นิโคลา เทสลา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
นิโคลา เทสลา
"'รังสีคอสมิก และนำมาใช้ควบคุมอุปกรณ์ที่เคลื่อนไหว" - นิโคลา เทสลา; บรุกลิน อีเกิล,
10 กรกฎาคม พ.ศ. 2474
เกิด10 กรกฎาคม พ.ศ. 2399 จักรวรรดิออสเตรีย
เสียชีวิต7 มกราคม พ.ศ. 2486 (86 ปี) สหรัฐอเมริกา
สัญชาติจักรวรรดิออสเตรีย 2399-2434
สหรัฐ 2434-2486
อาชีพนักวิทยาศาสตร์
ลายมือชื่อ

นิโคลา เทสลา (เซอร์เบีย: Никола Тесла; อังกฤษ: Nikola Tesla; 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2399 – 7 มกราคม พ.ศ. 2486) เป็นผู้ค้นพบไฟฟ้ากระแสสลับ นักฟิสิกส์ วิศวกรเครื่องกล วิศวกรไฟฟ้า และนักทำนายอนาคต ชาวเซอร์เบีย-อเมริกัน เกิดที่หมู่บ้านในพื้นที่ภูเขา ชื่อเมืองสมิลยาน ในอดีตของออสเตรีย-ฮังการี ปัจจุบันคือสาธารณรัฐโครเอเชีย ซึ่งได้รับสัญชาติเป็นพลเมืองอเมริกันภายหลัง

เทสลามีปัญหาทางประสาทในวัยเด็ก ที่เขาต้องทุกข์ทรมาน จากโรคย้ำคิดย้ำทำ และภายหลังจากที่ เดน เทสลา พี่ชายของเขาได้เสียชีวิตลงจากอุบัติเหตุขี่ม้า อาการจากโรคย้ำคิดย้ำทำของเขาเองก็กำเริบมากยิ่งขึ้นอีกด้วย เขาได้งานแรกในบูดาเปสต์โดยทำงานที่บริษัทโทรศัพท์ เทสลาได้ประดิษฐ์ลำโพงสำหรับโทรศัพท์ระหว่างที่ทำงานอยู่ที่นี่ ก่อนที่จะเดินทางอพยพไปอเมริกาในปี พ.ศ. 2427 เพื่อที่จะไปทำงานกับ โทมัส เอดิสัน แต่ในไม่นานเขาก็เริ่มก่อตั้ง ห้องปฏิบัติการ/บริษัท พัฒนาอุปกรณ์ไฟฟ้าของตัวเองโดยมีผู้สนับสนุนด้านการเงินให้ สิทธิบัตรมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับแบบเหนี่ยวนำ และหม้อแปลงไฟฟ้า ได้รับการจดทะเบียนโดย จอร์จ เวสติงเฮ้าส์ ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างให้เทสลาเป็นที่ปรึกษาและพัฒนาอุปกรณ์ไฟฟ้าและเครื่องกลต่างๆ อาทิเช่น การทดลองเกี่ยวกับคลื่นความถี่สูงและแรงดันไฟฟ้าแรงสูง ในนิวยอร์ก และโคโลราโด สปริงซ์ สิทธิบัตรของอุปกรณ์และทฤษฎีที่ใช้ในการสร้างวิทยุสื่อสาร การทดลอง X-ray ของเขา เขายังเป็นผู้คิดค้นตัวกำเนิดสัญญาณ (Oscillator) หลากหลายรูปแบบอีกด้วย และโครงการ Wardenclyffe Tower ซึ่งเป็นความพยายามในการส่งสัญญาณไร้สายข้ามทวีปแต่โชคร้ายที่โครงการนี้ไม่ประสบความสำเร็จ

แม้เทสลาจะเป็นผู้คิดค้นสัญญาณวิทยุ การค้นพบหลักการสนามแม่เหล็กไฟฟ้า แต่ผลงานที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักกันดีคือ การค้นคว้าพัฒนาไฟฟ้ากระแสสลับ ซึ่งในขณะนั้นมีการแข่งขันกับไฟฟ้ากระแสตรงที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย โทมัส เอดิสัน แต่ในที่สุดไฟฟ้ากระแสสลับก็ได้รับความนิยมมากกว่า เพราะเกิดการสูญเสียน้อยกว่าในการส่งกระแสไฟฟ้าในระยะทางไกล

