ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โบสถ์นักบุญโธมัส (ไลพ์ซิช)"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Zince (คุย | ส่วนร่วม)
Zince (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 8: บรรทัด 8:


== ประวัติ ==
== ประวัติ ==
ตามหลักฐาน เชื่อว่ามีการสร้างโบสถ์ตามสถาปัตยกรรมยุค Romanesque ตั้งอยู่ ณ ที่ตั้งปัจจุบันของโบสถ์นักบุญโธมัส ตั้งแต่ปี [[ค.ศ. 1212]] โดยมาร์กราเฟ่ ดีตริช (Margrave Dietrich) เพื่อเป็นโบสถ์ประจำตระกูลเอากุสติเนียน (Augustian Monastery) ต่อมาในปี [[ค.ศ. 1355]] จึงได้มีการบูรณะตัวอาคารให้เป็นสถาปัตยกรรมในแบบโกธิค (Gothic) ปัจจุบันยังคงหลงเหลือรูปแบบสถาปัตยกรรมดังกล่าวในบริเวณที่เป็นหน้าต่างทางทิศเหนือ และพื้นชั้นล่างของหอคอย
ตามเอกสารประวัติศาสตร์ คาดว่าโบสถ์นักบุญโธมัส ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในปี [[ค.ศ. 1212]] ด้วยสถาปัตยกรรมยุค Romanesque ออกแบบโดยมาร์กราเฟ่ ดีตริช (Margrave Dietrich) เพื่อเป็นโบสถ์ประจำตระกูลเอากุสติเนียน (Augustian Monastery) ต่อมาในปี [[ค.ศ. 1355]] จึงได้มีการบูรณะตัวโบสถ์ให้ทันสมัยขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมในแบบ[[โกธิค]] (Gothic) ปัจจุบันยังคงหลงเหลือรูปแบบสถาปัตยกรรมดังกล่าวในบริเวณที่เป็นหน้าต่างทางทิศเหนือของโบสถ์ และบริเวณพื้นชั้นล่างของหอคอย


ในยุคศตวรรษที่ 15 มีการค้นพบแร่เงินทางด้านใต้ของเมืองไลพ์ซิก ซึ่งสร้างรายได้อย่างดีแก่ชาวเมือง โบสถ์จึงถูกบูรณะทั้งใหญ่ เพื่อขยายขนาดออกไปให้โอ่โถงยิ่งขึ้น โดยโถงห้องประชุมใหญ่ทั้งหมดถูกออกแบบโดยใช้สถาปัตยกรรมแบบโกธิคยุคปลายทั้งหมด ซึ่งเป็นต้นแบบของโบสถ์นักบุญโธมัสที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน โดยตัวโถงห้องประชุมแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1496 ยกเว้นส่วนหอคอย ซึ่งมีความสูงถึง 68 เมตร ใช้เวลาในการสร้างยาวนาน กว่าจะแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1702 สถาปัตยกรรมของโบสถ์นักบุญโธมัส โดยเฉพาะในส่วนโครงสร้างหลักคงรูปแบบนี้มาจนกระทั่งปัจจุบัน มิได้มีการเปลี่ยนแปลงใดใด อีกเลย
ในยุคศตวรรษที่ 15 อุตสาหกรรมเหมือง แร่เงิน ทางด้านใต้ของเมืองไลพ์ซิก สร้างรายได้ให้แก่ชาวเมืองอย่างมาก โบสถ์แห่งนี้จึงได้รับการบูรณะใหม่ โดยขยายขนาดให้โอ่โถงยิ่งขึ้น โถงห้องประชุมใหญ่ถูกออกแบบโดยสถาปัตยกรรมแบบโกธิคยุคปลาย ซึ่งเป็นต้นแบบของโบสถ์นักบุญโธมัสที่เห็นในปัจจุบัน โดยการบูรณะตัวโถงห้องประชุมแล้วเสร็จในปี [[ค.ศ. 1496]] ยกเว้นส่วนหอคอยซึ่งมีความสูงถึง 68 เมตร ใช้เวลาในการสร้างยาวนาน แล้วเสร็จในปี [[ค.ศ. 1702]] สถาปัตยกรรมของโบสถ์นักบุญโธมัส ซึ่งโครงสร้างหลักของโบสถ์นักบุญโธมัส ได้คงรูปแบบนี้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา


การตกแต่งภายในโบสถ์ ได้มีการปรับเปลี่ยนเป็นแบบ Baroque ในช่วงปี ค.ศ. 1723 - ค.ศ. 1750 ซึ่งเป็นช่วงที่โยฮันน์ เซบาสเตียน บาค ทำงานที่โบสถ์แห่งนี้ และต่อมาได้ถูกปรับเปลี่ยนเป็นแบบ นีโอโกธิค ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ตามค่านิยมในยุคนั้น และได้คงรูปแบบดังกล่าวไว้จวบจนปัจจุบัน
การตกแต่งภายในโบสถ์ ได้มีการปรับเปลี่ยนเป็นแบบ Baroque ในช่วงปี [[ค.ศ. 1723]] - [[ค.ศ. 1750]] ซึ่งเป็นช่วงที่[[โยฮันน์ เซบาสเตียน บาค]] ทำงานเป็นนักดนตรี และนักประพันธ์เพลงที่เมืองไลพ์ซิก และต่อมาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 การตกแต่งภายในจึงได้ถูกปรับเปลี่ยนเป็นแบบ โกธิคยุคใหม่ ใน ตามค่านิยมในยุคนั้น และได้คงรูปแบบดังกล่าวไว้จวบจนปัจจุบัน


ในปี ค.ศ. 1539 มาติน ลูเธอร์ ผู้ก่อตั้งศาสนาคริสต์นิกายโปแตสเตนท์ ได้มาเทศนาที่โบสถ์แห่งนี้ ปัจจุบัน โบสถ์นักบุญโธมัสเป็นโบสถ์ประจำนิกายลูเธอแรน
ในปี ค.ศ. 1539 [[มาติน ลูเธอร์]] นักปฎิวัติศาสนา และผู้ก่อตั้ง[[ศาสนาคริสต์นิกายโปแตสเตนท์]] ได้มาเทศนาที่โบสถ์แห่งนี้ ปัจจุบัน โบสถ์นักบุญโธมัสเป็นสถานนมัสการประจำสำหรับคริสเตียนนิกายลูเธอแรน มีรอบนมัสการทุกวันอาทิตย์เวลา 10:00 น.


โยฮันน์ เซบาสเตียน บาค ทำงานเป็นหัวหน้าคณะนักร้องประสานเสียงที่โบสถ์ในเมืองไลพ์ซิก อันได้แก่ โบสถ์นักบุญโธมัส โบสถ์นักบุญนิโคลัส โบสถ์นักบุญเปาโล และโบสถ์โยฮานเนส (โบสถ์นี้ถูกทำลายไปตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง และยังไม่ได้มีการสร้างสิ่งก่อสร้างใดทดแทนในบริเวณดังกล่าว) ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1723 จนกระทั่งเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1750 โดยเดิมได้มีสุสานสำหรับโยฮันน์ เซบาสเตียน บาค ที่โบสถ์โยฮานเนส ต่อมาโบสถ์ดังกล่าวถูกระเบิดเสียหายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงได้มีการย้ายสุสานของเขามายังโบสถ์นักบุญโธมัสในปี ค.ศ. 1950 ปัจจุบันมีอนุสวรีย์ของเขาตั้งอยู่บริเวณทิศใต้ภายนอกของโบสถ์ ซึ่งอนุสวรีย์ดังกล่าวถูกสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1908
[[โยฮันน์ เซบาสเตียน บาค]] ทำงานเป็นนักดนตรี นักประพันธ์เพลง และหัวหน้าคณะนักร้องประสานเสียง ประจำโบสถ์ในเมืองไลพ์ซิก อันได้แก่ โบสถ์นักบุญโธมัส โบสถ์นักบุญนิโคลัส โบสถ์นักบุญเปาโล และโบสถ์โยฮานเนส (โบสถ์แห่งสุดท้ายนี้ถูกทำลายไปตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง และยังไม่ได้มีการสร้างสิ่งก่อสร้างใดทดแทนในบริเวณดังกล่าว) ในช่วงระหว่างปี [[ค.ศ. 1723]] จนกระทั่งเสียชีวิตในปี [[ค.ศ. 1750]] เดิมสุสานของเขา ตั้งอยู่ โบสถ์โยฮานเนส เนื่องจากโบสถ์ดังกล่าวถูกระเบิดเสียหายในช่วง[[สงครามโลกครั้งที่ 2]] จึงได้มีการย้ายสุสานของเขามายังโบสถ์นักบุญโธมัสแห่งนี้ในปี [[ค.ศ. 1950]] จนปัจจุบัน ต่อมาในปี ค.ศ. 1908 ได้มีการสร้างอนุสวรีย์ [[โยฮันน์ เซบาสเตียน บาค]] ตั้งอยู่บริเวณทิศใต้ภายนอกของโบสถ์อีกด้วย และในปี [[ค.ศ. 2007]] จึงได้มีการสร้างอนุสวรีย์ของเฟลิกซ์ เมลโดโซห์น ตั้งไว้ด้านทิศตะวันออกของโบสถ์แห่งนี้


ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 วันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ. 1943 โบสถ์นักบุญโธมัส ถูกระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรทำความเสียหาย ได้ถูกบูรณะขึ้นใหม่ภายหลังการรวมเยอรมนีสองประเทศ ในปี ค.ศ. 1990 การบูรณะแล้วเสร็จทันเพื่องานครบรอบวันเสียชีวิต 250 ปี ของ โยฮันน์ เซบาสเตียน บาค ซึ่งตรงกับวันที่ 28 กรกฎาคม ค.ศ. 2000 ซึ่งการบูรณะในครั้งนั้นรวมถึงการบูรณะออแกน ของโบสถ์ด้วย
ในช่วง[[สงครามโลกครั้งที่ 2]] วันที่ [[4 ธันวาคม]] [[ค.ศ. 1943]] โบสถ์นักบุญโธมัส ถูกระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรทำความเสียหาย และคงสภาพเช่นนั้นกระทั่งในปี [[ค.ศ. 1990]] ภายหลังการรวมเยอรมนีสองประเทศจึงได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ โดยการบูรณะในครั้งนั้นแล้วเสร็จเพื่อเฉลิมฉลองงานครบรอบ 250 ปี วันเสียชีวิตของ [[โยฮันน์ เซบาสเตียน บาค]] ซึ่งตรงกับวันที่ [[28 กรกฎาคม]] [[ค.ศ. 2000]] ซึ่งรวมถึงการสร้างออแกนหลังใหม่ของโบสถ์ด้วย การบูรณะครั้งนี้ได้รับเงินสนับสนุนจากสหภาพยุโรป


หลังคาของโบสถ์นักบุญโธมัส มีความชันมากกว่าโบสถ์โดยทั่วไป โดยมีความชันของหลังคาถึง 63 องศา ตัวโบสถ์ทั้งหมดยาว 76 เมตร เฉพาะส่วนโถงห้องประชุมใหญ่ ยาว 50 เมตร กว้าง 25 เมตร และสูง 18 เมตร แต่ถ้าวัดความสูงจากพื้นโบสถ์จนถึงกระโดงหลังคา (ไม่รวมหอคอย) จะสูงถึง 45 เมตร เนื่องจากความชันของหลังคานั่นเอง โดยใต้หลังคาโบสถ์นี้ซอยย่อยออกได้ถึง 7 ชั้นด้วยกัน
หลังคาของโบสถ์นักบุญโธมัส มีความชันมากกว่าโบสถ์โดยทั่วไป โดยมีความชันของหลังคาถึง 63 องศา ตัวโบสถ์ทั้งหมดยาว 76 เมตร เฉพาะส่วนโถงห้องประชุมใหญ่ ยาว 50 เมตร กว้าง 25 เมตร และสูง 18 เมตร แต่ถ้าวัดความสูงจากพื้นโบสถ์จนถึงกระโดงหลังคา (ไม่รวมหอคอย) จะสูงถึง 45 เมตร เนื่องจากความชันของหลังคานั่นเอง โดยใต้หลังคาโบสถ์นี้ซอยย่อยออกได้ถึง 7 ชั้นด้วยกัน


