ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พรานบูรพ์"
ล replaceViaSearch |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 4: | บรรทัด 4: | ||
== ประวัติ == |
== ประวัติ == |
||
บุตรของหลวงราชสมบัติ (จันทน์) นายอำเภอเมือง และนางสร้อย เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2444 ที่ อ.เมือง [[จังหวัดเพชรบุรี]]มีน้องสาวร่วมบิดา มารดา 1 คน คือ นางสังวาลย์ มณิปันตี (ถึงแก่กรรม) เนื่องจากบิดาเป็นข้าราชการ ซึ่งต้องโยกย้ายไปรับราชการตามต่างจังหวัดต่างๆ เมื่อเติบวัยที่จะเข้าศึกษาได้ บิดาได้ย้ายมาจังหวัดราชบุรี จึงได้เข้าเรียนหนังสือที่วัดสัตนาถ [[จังหวัดราชบุรี]] เรียนอยู่ได้ไม่นานบิดาก็ถึงแก่กรรม ขณะนั้นมีอายุได้ 7 ปี มารดาได้พากลับบ้านเดิมที่[[จังหวัดสุราษฎร์ธานี]]ได้เรียนหนังสือต่อจนอายุได้ 11 ปี จึงได้เข้าเรียนต่อที่[[โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย]] ระหว่างที่ศึกษาอยู่ที่โรงเรียนสวนกุหลาบนั้น นอกจากจะได้รับเลือกเข้าเล่นฟุตบอลในทีมโรงเรียนแล้ว ยังสามารถเล่นยูโด และไวโอลินได้ดีอีกด้วย เมื่อจบชั้น ม.8 จากโรงเรียนสวนกุหลาบฯ ได้เข้าศึกษาต่อที่[[คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย]โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะเป็นนายอำเภอ แต่อาจารย์เห็นว่าตัวเล็กจะเป็นนายอำเภอคงไม่เหมาะ จึงย้ายคณะไปเรียนวิศวกรรมศาสตร์ เมื่อเรียนถึงปี 2 มารดาถึงแก่กรรม และไม่มีทุนเรียนต่อ จึงออกจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
|||
เมื่อออกจากมหาวิทยาลัย |
เมื่อออกจากมหาวิทยาลัย กำลังเป็นระยะที่คณะละครราตรีพัฒนา เดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกา จึงได้เริ่มชีวิตละครด้วยการบอกบทหลังหลังฉาก ขณะเดียวกันก็เขียนบทกวีในนาม "''อำแดงขำ''" เรื่องอ่านเล่นในนามปากกา "''รักร้อย''" และเริ่มแต่งบทละครเรื่อง '''"ทะแกล้วทหารสามเกลอ"''' ขึ้นเป็นเรื่องแรก ได้รับผลสำเร็จอย่างดี จนได้เป็นผู้แต่งบทละครและกำกับการแสดงเอง เริ่มใช้นามปากกา "''พรานบูรพ์''" ครั้งแรก เมื่อเขียนเรื่อง '''"เหยี่ยวทะเล"''' |
||
[[ไฟล์:จันทโรภาส.jpg|thumb|150px|คณะละครจันทโรภาส]] |
[[ไฟล์:จันทโรภาส.jpg|thumb|150px|คณะละครจันทโรภาส]] |
||