เทสลาประสบความสำเร็จเป็นที่รู้จักและทำให้ผู้คนเห็นถึงความสามารถของเขาจากโชว์สิ่งประดิษฐ์ที่ดูน่าอัศจรรย์ทั้งหลาย ถึงแม้ว่าเขาจะได้เงินจากสิทธิบัตรต่าง ๆ แต่เขาก็ได้ทำการทดลองอย่างมากมายด้วยเช่นกัน ทำให้ในช่วงบั้นปลายชีวิตของเขาต้องเป็นหนี้ และ มีปัญหาด้านการเงิน ต้องอาศัยอยู่อย่างโดษเดี่ยวในห้องพักหมายเลข 3327 ที่โรงแรม New Yorker ด้วยลักษณะและธรรมชาติในการทำงานของเทสลาทำให้เขาถูกขนานนามว่าเป็น "นักวิทยาศาสตร์เพี้ยน"

เทสลาถูกพบว่าเสียชีวิตในห้องพักหมายเลข 3327 ที่โรงแรม New Yorker เมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2486

หลังจากการตายของเขางานของเทสลาก็ได้เงียบหายไป แต่ในปี พ.ศ. 2533 เขาก็เริ่มกลับมาเป็นที่รู้จักอีกครั้ง ในปี พ.ศ. 2548 เขาถูกเสนอชื่อให้เป็นตัวแทน 1 ใน 100 คนในรายการโทรทัศน์ "The Greatest American" โดยการสำรวจความนิยมโดย AOL กับ ช่อง Discovery

การทำงานและสิ่งประดิษฐ์ที่มีชื่อเสียงของเขายังเป็นจุดกำเนิดของทฤษฎีสมคบคิดจำนวนมาก และยังได้นำไปใช้สนับสนุนวิทยาศาสตร์เทียม ทฤษฎียูเอฟโอและไสยศาสตร์ยุคใหม่

ในปี พ.ศ. 2503 หน่วยสำหรับวัดความหนาแน่นของเส้นแรงแม่เหล็ก หรือการเหนี่ยวนำด้วยพลังแม่เหล็ก (ที่รู้จักกันทั่วไปว่าเป็นสนามแม่เหล็ก B) ถูกตั้งชื่อว่า เทสลา เพื่อเป็นเกียรติแก่เทสลา

นอกจากนี้ เทสลายังถือเป็นวิศวกรที่สร้างนวัตกรรมล้ำยุคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 และต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 สิทธิบัตรของเทสลาและผลงานเชิงทฤษฎีของเขากลายเป็นพื้นฐานของระบบไฟฟ้ากระแสสลับ ได้แก่ ระบบจ่ายกำลังหลายเฟส และมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ ซึ่งเขามีส่วนผลักดันเป็นอย่างมากในช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สอง[1][2]

ปฐมวัย[แก้]

นิโคลา เทสลา เป็นชาวเซิร์บโดยกำเนิดในหมู่บ้านสมิลยาน ภายในพรมแดนทางทหารของราชวงศ์ฮับส์บูร์กในจักรวรรดิออสเตรีย (ปัจจุบันคือโครเอเชีย) เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม [O.S. 28 มิถุนายน] พ.ศ. 2399 (ค.ศ.1856) บิดาของเขา มิลูติน เทสลา (พ.ศ. 2362-2422) (ค.ศ.1819–1879) เป็นนักบวชของนิกายในคริสตจักรของอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์

มารดาของเทสลา ดูกา มานดิช (พ.ศ. 2365–1892) (ค.ศ.1822-1892) ซึ่งบิดาของเธอก็เป็นนักบวชนิกายคริสตจักรอีสเทิร์นออร์ทอดอกซ์ด้วย มีความสามารถพิเศษในการผลิตเครื่องมือเครื่องใช้ในบ้านและเครื่องกล และความสามารถในการท่องจำบทกวีมหากาพย์ของชาวเซิร์บ ดูกาไม่เคยได้รับการศึกษาในระบบโรงเรียนแบบคนทั่วไป เทสลารับเอาความทรงจำล้ำค่าของเขาและความสามารถในการสร้างสรรค์ที่มีพันธุศาสตร์และอิทธิพลจากมารดาของเขา บรรพบุรุษของเทสลามาจากเซอร์เบียตะวันตก ใกล้มอนเตเนโกร

