ผลต่างระหว่างรุ่นของ "คตินิยมเส้นกั้นสี"
WikitanvirBot (คุย | ส่วนร่วม) ล r2.5.2) (โรบอต เพิ่ม: fa:مجزاگری |
ล โรบอต เพิ่ม: es:Cloisonismo |
||
บรรทัด 28: | บรรทัด 28: | ||
[[de:Cloisonismus]] |
[[de:Cloisonismus]] |
||
[[en:Cloisonnism]] |
[[en:Cloisonnism]] |
||
[[es:Cloisonismo]] |
|||
[[fa:مجزاگری]] |
[[fa:مجزاگری]] |
||
[[fr:Cloisonnisme]] |
[[fr:Cloisonnisme]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 13:04, 20 มกราคม 2554
ลัทธิคลัวซอนนิสม์ (อังกฤษ: Cloisonnism) เป็นลักษณะการเขียนภาพของศิลปะอิมเพรสชันนิสม์สมัยหลังที่เด่นและราบ (bold และ flat) ที่แยกจากสิ่งแวดล้อมด้วยขอบสีหนัก เป็นคำที่นักวิจารณ์เอดวด ดูจาแดง (Edouard Dujardin) เริ่มใช้ในปี ค.ศ. 1888[1] ศิลปินเช่นอีมิล เบอร์นาร์ด (Émile Bernard), หลุยส์ อันเคแตน (Louis Anquetin), พอล โกแกง และคนอื่นๆ ใช้วิธีการเขียนเช่นว่าในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 คำว่า “คลัวซอนเน” (cloisonné) หมายถึงเท็คนิคในการใช้ลวดเชื่อมชิ้นต่างๆ ของฝุ่นแก้วเข้าด้วยกันก่อนที่จะเผา
“พระเยซูเหลือง” (Le Christ jaune) ที่เขียนในปี ค.ศ. 1889 ถือกันว่าเป็นตัวอย่างที่ดีของงานเขียนแบบคลัวซอนนิสม์ พอล โกแกงลดบริเวณต่างในภาพลงมาเหลือเพียงสีเหลืองโดยแยกพระเยซูออกมาด้วยขอบสีดำหนัก งานลักษณะนี้เกือบจะไม่ให้ความสนใจในทฤษฎีการเขียนภาพแบบทัศนียภาพที่เคยทำกันมาและลบการลดหลั่นของสีต่างๆ ในภาพจนแบนราบ —ซึ่งเป็นสองลักษณะที่เด่นของการเขียนภาพแบบเรอเนซองส์สมัยหลัง
การแยกสีของคลัวซอนนิสม์สะท้อนให้เห็นความขาดการต่อเนื่องซึ่งเป็นลักษณะของการเขียนภาพแบบศิลปะสมัยใหม่ (เอเวอร์เดลล์, ค.ศ. 1997).[ต้องการอ้างอิง]
อ้างอิง
- ↑ Dujardin, Édouard: Aux XX et aux Indépendants: le Cloisonismé (sic!), Revue indépendante, Paris, March 1888, pp. 487-492
ดูเพิ่ม
สมุดภาพ
-
“ภาพเหมือนตนเอง” โดยโกแกง
-
“ภาพเหมือนของPatience Escalier” โดยฟินเซนต์ ฟาน ก็อกฮ์
-
งานกอปปีของฟินเซนต์ ฟาน ก็อกฮ์
-
“มโนทัศน์ของการเทศนา”
(The Vision of the Sermon) โดยโกแกง