พรานบูรพ์ได้ดัดแปลงเพลงไทยเดิมที่มีลูกคู่ร้องรับ มาสู่แบบสากล โดยที่ทำนองเพลงที่ใช้กับบทละครร้องยุคนั้น มีลูกคู่ยืดยาดเกินควร จึงใส่เนื้อร้องเต็มหรือตัดให้กระชับแทนลูกคู่ใช้ดนตรีคลอ โดยใช้เครื่องดนตรีฝรั่งบรรเลงแทนเครื่องพิณพาทย์ลาดตะโพนฉับแกระ เป็นที่นิยมกันมาก เมื่อคณะละครราตรีพัฒนาระงับการแสดงเพราะเจ้าของมีภารกิจทางด้านโรงภาพยนตร์เพิ่มขึ้น พรานบูรพ์จึงได้เข้าทำงาน น.ส.พ.โดยประจำอยู่กองบรรณาธิการเดลิเมล์รายวัน และเขียนเรื่องสั้น เรื่องยาว และบกพากย์การ์ตูนใน น.ส.พ.เดลิเมล์วันจันทร์ ต่อมาได้จัดตั้งคณะละครชื่อ "ศรีโอภาส" ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น "จันทโรภาส" ละครที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือเรื่อง "[[จันทร์เจ้าขา]]" ซึ่ง |
พรานบูรพ์ได้ดัดแปลงเพลงไทยเดิมที่มีลูกคู่ร้องรับ มาสู่แบบสากล โดยที่ทำนองเพลงที่ใช้กับบทละครร้องยุคนั้น มีลูกคู่ยืดยาดเกินควร จึงใส่เนื้อร้องเต็มหรือตัดให้กระชับแทนลูกคู่ใช้ดนตรีคลอ โดยใช้เครื่องดนตรีฝรั่งบรรเลงแทนเครื่องพิณพาทย์ลาดตะโพนฉับแกระ เป็นที่นิยมกันมาก เมื่อคณะละครราตรีพัฒนาระงับการแสดงเพราะเจ้าของมีภารกิจทางด้านโรงภาพยนตร์เพิ่มขึ้น พรานบูรพ์จึงได้เข้าทำงาน น.ส.พ.โดยประจำอยู่กองบรรณาธิการเดลิเมล์รายวัน และเขียนเรื่องสั้น เรื่องยาว และบกพากย์การ์ตูนใน น.ส.พ.เดลิเมล์วันจันทร์ ต่อมาได้จัดตั้งคณะละครชื่อ "''ศรีโอภาส''" ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น '''"จันทโรภาส"''' ละครที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือเรื่อง '''"[[จันทร์เจ้าขา]]"''' ซึ่งถ่ายทำเป็นภาพยนตร์ เมื่อ พ.ศ. 2499 แสดงนำโดย [[เจือ จักษุรักษ์]], สายสนม นางงามเพชรบุรี , น้อย จันทร์คณา |
||
ผู้ริเริ่มทำบทพากย์ภาพยนตร์ในยุคแรก ซึ่งเป็นการเล่าเรื่องหน้าจอให้คนฟังก่อนหนังฉาย ต่อมาเป็นการพากย์แบบ[[โขน]] ในหนัง[[อินเดีย]]เรื่อง ''[[รามเกียรติ์]]'' ก่อนการพากย์เฉพาะเสียงแต่ละคนที่กำลังพูดพร้อมดนตรีประกอบในปัจจุบัน เรื่องแรกที่พากย์แบบนี้ คือ ''"อาบูหะซัน"'' มี[[ทิดเขียว]] (สิน สีบุญเรือง) เป็นผู้พากย์ |
|||
สมรสกับนางศรี จันทร์คณา มีบุตรและธิดา ดังนี้ นายจารุ จันทร์คณา (ถึงแก่กรรม) นางสาวจุไร จันทร์คณา (ถึงแก่กรรม) นางสาวจามรี จันทร์คณา และนางสาวจริยา จันทร์คณา และมีบุตรชายคือ [[จงรัก จันทร์คณา]]ที่เกิดจากนางเทียมน้อย เนาวโชติ |
|||
ถึงแก่กรรม เมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2519 อายุได้ 74 ปี |
|||
[[พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย]] จังหวัด[[นครปฐม]]ได้ปั้นหุ่นของพรานบูรพ์จัดแสดงไว้เพื่อเป็นเกียรติด้วย |
|||
== ผลงาน == |
== ผลงาน == |
||
บรรทัด 22: | บรรทัด 24: | ||
=== บทภาพยนตร์ === |
=== บทภาพยนตร์ === |
||
[[ไฟล์:พรานบูรพ์-แก้ว.jpg|thumb|พรานบูรพ์ (ซ้าย) ถ่ายภาพคู่กับ[[แก้ว อัจฉริยะกุล]]]] |
[[ไฟล์:พรานบูรพ์-แก้ว.jpg|thumb|พรานบูรพ์ (ซ้าย) ถ่ายภาพคู่กับ[[แก้ว อัจฉริยะกุล]]]] |
