ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ลัทธิทรูแมน"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
Luckas-bot (คุย | ส่วนร่วม) ล r2.7.1) (โรบอต เพิ่ม: be, be-x-old, bg, bs, ca, cs, da, de, es, et, eu, fa, fi, fr, he, hr, hu, it, ja, ka, ko, lt, lv, nl, no, pl, pt, ro, ru, simple, sk, sl, sr, sv, tl, tr, vi, zh |
||
บรรทัด 14: | บรรทัด 14: | ||
[[หมวดหมู่:ลัทธินโยบายการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา]] |
[[หมวดหมู่:ลัทธินโยบายการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา]] |
||
[[be:Дактрына Трумэна]] |
|||
[[be-x-old:Дактрына Трумэна]] |
|||
[[bg:Доктрина Труман]] |
|||
[[bs:Trumanova doktrina]] |
|||
[[ca:Doctrina Truman]] |
|||
[[cs:Trumanova doktrína]] |
|||
[[da:Trumandoktrinen]] |
|||
[[de:Truman-Doktrin]] |
|||
[[en:Truman Doctrine]] |
[[en:Truman Doctrine]] |
||
[[es:Doctrina Truman]] |
|||
[[et:Trumani doktriin]] |
|||
[[eu:Truman doktrina]] |
|||
[[fa:دکترین ترومن]] |
|||
[[fi:Trumanin oppi]] |
|||
[[fr:Doctrine Truman]] |
|||
[[he:דוקטרינת טרומן]] |
|||
[[hr:Trumanova doktrina]] |
|||
[[hu:Truman-doktrína]] |
|||
[[it:Dottrina Truman]] |
|||
[[ja:トルーマン・ドクトリン]] |
|||
[[ka:ტრუმენის დოქტრინა]] |
|||
[[ko:트루먼 독트린]] |
|||
[[lt:Trumeno doktrina]] |
|||
[[lv:Trūmena doktrīna]] |
|||
[[nl:Trumandoctrine]] |
|||
[[no:Truman-doktrinen]] |
|||
[[pl:Doktryna Trumana]] |
|||
[[pt:Doutrina Truman]] |
|||
[[ro:Doctrina Truman]] |
|||
[[ru:Доктрина Трумэна]] |
|||
[[simple:Truman Doctrine]] |
|||
[[sk:Trumanova doktrína]] |
|||
[[sl:Trumanova doktrina]] |
|||
[[sr:Труманова доктрина]] |
|||
[[sv:Trumandoktrinen]] |
|||
[[tl:Doktrinang Truman]] |
|||
[[tr:Truman Doktrini]] |
|||
[[vi:Chủ thuyết Truman]] |
|||
[[zh:杜鲁门主义]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 09:51, 12 มีนาคม 2554
ลัทธิทรูแมน (อังกฤษ: Truman Doctrine) เป็นนโยบายซึ่งเสนอโดยประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา แฮร์รี เอส. ทรูแมน เมื่อวันที่ 12 มีนาคม ค.ศ. 1947 โดยกล่าวว่า สหรัฐจะสนับสนุนกรีซและตุรกี โดยให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและการทหาร เพื่อป้องกันมิให้ประเทศทั้งสองตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของโซเวียต[1]
ทรูแมนกล่าวว่าทฤษฎีดังกล่าวจะเป็น "นโยบายของสหรัฐอเมริกาเพื่อสนับสนุนอิสรชนผู้ซึ่งกำลังต่อต้านความพยายามปราบปรามโดยชนกลุ่มน้อยติดอาวุธหรือโดยแรงกดดันจากภายนอก" ทรูแมนให้เหตุผลว่า เนื่องจาก "ระบอบเผด็จการเบ็ดเสร็จ" เหล่านี้บีบบังคับ "อิสรชน" พวกเขาจึงเป็นสัญลักษณ์ของภัยคุกคามต่อสันติภาพสากลและความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา ทรูแทนออกแถลงการณ์ดังกล่าวท่ามกลางวิกฤตการณ์สงครามกลางเมืองกรีซ (1946-49) เขาโต้แย้งว่าหากกรีซและตุรกีไม่ได้รับความช่วยเหลือที่ต้องการโดยด่วนแล้ว ทั้งสองประเทศอาจตกอยู่ภายใต้ระบอบคอมมิวนิสต์อย่างแก้คืนไม่ได้และจะสร้างผลกระทบร้ายแรงตลอดภูมิภาค
แต่เดิม สหราชอาณาจักรเคยให้การสนับสนุนกรีซมาก่อน แต่ตอนนี้อังกฤษกลับตกอยู่ในสถานะแทบล้มละลายและะถูกบังคับให้ลดการให้ความช่วยเหลือลงอย่างมาก ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1947 สหราชอาณาจักรร้องขออย่างเป็นทางการต่อสหรัฐอเมริกาเพื่อแทนที่ตนในบทบาทการสนับสนุนรัฐบาลกรีซ[2]
นโยบายดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากพรรครีพับลิกันซึ่งมีเสียงข้างมากในรัฐสภาสหรัฐอเมริกา และส่งเงินจำนวน 400 ล้านดอลล่าร์สหรัฐไปยังภูมิภาคดังกล่าว แต่มิได้ส่งกำลังทหารใด ๆ ไป ผลกระทบจากนโยบายดังกล่าวทำให้ภัยคุกคามคอมมิวนิสต์หมดลงไป และใน ค.ศ. 1952 ทั้งสองประเทศเข้าร่วมกับนาโต พันธมิตรทางการทหารซึ่งรับประกันการคุ้มครองทั้งสองประเทศ[3]
ลัทธิดังกล่าวต่อมาแพร่หลายอย่างไม่เป็นทางการจนกลายมาเป็นรากฐานของนโยบายสหรัฐอเมริกาในสงครามเย็น ตลอดทวีปยุโรปและทั่วโลก[4] โดยเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศที่มีต่อสหภาพโซเวียตจากยุคแห่งการผ่อนคลายความตึงเครียด ไปเป็นนโยบายการจำกัดการขยายตัวของโซเวียต นักประวัติศาสตร์มักถือว่าการประกาศลัทธิทรูแมนเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามเย็น
อ้างอิง
- ↑ "Special Message to the Congress on Greece and Turkey: The Truman Doctrine." Truman Library Public Papers, 12 March 1947. Web. May. 2010. <http://www.trumanlibrary.org/publicpapers/index.php?pid=2189&st=&st1=>
- ↑ Alan Bullock, Ernest Bevin: Foreign Secretary (1983) pp 368-9; Arnold Offner, Another Such Victory: President Truman and the Cold War, 1945-1953 (2002) p 197; Denise M. Bostdorff, Proclaiming the Truman Doctrine (2008) p 51
- ↑ George McGhee, The U.S.-Turkish-NATO Middle East Connection: How the Truman Doctrine and Turkey's NATO Entry Contained the Soviets in the Middle East, (1990)
- ↑ Dennis Merrill, "The Truman Doctrine: Containing Communism and Modernity," Presidential Studies Quarterly, March 2006, Vol. 36 Issue 1, pp 27-37