ภายนอกด้านทิศตะวันออกของโบสถ์ เป็นที่ตั้งของอนุสวรีย์ของเฟลิกซ์ เมนเดลโซห์น บาร์โธลดี้ ผู้อำนวยวงออเครสต้าประจำเมืองไลพ์ซิกในช่วงศตวรรษที่ 19 โดยอนุสวรีย์ดังกล่าวถูกสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงในงานครบรอบวันเกิด 200 ปีของเขาเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ค.ศ. 2008 โดยเป็นอนุสวรีย์รูปเหมือนทองสัมฤทธิ์ขนาดสูง 6 ฟุต โดยอนุสวรีย์นี้สร้างขึ้นเพื่อทดแทนของเก่าที่สร้างเมื่อ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 1936 เนื่องจากของเดิมถูกกองทัพนาซีทำลายด้วยเมนเดลโซห์นมีเชื้อสายยิว
ภายนอกด้านทิศตะวันออกของโบสถ์ เป็นที่ตั้งของอนุสวรีย์ของเฟลิกซ์ เมนเดลโซห์น บาร์โธลดี้ ผู้อำนวยวงออเครสต้าประจำเมืองไลพ์ซิกในช่วงศตวรรษที่ 19 โดยอนุสวรีย์ดังกล่าวถูกสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงในงานครบรอบวันเกิด 200 ปีของเขาเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ค.ศ. 2008 โดยเป็นอนุสวรีย์รูปเหมือนทองสัมฤทธิ์ขนาดสูง 6 ฟุต โดยอนุสวรีย์นี้สร้างขึ้นเพื่อทดแทนของเก่าที่สร้างเมื่อ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 1936 เนื่องจากของเดิมถูกกองทัพนาซีทำลายด้วยเมนเดลโซห์นมีเชื้อสายยิว





== คณะนักร้องประสานเสียง ==
== คณะนักร้องประสานเสียง ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 06:02, 14 กันยายน 2553

โบสถ์นักบุญโธมัส (อังกฤษ The St.Thomas Church หรือ เยอรมัน Thomaskirche) เป็นโบสถ์เก่าแก่ของเมืองไลพ์ซิก มีหลักฐานการสร้างโบถส์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1212 ปัจจุบันมีความสำคัญเนื่องจากเป็นสถานที่ฝังศพของ โยฮันน์ เซบาสเตียน บาค คีตกวีชื่อดังชาวเยอรมัน

โบสถ์นักบุญโธมัส เมืองไลพ์ซิก
โบสถ์นักบุญโธมัส เมืองไลพ์ซิกทางด้านทิศเหนือ


ประวัติ

ตามเอกสารประวัติศาสตร์ คาดว่าโบสถ์นักบุญโธมัส ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1212 ด้วยสถาปัตยกรรมยุค Romanesque ออกแบบโดยมาร์กราเฟ่ ดีตริช (Margrave Dietrich) เพื่อเป็นโบสถ์ประจำตระกูลเอากุสติเนียน (Augustian Monastery) ต่อมาในปี ค.ศ. 1355 จึงได้มีการบูรณะตัวโบสถ์ให้ทันสมัยขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมในแบบโกธิค (Gothic) ปัจจุบันยังคงหลงเหลือรูปแบบสถาปัตยกรรมดังกล่าวในบริเวณที่เป็นหน้าต่างทางทิศเหนือของโบสถ์ และบริเวณพื้นชั้นล่างของหอคอย

ในยุคศตวรรษที่ 15 อุตสาหกรรมเหมือง แร่เงิน ทางด้านใต้ของเมืองไลพ์ซิก สร้างรายได้ให้แก่ชาวเมืองอย่างมาก โบสถ์แห่งนี้จึงได้รับการบูรณะใหม่ โดยขยายขนาดให้โอ่โถงยิ่งขึ้น โถงห้องประชุมใหญ่ถูกออกแบบโดยสถาปัตยกรรมแบบโกธิคยุคปลาย ซึ่งเป็นต้นแบบของโบสถ์นักบุญโธมัสที่เห็นในปัจจุบัน โดยการบูรณะตัวโถงห้องประชุมแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1496 ยกเว้นส่วนหอคอยซึ่งมีความสูงถึง 68 เมตร ใช้เวลาในการสร้างยาวนาน แล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1702 สถาปัตยกรรมของโบสถ์นักบุญโธมัส ซึ่งโครงสร้างหลักของโบสถ์นักบุญโธมัส ได้คงรูปแบบนี้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