||
* [[ในสวนรัก]] (2481) [[ |
* [[ในสวนรัก]] (2481) บริษัท[[ภาพยนตร์เสียงศรีกรุง]] |
||
* [[อ้ายค่อม]] (2481) บริษัทภาพยนตร์เสียงศรีกรุง |
* [[อ้ายค่อม]] (2481) บริษัทภาพยนตร์เสียงศรีกรุง |
||
* [[ค่ายบางระจัน]] (2482) บริษัทภาพยนตร์เสียงศรีกรุง |
* [[ค่ายบางระจัน]] (2482) บริษัทภาพยนตร์เสียงศรีกรุง |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 09:43, 2 ตุลาคม 2555
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
พรานบูรพ์ หรือ จวงจันทร์ จันทร์คณา (29 มีนาคม พ.ศ. 2444 - 6 มกราคม พ.ศ. 2519) นักแต่งเพลงไทย เป็นคนแรกผู้ปฏิรูปรูปแบบเพลงไทย จากท่วงทำนองเพลงไทยเดิมที่มีลูกเอื้อนให้มีลักษณะสากลยิ่งขึ้น อาจกล่าวว่า พรานบูรพ์คือผู้ริเริ่มเพลงไทยสากลก็ได้ มีผลงานสร้างชื่อเสียงคือ ละครร้องเรื่อง "จันทร์เจ้าขา" และ "โรสิตา"
ประวัติ
บุตรของหลวงราชสมบัติ (จันทน์) นายอำเภอเมือง และนางสร้อย เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2444 ที่ อ.เมือง จังหวัดเพชรบุรีมีน้องสาวร่วมบิดา มารดา 1 คน คือ นางสังวาลย์ มณิปันตี (ถึงแก่กรรม) เนื่องจากบิดาเป็นข้าราชการ ซึ่งต้องโยกย้ายไปรับราชการตามต่างจังหวัดต่างๆ เมื่อเติบวัยที่จะเข้าศึกษาได้ บิดาได้ย้ายมาจังหวัดราชบุรี จึงได้เข้าเรียนหนังสือที่วัดสัตนาถ จังหวัดราชบุรี เรียนอยู่ได้ไม่นานบิดาก็ถึงแก่กรรม ขณะนั้นมีอายุได้ 7 ปี มารดาได้พากลับบ้านเดิมที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีได้เรียนหนังสือต่อจนอายุได้ 11 ปี จึงได้เข้าเรียนต่อที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ระหว่างที่ศึกษาอยู่ที่โรงเรียนสวนกุหลาบนั้น นอกจากจะได้รับเลือกเข้าเล่นฟุตบอลในทีมโรงเรียนแล้ว ยังสามารถเล่นยูโด และไวโอลินได้ดีอีกด้วย เมื่อจบชั้น ม.8 จากโรงเรียนสวนกุหลาบฯ ได้เข้าศึกษาต่อที่[[คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย]โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะเป็นนายอำเภอ แต่อาจารย์เห็นว่าตัวเล็กจะเป็นนายอำเภอคงไม่เหมาะ จึงย้ายคณะไปเรียนวิศวกรรมศาสตร์ เมื่อเรียนถึงปี 2 มารดาถึงแก่กรรม และไม่มีทุนเรียนต่อ จึงออกจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เมื่อออกจากมหาวิทยาลัย กำลังเป็นระยะที่คณะละครราตรีพัฒนา เดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกา จึงได้เริ่มชีวิตละครด้วยการบอกบทหลังหลังฉาก ขณะเดียวกันก็เขียนบทกวีในนาม "อำแดงขำ" เรื่องอ่านเล่นในนามปากกา "รักร้อย" และเริ่มแต่งบทละครเรื่อง "ทะแกล้วทหารสามเกลอ" ขึ้นเป็นเรื่องแรก ได้รับผลสำเร็จอย่างดี จนได้เป็นผู้แต่งบทละครและกำกับการแสดงเอง เริ่มใช้นามปากกา "พรานบูรพ์" ครั้งแรก เมื่อเขียนเรื่อง "เหยี่ยวทะเล"