เทสลาเป็นลูกคนที่สี่ในทั้งห้าคน เขามีพี่น้องผู้หญิงสามคน ได้แก่ มิลก้า แองเจลิน่า และมาริก้า และพี่ชายชื่อเดน ผู้ซึ่งเสียชีวิตในอุบัติเหตุขี่ม้าเมื่อเทสลาอายุได้ห้าปี ในปี พ.ศ. 2404(ค.ศ.1861) เทสลาเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาในสมิลยาน ที่ซึ่งเขาศึกษาภาษาเยอรมัน คณิตศาสตร์และเรื่องศาสนา ในปี พ.ศ. 2405 (ค.ศ. 1862) ครอบครัวของเทสลาย้ายไปอยู่ที่กอสปิช (Gospić) เมืองที่ใกล้กันที่พ่อของเทสลาไปทำงานเป็นบาทหลวงประจำเขตพื้นที่นั้น นิโคลาเรียนจบชั้นประถมศึกษา ต่อด้วยจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ในปีพ.ศ. 2413 (ค.ศ.1870) เทสลาย้ายไปคาร์โลวัตส์เพื่อศึกษาต่อในชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนมัธยมไฮเออร์เรียลจิมแนสเซียม (Higher Real Gymnasium) ซึ่งจัดรูปแบบการเรียนการสอนเป็นภาษาเยอรมัน เป็นสากลในทุกโรงเรียนภายในเขตพรมแดนทหารออสเตรีย-ฮังการี

เทสลาได้เขียนในภายหลังว่าเขาเริ่มสนใจในการสาธิตกระแสไฟฟ้าโดยศาสตราจารย์ภาควิชาฟิสิกส์ของเขา เทสลาตั้งข้อสังเกตว่าการสาธิต "ปรากฏการณ์ลึกลับซับซ้อน" เหล่านี้ทำให้เขาต้องการ "ที่จะทราบถึงพลังอันวิเศษอัศจรรย์ใจนี้มากขึ้น" เทสลาสามารถคำนวณหาปริพันธ์ในหัวของเขาได้ ซึ่งทำให้ครูของเขาเชื่อว่าเขาโกง เขาจบเทอมสี่ปีในชั้นปีที่สาม สำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. 2416 (ค.ศ.1873)

ในปี พ.ศ. 2416 (ค.ศ.1873) เทสลากลับมาที่เมืองสมิลยาน ไม่นานหลังจากที่เขาไปถึง เขาได้ติดเชื้ออหิวาตกโรค ล้มป่วยเป็นเวลาเก้าเดือน และเกือบเสียชีวิตหลายครั้ง ในช่วงที่หมดหวัง พ่อของเทสลา (ซึ่งเดิมอยากให้เขาเข้ารับการบวชเป็นนักบวช) ได้สัญญาที่จะส่งเขาไปโรงเรียนวิศวกรรมที่ดีที่สุด ถ้าเขาหายจากอาการป่วย

ในปี พ.ศ. 2417 (ค.ศ.1874) เทสลาหนีการเกณฑ์ทหารเข้ากองทัพออสเตรีย-ฮังการีในสมิลยาน โดยวิ่งหนีทางตะวันออกเฉียงใต้ของลิกาไปยังโทมินไก ใกล้กับกราซัค ที่นั่นเขาพบชาวเขาสวมชุดนักล่าสัตว์ เทสลากล่าวว่าการสัมผัสกับธรรมชาติทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจ เขาอ่านหนังสือหลายเล่มขณะอยู่ที่โทมินกาจ และในเวลาต่อมากล่าวว่าผลงานของมาร์ก ทเวนช่วยให้เขาหายจากอาการป่วยก่อนหน้านี้อย่างน่าเหลือเชื่อ

