์ปิโดปราบเรือดำน้ำแบบ Mark 54 แท่นละ 3 ท่อยิง 2 แท่นยิง |
อุปกรณ์สนับสนุนการบิน: | 1 x ขนาด 10 ตัน S-70B Sea hawk หรือ MH-60S Knight hawk with Hangar |
เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช (FFG-471) (อังกฤษ: HTMS Bhumibol Adulyadej) เป็นเรือฟริเกตชุดเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช ของกองทัพเรือไทย ต่อขึ้นที่สาธารณรัฐเกาหลี พัฒนาขึ้นจากเรือพิฆาตชั้นควังแกโทมหาราช เรือลำนี้ถือเป็นเรือลำแรกในโครงการเรือฟริเกตสมรรถนะสูงของกองทัพเรือไทย สามารถปฏิบัติการรบ 3 มิติ ทั้งผิวน้ำ ใต้น้ำ และทางอากาศ[3] ขึ้นประจำการเมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2562 เดิมมีชื่อเดิมคือ เรือหลวงท่าจีน ซึ่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระราชทานชื่อให้ตอนปีพ.ศ. 2559 ต่อมาด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามใหม่ว่า เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช ตามพระนามของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
ความเป็นมาของโครงการ
[แก้]เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช เป็นเรือชั้นฟริเกต ต่อขึ้นที่เกาหลีใต้ โดยพัฒนาขึ้นจากเรือพิฆาตชั้น ควังแกโทมหาราช (Gwanggaeto the Great-class destroyer) เรือลำนี้ถือเป็นเรือลำแรกในโครงการเรือฟริเกตสมรรถนะสูงของกองทัพเรือไทย สามารถปฏิบัติการรบ 3 มิติ ทั้งผิวน้ำ, ใต้น้ำ และทางอากาศ มีชื่อเดิมคือ เรือหลวงท่าจีน (ลำที่ 3) ต่อมาได้รับพระราชทานชื่อใหม่โดย รัชกาลที่ 10 มีชื่อว่า เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช ตามพระราชนามของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เรือ DW-3000F เป็นโครงการจัดหาเรือฟริเกตสมรรถนะสูงของกองทัพเรือจำนวน 2 ลำ โครงการเริ่มขึ้นในปี 2555 และลงนามจัดซื้อในปี 2556 จากบริษัท Daewoo Shipbuilding & Marine Engineering Co., Ltd. (DSME) จากประเทศเกาหลีใต้ 1 ลำ โดยมีค่าจ้างสร้างเรือรวมทั้งสิ้นประมาณ 14,997 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม อะไหล่เครื่องมือ เอกสาร ส่วนสนับสนุน การทดสอบทดลอง การฝึกอบรม การถ่ายทอดเทคโนโลยี และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นงบประมาณผูกพันระยะเวลา 6 ปี
การดำเนินการสร้าง
[แก้]เรือถูกพัฒนาปรับปรุงมาจากเรือพิฆาตชั้น Gwanggaeto the Great-class destroyer (KDX-I) ของกองทัพเรือเกาหลีใต้ โดยการสร้างเรือดำเนินการ ณ อู่ต่อเรือของบริษัท DSME เกาหลีใต้ ในระหว่างปี 2556 – 2561 ตัวเรือออกแบบโดยใช้ Stealth Technology ทั้งตัวเรือและระบบต่าง ๆ เน้นลดการถูกตรวจจับโดยฝ่ายตรงข้าม ทั้งลดการแผ่รังสีความร้อน ลดการสะท้อนของเรดาร์และลดเสียง มีการเชื่อมโยงระบบการรบของเรือรบกองทัพเรือกับเครื่องบินของกองทัพอากาศ ทั้ง Link E, Link RTN โดยเฉพาะการเชื่อมโยงกับเรือหลวงฟริเกตชุดตากสิน-นเรศวร และเรือหลวงจักรีนฤเบศร กับ Link G, เครื่องบิน Gripen เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาระบบ Network Centric Warfare เรือฟริเกตสมรรถนะสูง ได้รับการออกแบบตัวเรือและโครงสร้าง รองรับการปรับปรุงให้สามารถยิงอาวุธปล่อยนำวิถีพื้น-สู่-อากาศ แบบ SM2 รวมทั้งได้มีแผนเตรียมการรองรับไว้แล้ว โดยบริษัทผู้ผลิตระบบประกอบที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ แท่นยิงแท่นยิงอาวุธปล่อยฯ แนวตั้ง (VLS) ระบบอำนวยการรบ เรดาร์ควบคุมการยิงและ เรดาร์ชี้เป้า (Illuminator) สามารถปรับปรุงรองรับการยิงอาวุธปล่อยฯ ดังกล่าวได้ เมื่อกองทัพเรือต้องการและสถานการณ์ด้านงบประมาณเอื้ออำนวย เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช ได้ทำพิธีรับมอบเรือ ณ อู่ต่อเรือ Okpo-Dong ของบริษัท Daewoo Shipbuilding & Marine Engineering (DSME) ใน Geoje, South Gyeongsang, Busan เกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2561
ภารกิจของหน่วย
[แก้]- ภารกิจในยามสงคราม ป้องกันอธิปไตยเหนืออาณาเขตทางทะเลของไทย คุ้มกันกระบวนเรือลำเลียง
- ภารกิจในยามสงบ รักษาความมั่นคงและความปลอดภัยของเส้นทางคมนาคมทางทะเล พิทักษ์รักษาสิทธิอธิปไตยทางทะเล ค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ และรักษากฎหมายตามกฎหมายให้อำนาจทหารเรือ
ในวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินโดยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง จากค่ายนเรศวร อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ประทับเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช เพื่อทอดพระเนตรการแข่งขันเรือใบข้ามอ่าวเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ทรงเข้าร่วมการแข่งขันดังกล่าวด้วย[4]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ https://www.marinetraffic.com/en/ais/details/ships/shipid:5412270/mmsi:567565000/imo:0/vessel:THAI_WARSHIP
- ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 กองทัพเรือไทยจัดพิธีต้อนรับเรือฟริเกตสมรรถนะสูงเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช 7 มกราคม 2562. AAG_th บันทึกประจำวัน
- ↑ เรือฟริเกตเรือหลวงท่าจีนได้รับพระราชทานชื่อใหม่เป็นเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดชเดินทางถึงกองทัพเรือไทยแล้ว 6 มกราคม 2562. AAG_th บันทึกประจำวัน
- ↑ "ในหลวง-พระราชินีทรงร่วมแข่งขันกีฬาเรือใบข้ามอ่าว". www.siamsport.co.th (ภาษาอังกฤษ). 2024-04-19.