การตกแต่งภายในโบสถ์ ได้มีการปรับเปลี่ยนเป็นแบบ Baroque ในช่วงปี ค.ศ. 1723 - ค.ศ. 1750 ซึ่งเป็นช่วงที่โยฮันน์ เซบาสเตียน บาค ทำงานเป็นนักดนตรี และนักประพันธ์เพลงที่เมืองไลพ์ซิก และต่อมาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 การตกแต่งภายในจึงได้ถูกปรับเปลี่ยนเป็นแบบ โกธิคยุคใหม่ ใน ตามค่านิยมในยุคนั้น และได้คงรูปแบบดังกล่าวไว้จวบจนปัจจุบัน

ในปี ค.ศ. 1539 มาติน ลูเธอร์ นักปฎิวัติศาสนา และผู้ก่อตั้งศาสนาคริสต์นิกายโปแตสเตนท์ ได้มาเทศนาที่โบสถ์แห่งนี้ ปัจจุบัน โบสถ์นักบุญโธมัสเป็นสถานนมัสการประจำสำหรับคริสเตียนนิกายลูเธอแรน มีรอบนมัสการทุกวันอาทิตย์เวลา 10:00 น.

โยฮันน์ เซบาสเตียน บาค ทำงานเป็นนักดนตรี นักประพันธ์เพลง และหัวหน้าคณะนักร้องประสานเสียง ประจำโบสถ์ในเมืองไลพ์ซิก อันได้แก่ โบสถ์นักบุญโธมัส โบสถ์นักบุญนิโคลัส โบสถ์นักบุญเปาโล และโบสถ์โยฮานเนส (โบสถ์แห่งสุดท้ายนี้ถูกทำลายไปตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง และยังไม่ได้มีการสร้างสิ่งก่อสร้างใดทดแทนในบริเวณดังกล่าว) ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1723 จนกระทั่งเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1750 เดิมสุสานของเขา ตั้งอยู่ ณ โบสถ์โยฮานเนส เนื่องจากโบสถ์ดังกล่าวถูกระเบิดเสียหายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงได้มีการย้ายสุสานของเขามายังโบสถ์นักบุญโธมัสแห่งนี้ในปี ค.ศ. 1950 จนปัจจุบัน ต่อมาในปี ค.ศ. 1908 ได้มีการสร้างอนุสวรีย์ โยฮันน์ เซบาสเตียน บาค ตั้งอยู่บริเวณทิศใต้ภายนอกของโบสถ์อีกด้วย และในปี ค.ศ. 2007 จึงได้มีการสร้างอนุสวรีย์ของเฟลิกซ์ เมลโดโซห์น ตั้งไว้ด้านทิศตะวันออกของโบสถ์แห่งนี้

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 วันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ. 1943 โบสถ์นักบุญโธมัส ถูกระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรทำความเสียหาย และคงสภาพเช่นนั้นกระทั่งในปี ค.ศ. 1990 ภายหลังการรวมเยอรมนีสองประเทศจึงได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ โดยการบูรณะในครั้งนั้นแล้วเสร็จเพื่อเฉลิมฉลองงานครบรอบ 250 ปี วันเสียชีวิตของ โยฮันน์ เซบาสเตียน บาค ซึ่งตรงกับวันที่ 28 กรกฎาคม ค.ศ. 2000 ซึ่งรวมถึงการสร้างออแกนหลังใหม่ของโบสถ์ด้วย การบูรณะครั้งนี้ได้รับเงินสนับสนุนจากสหภาพยุโรป

หลังคาของโบสถ์นักบุญโธมัส มีความชันมากกว่าโบสถ์โดยทั่วไป โดยมีความชันของหลังคาถึง 63 องศา ตัวโบสถ์ทั้งหมดยาว 76 เมตร เฉพาะส่วนโถงห้องประชุมใหญ่ ยาว 50 เมตร กว้าง 25 เมตร และสูง 18 เมตร แต่ถ้าวัดความสูงจากพื้นโบสถ์จนถึงกระโดงหลังคา (ไม่รวมหอคอย) จะสูงถึง 45 เมตร เนื่องจากความชันของหลังคานั่นเอง โดยใต้หลังคาโบสถ์นี้ซอยย่อยออกได้ถึง 7 ชั้นด้วยกัน