ในปี พ.ศ. 2418 (ค.ศ.1875) เทสลาได้เข้าเรียนที่วิทยาลัยเทคนิคทางทหาร อิมพีเรียล แอนด์ รอยัล เทคนิคอล มิลิทารี อคาเดมี (Imperial and Royal Technical Military Academy) ในเมืองกราซ โดยได้รับทุนการศึกษาจากทหารพรมแดนราชวงศ์ฮับส์บูร์ก (Military Frontier) ในช่วงปีแรกของเขา เทสลาไม่เคยพลาดการบรรยาย ได้รับคะแนนสูงสุดเท่าที่เป็นไปได้ ผ่านการสอบเก้าครั้ง (เกือบสองเท่าของจำนวนที่ต้องการ) ก่อตั้งสโมสรวัฒนธรรมเซิร์บ และได้รับจดหมายชมเชยจากคณบดีฝ่ายวิชาการส่งถึงบิดาของเขา ซึ่งกล่าวว่า "ลูกชายของคุณเป็นดาราอันดับหนึ่ง" ที่กราซ เทสลารู้สึกทึ่งกับการบรรยายอย่างละเอียดเกี่ยวกับไฟฟ้าซึ่งนำเสนอโดยศาสตราจารย์จาค็อบ เพอโชล์

เทสลายืนยันว่าเขาทำงานตั้งแต่ตี 3 ถึง 23.00 น. ยกเว้นวันอาทิตย์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ เขา "เสียใจเมื่อพ่อของเขาให้ความกระจ่างถึงผู้ที่ได้รับเกียรติอย่างยากลำบาก" หลังจากบิดาเสียชีวิตในปี พ.ศ. 2422(ค.ศ.1879) เทสลาพบจดหมายชุดหนึ่งจากศาสตราจารย์ถึงบิดาของเขา โดยเตือนว่าหากเขาไม่ออกจากโรงเรียน เทสลาจะตายเพราะทำงานหนักเกินไป ในตอนท้ายของปีที่สองของเขา เทสลาสูญเสียทุนการศึกษาและติดการพนัน ในช่วงปีที่สามของเขา เทสลาเอาเงินเบี้ยเลี้ยงและเงินค่าเล่าเรียนไปเล่นพนันขันต่อ ภายหลังการพนันกลับขาดทุนครั้งแรกของเขาและคืนยอดเงินให้ครอบครัว เทสลากล่าวว่าเขา "เอาชนะความหลงใหลของเขาในตอนนั้นและที่นั่น" แต่หลังจากที่ไปอยู่ในสหรัฐอเมริกา เขาเป็นที่รู้จักอีกครั้งในการเล่นบิลเลียด เมื่อถึงเวลาสอบ เทสลาไม่ได้เตรียมตัวและขอเพิ่มเวลาเรียน แต่ได้รับการปฏิเสธ เขาไม่ได้รับเกรดวัดผลการเรียนสำหรับภาคการศึกษาสุดท้ายของปีที่สาม และเขาไม่เคยจบการศึกษาจากวิทยาลัย

ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2421 (ค.ศ.1878) เทสลาออกจากเมืองกราซและตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับครอบครัวของเขาเพื่อซ่อนความจริงที่ว่าเขาลาออกจากวิทยาลัย เพื่อนของเขาคิดว่าเขาจมน้ำตายในแม่น้ำมูร์ที่อยู่ใกล้เคียง เทสลาย้ายไปที่มาริบอร์ (Maribor) ซึ่งเขาทำงานเป็นช่างเขียนแบบราคา 60 ฟลอริน (Florins) ต่อเดือน เขาใช้เวลาว่างเล่นไพ่กับคนในท้องถิ่นตามท้องถนน

ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2422 (ค.ศ.1879) พ่อของเทสลาไปที่มาริบอร์เพื่อขอร้องให้ลูกชายกลับบ้าน แต่เขาปฏิเสธ นิโคลามีอาการทางประสาทในเวลาเดียวกัน เมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2422 (ค.ศ.1879) เทสลาถูกส่งกลับไปยังกอสปิช (Gospić) ภายใต้การดูแลของตำรวจเพราะไม่มีใบอนุญาตมีถิ่นที่อยู่ เมื่อวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2422 (ค.ศ.1879) มิลูติน เทสลาเสียชีวิตเมื่ออายุได้ 60 ปี หลังจากป่วยด้วยโรคที่ไม่ระบุรายละเอียดแน่ชัด บางแหล่งบอกว่าเขาเสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดสมอง ในช่วงปีนั้น เทสลาได้สอนนักเรียนจำนวนมากในโรงเรียนเก่าของเขาในเมืองกอสปิช

ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2423 (ค.ศ.1880) คุณลุงของเทสลาสองคนรวบรวมเงินได้มากพอที่จะช่วยให้เขาออกจากกอสปิชไปปราก ที่ซึ่งเขาจะได้ไปเรียนต่อ เขาถึงที่นั่นช้าเกินไปที่จะลงทะเบียนเรียนที่มหาวิทยาลัยชาร์ลส์-เฟอร์ดินานด์ เขาไม่เคยเรียนภาษากรีก ที่เป็นวิชาบังคับ และเขาไม่รู้หนังสือในภาษาเชค ซึ่งเป็นวิชาบังคับอีกเรื่องหนึ่ง อย่างไรก็ตาม เทสลาได้เข้าเรียนวิชาปรัชญาที่มหาวิทยาลัยในฐานะผู้ตรวจสอบบัญชี แต่เขาไม่ได้รับเกรดเฉลี่ยสำหรับการเรียนในหลักสูตร[3]

ทำงานที่ชุมสายโทรศัพท์บูดาเปสต์[แก้]

ในปี พ.ศ. 2424 (ค.ศ.1881) เทสลาย้ายไปอยู่ที่บูดาเปสต์ ประเทศฮังการี เพื่อทำงานภายใต้บริษัทของ ทิวาดาร์ ปูสกาส (Tivadar Puskás) ที่บริษัทโทรเลข ชุมสายโทรศัพท์บูดาเบส เมื่อมาถึง เทสลาได้มีความเข้าใจว่าบริษัท ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ไม่สามารถปฏิบัติการได้ ดังนั้นเขาจึงทำงานเป็นช่างเขียนแบบในสำนักงานโทรเลขกลางแทน ภายในเวลาไม่กี่เดือน ชุมสายโทรศัพท์บูดาเบสก็เริ่มใช้การได้ และเทสลาได้รับการจัดสรรตำแหน่งหัวหน้าช่างไฟฟ้า ในระหว่างการจ้างงานของเขา เทสลาได้ทำการปรับปรุงหลายอย่างในอุปกรณ์สถานีส่วนกลาง และอ้างอิงการทำทวนสัญญาณโทรศัพท์ (Telephone Repeater) หรือเครื่องขยายเสียงโทรศัพท์ (Telephone Amplifier) ที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งไม่เคยมีการจดสิทธิบัตรหรือเปิดเผยต่อสาธารณะ[3]

ทำงานที่เอดิสัน[แก้]

ในปี พ.ศ. 2425 (ค.ศ.1882) ทิวาดาร์ ปูสกาส (Tivadar Puskás) ให้ตำแหน่งงานในปารีสกับบริษัทคอนทิเนนทอล เอดิสัน (Continental Edison Company) เทสลาเริ่มทำงานในสิ่งที่เป็นอุตสาหกรรมใหม่ในขณะนั้น โดยติดตั้งไฟหลอดไส้ในร่มทั่วทั้งเมืองในรูปแบบของสาธารณูปโภคไฟฟ้า บริษัทมีแผนกย่อยหลายแห่ง และเทสลาทำงานที่บริษัทไฟฟ้าเอดิสัน (Société Electrique Edison) ซึ่งเป็นแผนกหนึ่งในย่านชานเมืองไอวรี-ซูร์-แซน (Ivry-sur-Seine) ของปารีส ซึ่งรับผิดชอบการติดตั้งระบบไฟ ที่นั่นเขาได้รับประสบการณ์ภาคปฏิบัติมากมายในด้านวิศวกรรมไฟฟ้า ฝ่ายบริหารสังเกตเห็นความรู้ขั้นสูงของเขาในด้านวิศวกรรมและฟิสิกส์ และในไม่ช้าก็ให้เขาออกแบบและสร้างเครื่องกำเนิดไฟฟ้าไดนาโมและมอเตอร์รุ่นปรับปรุง พวกเขายังส่งเขาไปแก้ปัญหาด้านวิศวกรรมที่สาธารณูปโภคอื่นๆ ของเอดิสันได้สร้างเอาไว้ ทั่วฝรั่งเศสและในเยอรมนี[3]

สัญชาติ[แก้]

เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2434 อายุ 35 ปี เทสลาได้เปลี่ยนแปลงสัญชาติเป็นพลเมืองของสหรัฐอเมริกา ในปีเดียวกันนั้นเขาได้จดสิทธิบัตรขดลวดเทสลาของเขา[3]

การเสียชีวิต[แก้]

