ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ค่าปฏิกรรมสงคราม"
ล r2.6.4) (โรบอต เพิ่ม: kk:Репарации |
ล r2.7.2) (โรบอต เพิ่ม: id:Pampasan perang |
||
บรรทัด 49: | บรรทัด 49: | ||
[[hr:Reparacije]] |
[[hr:Reparacije]] |
||
[[hy:Ռազմատուգանք]] |
[[hy:Ռազմատուգանք]] |
||
[[id:Pampasan perang]] |
|||
[[ja:戦争賠償]] |
[[ja:戦争賠償]] |
||
[[kk:Репарации]] |
[[kk:Репарации]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 07:45, 2 สิงหาคม 2554
ค่าปฏิกรรมสงคราม (อังกฤษ: War reparations) หมายถึง ของมีค่าที่ต้องจ่ายเป็นค่าชดเชยเพื่อให้ครอบคลุมความเสียหายระหว่างสงคราม โดยทั่วไปแล้ว ค่าปฏิกรรมสงคราม หมายถึงเงินหรือสินค้าเปลี่ยนมือ มากกว่าการถ่ายโอนกรรมสิทธิ์ อย่างเช่น การผนวกดินแดน
การวิพากษ์วิจารณ์
ข้อวิพากษ์วิจารณ์หลักของการจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามในประวัติศาสตร์ประกอบด้วย:
- เป็นการกระทำที่ใช้ลงโทษประชาชนของฝ่ายแพ้สงคราม มากกว่าจะเป็นการกระทำอย่างเท่าเทียมระห่วางคู่สงครามทั้งสองฝ่าย
- ในหลายกรณี จากผลของการจ่ายค่าปฏิกรรมสงคราม รัฐบาลของฝ่ายที่แพ้สงครามมาก่อนมักจะเป็นผู้เริ่มสงครามในภายหลัง โดยที่ประชาชนของประเทศมีบทบาทน้อยมากต่อการตัดสินใจทำสงครามดังกล่าว รวมไปถึงโทษของค่าปฏิกรรมสงครามส่วนใหญ่เกิดขึ้นกับประชาชนผู้บริสุทธิ์
- หลังจากสงครามยุติ ประชาชนของฝ่ายแพ้สงครามมักจะประสบกับความยากจนและความขัดสน โทษของค่าปฏิกรรมสงครามจะทำให้ประชาชนยากจนลงไปอีก ซึ่งจะเป็นปัญหาเรื้อรังและอาจเป็นชนวนในระยะยาวของผู้ชนะ
จอห์น เมย์นาร์ด เคนส์ กล่าวว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจโลกจะนำไปสู่ความหายนะ
และยังได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า ค่าปฏิกรรมสงครามนั้นเป็นสาเหตุหลักของสงครามโลกครั้งที่สอง เนื่องจากการจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามของเยอรมนีตามผลของสนธิสัญญาแวร์ซายส์ ภายหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ก่อให้เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างหนักในเยอรมนี ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้ออย่างรุนแรงในสาธารณรัฐไวมาร์ และนำไปสู่การก้าวขึ้นสู่อำนาจของพรรคนาซี
ประสบการณ์จากการกำหนดค่าปฏิกรรมสงครามภายหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งนำไปสู่การแก้ไขปัญหาภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งประเทศผู้ชนะสงครามเรียกเก็บเครื่องจักรและสังหาริมทรัพย์แทนที่จะเป็นเงิน
การจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามในปัจจุบัน
หลังจากสงครามอ่าวเปอร์เซีย อิรักได้ยอมรับมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ 687 ซึ่งเป็นการประกาศจำนวนเงินที่อิรักจะต้องรับผิดชอบจากการรุกรานคูเวต คณะกรรมการจ่ายค่าชดเชยแห่งสหประชาชาติ (UNCC) ถูกจัดตั้งขึ้น และมีเงินทุนกว่า 350,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล องค์กรและเอกชน ซึ่งจำนวนเงินดังกล่าว 30% ได้มาจากมูลค่าของน้ำมันที่อิรักมอบให้ตามโครงการน้ำมันแลกอาหาร
อ้างอิง
- John Wheeler-Bennett "The Wreck of Reparations, being the political background of the Lausanne Agreement, 1932", New York, H. Fertig, 1972.
- Ilaria Bottigliero "Redress for Victims of Crimes under International Law", Martinus Nijhoff Publishers, The Hague (2004).