ภายนอกด้านทิศตะวันออกของโบสถ์ เป็นที่ตั้งของอนุสวรีย์ของเฟลิกซ์ เมนเดลโซห์น บาร์โธลดี้ ผู้อำนวยวงออเครสต้าประจำเมืองไลพ์ซิกในช่วงศตวรรษที่ 19 โดยอนุสวรีย์ดังกล่าวถูกสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงในงานครบรอบวันเกิด 200 ปีของเขาเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ค.ศ. 2008 โดยเป็นอนุสวรีย์รูปเหมือนทองสัมฤทธิ์ขนาดสูง 6 ฟุต โดยอนุสวรีย์นี้สร้างขึ้นเพื่อทดแทนของเก่าที่สร้างเมื่อ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 1936 เนื่องจากของเดิมถูกกองทัพนาซีทำลายด้วยเมนเดลโซห์นมีเชื้อสายยิว

คณะนักร้องประสานเสียง

คณะนักร้องประสานเสียงของโบสถ์นักบุญโธมัส เมืองไลพ์ซิก มีหลักฐานว่าน่าจะกำเนิดมาพร้อม ๆ กับการก่อตั้งโบสถ์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1254 แต่ในช่วงที่คณะนักร้องประสานเสียง ได้รับการกล่าวถึงมาก ได้แก่ในช่วงปี ค.ศ. 1723 - ค.ศ. 1750 ที่โยฮันน์ เซบาสเตียน บาค ทำหน้าที่ประพันธ์เพลง และเป็นหัวหน้าคณะนักร้องประสานเสียงนี้ด้วย ณ ขณะนั้น คณะนักร้องประสานเสียงมีจำนวน 54 คน โดยทั้งหมดพักอาศัยอยู่บนชั้นดาดฟ้าของอาคารด้านข้างโบสถ์นั้นเอง

ปัจจุบันคณะนักร้องประสานเสียงโบสถ์นักบุญโธมัส เมืองไลพ์ซิก เป็นหนึ่งในคณะนักร้องประสานเสียงที่มีชื่อเสียงมากในประเทศเยอรมนี มีจำนวนนักร้องประสานเสียงถึง 100 คน นักร้องประสานเสียงของโบสถ์นี้เป็นเด็กผู้ชายทั้งสิ้น โดยมีอาคารเรียน และหอพักสำหรับกลุ่มนักร้องประสานเสียงตั้งอยู่ห่างออกไปทางทิศตะวันตกของเมืองประมาณ 15 นาทีจากตัวโบสถ์ ปัจจุบันคณะนักร้องประสานเสียงของโบสถ์มีการจัดแสดงทุกสัปดาห์ดังนี้

วันศุกร์ เวลา 18:00 น. วันเสาร์ เวลา 15:00 น. และวันอาทิตย์ เวลา 10:00 น. ซึ่งเป็นรอบการนมัสการประจำสัปดาห์

การตกแต่งภายใน

ออแกน

เนื่องจาก คริสตจักรในประเทศเยอรมนี นิยมใช้ออแกน เป็นเครื่องดนตรีที่ใช้บรรเลงเพลงนมัสการในคริสตจักร โดยเฉพาะที่โบสถ์แห่งนี้เป็นที่ทำงานของ โยฮันน์ เซบาสเตียน บาค นักประพันธ์เพลงชื่อดังของโลก ที่ได้ประพันธ์เพลงเพื่อนมัสการพระเจ้าคริสตจักรในเทศกาลต่าง ๆ ในช่วงที่ท่านทำงานประจำโบสถ์ในเมืองไลพ์ซิก แต่ออแกนที่ใช้ในยุคที่โยฮันน์ เซบาสเตียน บาค ดำรงชีวิตอยู่นั้น ไม่หลงเหลือให้เห็นในปัจจุบันแล้ว ปัจจุบันในโบสถ์นักบุญโธมัส มีออแกนอยู่ทั้งสิ้น 2 หลัง ได้แก่