ในฤดูใบไม้ร่วงปีพ.ศ. 2480 (ค.ศ.1937) ด้วยวัย 81 ปี หลังเที่ยงคืนของคืนหนึ่ง เทสลาออกจากโรงแรมนิวยอร์กเกอร์เพื่อเดินทางไปโบสถ์และห้องสมุดเพื่อป้อนอาหารนกพิราบเป็นประจำ ขณะข้ามถนนจากโรงแรมไปสองสามช่วงตึก เทสลาไม่สามารถหลบรถแท็กซี่ที่กำลังขับอยู่และล้มลงพื้น หลังของเขาเคล็ดอย่างรุนแรงและซี่โครงสามซี่ของเขาหักจากอุบัติเหตุ อาการเจ็บทั้งหมดของเขาไม่สามารถทราบได้ เทสลาไม่ยินยอมที่จะปรึกษาแพทย์ ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติแทบทั้งชีวิต และไม่เคยหายดีจริงๆ เลย

เมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2486 (ค.ศ.1943) เมื่ออายุได้ 86 ปี เทสลาเสียชีวิตอยู่เพียงลำพังในห้อง 3327 ของโรงแรมนิวยอร์กเกอร์ ต่อมาศพของเขาถูกพบโดยพนักงานทำความสะอาด อลิซ โมนาร์คฮัน (Alice Monaghan) หลังจากที่เธอถือวิสาสะเปิดประตูห้องของเทสลาเข้าไป โดยไม่สนใจป้ายห้ามรบกวนที่เทสลาแขวนไว้ที่ประตูห้องเมื่อสองวันก่อนหน้านั้น ผู้ช่วยผู้ตรวจทางการแพทย์ เอช.ดับบิล. เวมบลีย์ (H.W. Wembley) ตรวจร่างกายและวินิจฉัยว่าสาเหตุการตายคือโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

สองวันต่อมาสำนักงานสืบสวนกลางแห่งสหรัฐอเมริกาได้สั่งให้ผู้พิทักษ์ทรัพย์สินของคนต่างด้าวยึดทรัพย์สินของเทสลา จอห์น จี. ทรัมป์ (John G. Trump) ศาสตราจารย์แห่งสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (M.I.T.) และวิศวกรไฟฟ้าที่มีชื่อเสียง ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยด้านเทคนิคของคณะกรรมการวิจัยการป้องกันประเทศ ถูกเรียกตัวไปแจกแจงรายการของเทสลาซึ่งอยู่ภายใต้การพิทักษ์รักษาทรัพย์สิน หลังจากการสอบสวนสามวัน รายงานของทรัมป์ได้ข้อสรุปว่า ไม่มีอะไรที่จะก่อให้เกิดอันตรายระหว่างมือที่สาม โดยระบุว่า:

ความคิดและความพยายามของเทสลาในช่วงอย่างน้อย 15 ปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นลักษณะเก็งกำไร หลักปรัชญา และลักษณะการส่งเสริมการขายบางอย่าง มักเกี่ยวข้องกับการผลิตและการส่งพลังงานแบบไร้สาย แต่ไม่รวมหลักการหรือวิธีการใหม่ ที่ถูกต้อง ใช้งานได้จริงหรือวิธีการเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดังกล่าว[3]

ในกล่องอันหนึ่งที่ระบุไว้ว่าบรรจุส่วนหนึ่งของ "รังสีมรณะ(Death Ray)" ของเทสลา ทรัมป์พบกล่องความฝืดต้านทานกระแสไฟฟ้าหลายทศวรรษ มีอายุถึง 45 ปี

เมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2486 (ค.ศ.1943) ฟิออเรลโล ลา กัวร์เดีย (Fiorello La Guardia) นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กได้อ่านคำประกาศกิตติคุณที่เขียนโดยหลุยส์ อดามิช นักเขียนชาวสโลวีเนีย-อเมริกัน ถ่ายทอดสดทางช่องสัญญาณวิทยุดับบิลเอ็นวายซี (WNYC Radio) ขณะที่เครื่องสีอย่างไวโอลินเล่น "เอ็ลเลินส์ดริทเทอร์เกอซัง-อาเว มารีอา (Ave Maria)" และ "ทาโมดาเลโก (Tamo daleko)" อยู่เบื้องหลัง เมื่อวันที่ 12 มกราคม ผู้คนสองพันคนเข้าร่วมพิธีศพของเทสลาที่มหาวิหารเซนต์จอห์นผู้ศักดิ์สิทธิ์ (The Cathedral of St. John the Divine) ในแมนฮัตตัน หลังเสร็จสิ้นพิธีศพ ศพของเทสลาถูกนำไปยังสุสานเฟิร์นคลิฟฟ์ (Ferncliff Cemetery) ในหมู่บ้านอาร์ดสลีย์ รัฐนิวยอร์ก (Hartsdale New York) สถานที่ซึ่งต่อมาได้มีการฌาปนกิจ วันรุ่งขึ้นพิธีที่สองดำเนินการโดยนักบวชที่มีความสำคัญในโบสถ์ทรินิตี้ (Trinity Chapel) ปัจจุบันคือวิหารเซอร์เบียนออร์โธดอกซ์แห่งเซนต์ซาวา (Serbian Orthodox Cathedral of Saint Sava) ในนิวยอร์กซิตี้

อสังหาริมทรัพย์

ในปี พ.ศ. 2495 (ค.ศ.1952) หลังจากแรงกดดันจากซาวา โคซาโนวิช (Sava Kosanović) หลานชายของเทสลา ทรัพย์สินทั้งหมดของเทสลาถูกส่งไปยังเบลเกรดด้วยทรัค 80 ลำที่มีเครื่องหมายเอ็น.ที. (N.T.) ในปี พ.ศ. 2500 (ค.ศ.1957) ชาร์ลอทท์ มิวซาร์ (Charlotte Muzar) เลขานุการของโคซาโนวิช (Kosanovi) ได้ขนส่งขี้เถ้าของเทสลาจากสหรัฐอเมริกาไปยังกรุงเบลเกรด ขี้เถ้าถูกจัดแสดงอยู่ในพาชนะทรงกลมเคลือบทองบนแท่นหินอ่อนในพิพิธภัณฑ์นิโคลา เทสลา[3]

ชีวิตส่วนตัว[แก้]

ความสัมพันธ์[แก้]

  เทสลาเป็นโสดตลอดชีวิต ถึงแม้จะเป็นคนที่สุภาพและมีผู้หญิงหลายคนพยายามแข่งขันกันเพื่อเอาชนะใจเขา แต่เทสลากลับไม่เคยแต่งงานหรือพบว่ามีความสัมพันธ์ใดๆ เขาเคยกล่าวไว้ว่า เขารู้สึกว่าเขาไม่มีทางคู่ควรพอสำหรับผู้หญิง โดยถือว่าผู้หญิงเหนือกว่าในทุกๆ ด้าน แต่ความคิดเห็นเริ่มพลิกผันในปีต่อๆ มา เมื่อเขารู้สึกว่าผู้หญิงพยายามเอาชนะผู้ชายและทำให้ตัวเองโดดเด่น แสดงอิทธิพลมากไป "ผู้หญิงโฉมใหม่" ดังกล่าวนี้ พบเจอกับความขุ่นเคืองอย่างมากจากเทสลา ซึ่งรู้สึกว่าผู้หญิงสูญเสียความเป็นผู้หญิงไปจากการพยายามมีอำนาจบาตรใหญ่ (Losing femininity by trying to be in power) ในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์กัลเวสตันเดลินิวส์เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2467 เขากล่าวว่า “แทนที่จะเปล่งเสียงแผ่วเบา สตรีที่เคารพรักของกระผม มาถึงการที่สตรีซึ่งเธอคิดว่าความสำเร็จสูงสุดในชีวิตของเธออยู่ที่การทำให้ตนเองสมชายมากที่สุด ในการแต่งกาย น้ำเสียง และการกระทำ ในกีฬาสันทนาการและการประสบความสำเร็จในทุกท่วงทำนอง ...แนวโน้มที่ผู้หญิงจะผลักไสผู้ชายไป เข้าแทนที่จิตวิญญาณเดิมแท้ของความประสานเป็นอันเดียวกันกับเขาในทุกเรื่องของชีวิต ทำให้ผมผิดหวังมาก" แม้ว่าเขาจะบอกกับนักข่าวในปีต่อๆ มาว่าบางครั้งเขารู้สึกว่าการด้วยที่ไม่แต่งงาน เขาได้เสียสละทุ่มเทให้งานของเขามากเกินไป เทสลาเลือกที่จะไม่ไล่ตามหรือมีส่วนร่วมจับจองในความสัมพันธ์ที่รู้จักมักจี่ใดๆ แทนที่จะค้นหาสิ่งนั้น การปลุกเร้าใจทั้งหมด เทสลาต้องการในการทำงานของเขา[3] โดยเทสลากล่าวว่าการถือพรหมจรรย์ของเขานั้นช่วยได้มากในเรื่องทางวิทยาศาสตร์ อย่างไรก็ตาม ในช่วงปั้นปลายชีวิตเขากล่าวว่า "บางทีการที่เขาเลือกที่จะไม่แต่งงานอาจเป็นการเสียสละที่ยิ่งใหญ่เกินไปสำหรับงาน(ทางวิทยาศาสตร์)ของเขา"[1][2]