พรานบูรพ์ได้ดัดแปลงเพลงไทยเดิมที่มีลูกคู่ร้องรับ มาสู่แบบสากล โดยที่ทำนองเพลงที่ใช้กับบทละครร้องยุคนั้น มีลูกคู่ยืดยาดเกินควร จึงใส่เนื้อร้องเต็มหรือตัดให้กระชับแทนลูกคู่ใช้ดนตรีคลอ โดยใช้เครื่องดนตรีฝรั่งบรรเลงแทนเครื่องพิณพาทย์ลาดตะโพนฉับแกระ เป็นที่นิยมกันมาก เมื่อคณะละครราตรีพัฒนาระงับการแสดงเพราะเจ้าของมีภารกิจทางด้านโรงภาพยนตร์เพิ่มขึ้น พรานบูรพ์จึงได้เข้าทำงาน น.ส.พ.โดยประจำอยู่กองบรรณาธิการเดลิเมล์รายวัน และเขียนเรื่องสั้น เรื่องยาว และบกพากย์การ์ตูนใน น.ส.พ.เดลิเมล์วันจันทร์ ต่อมาได้จัดตั้งคณะละครชื่อ "ศรีโอภาส" ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น "จันทโรภาส" ละครที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือเรื่อง "จันทร์เจ้าขา" ซึ่งถ่ายทำเป็นภาพยนตร์ เมื่อ พ.ศ. 2499 แสดงนำโดย เจือ จักษุรักษ์, สายสนม นางงามเพชรบุรี , น้อย จันทร์คณา
ผู้ริเริ่มทำบทพากย์ภาพยนตร์ในยุคแรก ซึ่งเป็นการเล่าเรื่องหน้าจอให้คนฟังก่อนหนังฉาย ต่อมาเป็นการพากย์แบบโขน ในหนังอินเดียเรื่อง รามเกียรติ์ ก่อนการพากย์เฉพาะเสียงแต่ละคนที่กำลังพูดพร้อมดนตรีประกอบในปัจจุบัน เรื่องแรกที่พากย์แบบนี้ คือ "อาบูหะซัน" มีทิดเขียว (สิน สีบุญเรือง) เป็นผู้พากย์
สมรสกับนางศรี จันทร์คณา มีบุตรและธิดา ดังนี้ นายจารุ จันทร์คณา (ถึงแก่กรรม) นางสาวจุไร จันทร์คณา (ถึงแก่กรรม) นางสาวจามรี จันทร์คณา และนางสาวจริยา จันทร์คณา และมีบุตรชายคือ จงรัก จันทร์คณาที่เกิดจากนางเทียมน้อย เนาวโชติ
ถึงแก่กรรม เมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2519 อายุได้ 74 ปี
พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย จังหวัดนครปฐมได้ปั้นหุ่นของพรานบูรพ์จัดแสดงไว้เพื่อเป็นเกียรติด้วย
ผลงาน
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
บทภาพยนตร์
- ในสวนรัก (2481) บริษัทภาพยนตร์เสียงศรีกรุง
- อ้ายค่อม (2481) บริษัทภาพยนตร์เสียงศรีกรุง
- ค่ายบางระจัน (2482) บริษัทภาพยนตร์เสียงศรีกรุง
- สนิมในใจ (2482) บูรพาศิลป์ภาพยนตร์
- สามหัวใจ (2482) บูรพาศิลป์ภาพยนตร์
- แผลเก่า (2483) บูรพาศิลป์ภาพยนตร์
- วังหลวงวังหลัง (2493)
กำกับภาพยนตร์
- วังหลวงวังหลัง (2493)
- ค่ายบางระจัน (2508)
ประพันธ์เพลง
- จันทร์เจ้าขา
- กล้วยไม้ลืมดอย (2477)
- กุหลาบร่วง (2476)
- ขวัญของเรียม (2483)
- กระแจะจันทร์
- อยากจะรักสักครั้ง
- นารีต้องมีผัว (ภาพยนตร์เรื่อง เกาะสวาทหาดสวรรค์ 2512)