  • ออแกนที่ตั้งอยู่ทิศตะวันตก ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1889 โดยวิลเฮล์ม เซาเออร์ เดิมเป็นออแกนที่มี 63 เสียงด้วย ต่อมาได้ถูกเพิ่มโทนเสียงขึ้นอีก 25 เสียง กลายเป็นออแกน 88 โทนเสียงเมือปี ค.ศ. 1908
  • ออแกนที่ตั้งอยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นออแกนใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 2000 ขณะทำการบูรณะโบสถ์โดยงบประมาณสนับสนุนของสหภาพยุโรป โดยออแกนหลังนี้ถูกออกแบบ และสร้างตามแบบออแกนที่เคยใช้ในโบสถ์นักบุญเปาโล เนื่องจากตามข้อมูลประวัติศาสตร์ เชื่อว่า ออแกนหลังดังกล่าวเป็นออแกนหลังที่โยฮันน์ เซบาสเตียน บาค มักจะใช้เพื่อแสดงผลงานเพลงด้วยตนเอง โดยออแกนหลังนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทดแทนออแกนตัวเดิมที่ถูกสร้างในปี ค.ศ. 1967 โดยอเล็กซานเดอร์ ชูเกอร์ โดยออแกนหลังดังกล่าวถูกย้ายไปไว้ที่โบสถ์เซนต์มารี เมืองเฟือซเตนวาลเด ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1999 จวบจนปัจจุบัน

โต๊ะพิธี

โต๊ะพิธีที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้ เป็นโต๊ะพิธีที่นำมาจากโบสถ์นักบุญเปาโล เมืองไลพ์ซิก เนื่องจากโบสถ์นักบุญเปาโลถูกทุบทิ้งโดยมติคณะปกครองคอมมิวนิสต์ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง โดยเป็นโต๊ะพิธีนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ในยุคศตวรรษที่ 15

บานหน้าต่างกระจก

บานหน้าต่างกระจกของโบสถ์เซนต์โธมัสนี้ ได้ติดตั้งเป็นกระจกแต่งสีในปี ค.ศ. 1889 เป็นเรื่องราวของพระเยซูทั้งสิ้น แต่ได้ถูกทำลายไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง จึงได้จัดทำกระจกแต่งสีขึ้นใหม่ โดยกระจกแต่งสีที่เห็นในปัจจุบัน ถูกจัดทำขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 2000 โดยมีทั้งสิ้น 5 บาน บรรยายเรื่องราวต่างกันตามลำดับ ดังนี้

  • บานที่ 1 แสดงภาพรำลึกถึงเหล่าทหารเยอรมันที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 1
  • บานที่ 2 แสดงภาพกษัตริย์กุสตาฟ อดอลฟ์ที่สอง แห่งสวีเดน เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์สงคราม 30 ปี ที่พระองค์ยกทัพมาร่วมสงครามกับเยอรมนีและเสียชีวิตในบริเวณนี้ (บริเวณตอนเหนือของเมืองไลพ์ซิก)
  • บานที่ 3 แสดงภาพมาร์ติน ลูเธอร์ และผู้ให้การสนับสนุนในการปฎิรูปศาสนา ได้แก่ อิเล็กเตอร์เฟรดเดอริกผู้ชาญฉลาดแห่งรัฐแซกโซนี และฟิลลิป เมลันชธอน ซึ่งเป็นผู้ที่ให้ที่พำนักแก่ มาร์ติน ลูเธอร์ และปกป้องเขาจากการตามล่าของวาติกัน เพื่อรำลึกถึงเหตุการปฎิวัติทางศาสนา ซึ่งได้เกิดขึ้นในรัฐแซกโซนี
  • บานที่ 4 แสดงภาพเฟลิกซ์ เมนเดลโซห์น บาร์ธอลดี้ อดีตผู้อำนวยการวงดนตรีออเครสตร้า และนักประพันธ์เพลงเชื้อสายยิว ที่เคยมาดำรงตำแหน่ง ณ เมืองไลพ์ซิก
  • บานที่ 5 แสดงภาพกษัตริย์ไกเซอร์ วิลเฮล์มที่ 1 กษัตริย์พระองค์แรกของเยอรมัน

คลังภาพ

อ้างอิง