เทสลาค่อนข้างเป็นคนสันโดษและปลีกตัวจากสังคมเพื่องานทางวิทยาศาสตร์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสังคม ผู้คนรอบข้างต่างพูดถึงในเชิงบวกและชมเชยเขา Robert Underwood Johnson บรรยายถึงลักษณะเฉพาะตัวของเทสลาว่า "เป็นคนอ่อนหวาน จริงใจ ถ่อมตัว ความสุภาพเรียบร้อย ความประณีต ความเอื้ออาทร กรุณาและน่าเชื่อถือ" Dorothy Skerrit เลขาของเขาเขียนเอาไว้ว่า "ความมีไมตรีและบุคลิกส่วนตัวที่ดูสูงส่งและสง่าผ่าเผยแสดงถึงความมีลักษณะของสุภาพบุรุษที่ฝังลึกอยู่ในจิตวิญญาณของเขา" Julian Hawthorne เพื่อนของเทสลาเขียนเอาไว้ว่า "หายากมากที่คุณจะพบนักวิทยาศาสตร์หรือวิศวกรที่เป็นทั้งกวี นักปรัชญา ผู้ที่ชื่นชอบดนตรีดีๆ นักภาษาศาสตร์ และผู้ที่เชี่ยวชาญทั้งเรื่องอาหารและเครื่องดื่ม"

เทสลาเป็นเพื่อนที่ดีของฟรานซิส Francis Marion Crawford, Robert Underwood Johnson, Stanford White, Fritz Lowenstein, George Scherff และ Kenneth Swezey ในวัยกลางคน เทสลากลายเป็นเพื่อนสนิทของมาร์ค ทเวน (Mark Twain); พวกเขาใช้เวลาร่วมกันมากมายในห้องแล็บของเขาและที่อื่นๆ ทเวนกล่าวถึงการประดิษฐ์มอเตอร์เหนี่ยวนำของเทสลาอย่างเด่นชัดว่าเป็น "สิทธิบัตรที่มีค่าที่สุดนับตั้งแต่โทรศัพท์" ในงานปาร์ตี้ที่จัดขึ้นโดยนักแสดงสาว Sarah Bernhardt ในปี พ.ศ. 2439 (1896) เทสลาได้พบกับพระสวามี วิเวกานันท์ (Swami Vivekananda) นักบวชชาวฮินดูชาวอินเดีย วิเวกานันท์เขียนถึงในภายหลังว่า เทสลาได้บอกว่าเขาสามารถแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างสสารและพลังงานทางคณิตศาสตร์ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่วิเวกานันท์หวังว่าจะเป็นรากฐานทางวิทยาศาสตร์ให้กับจักรวาลวิทยาเวท  ในช่วงปลายทศวรรษ 1920 ช่วง พ.ศ. 2463 เทสลาได้ผูกมิตรกับจอร์จ ซิลเวสเตอร์ วีเร็ก (George Sylvester Viereck) กวี นักเขียน ผู้ลึกลับ และภายหลังมาเป็นนักโฆษณาชวนเชื่อของนาซี เทสลาเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ วีเร็กและภรรยาของเขาจัดขึ้นเป็นครั้งคราว

เทสลาอาจใช้ความแข็งในบางครั้งและแสดงความรังเกียจอย่างเปิดเผยต่อผู้ที่มีน้ำหนักเกิน เช่น เมื่อเขาไล่เลขาออกเพราะน้ำหนักของเธอ เขาวิพากษ์วิจารณ์เครื่องแต่งกายโดยเร็ว หลายครั้ง เทสลาสั่งคนในการบังคับบัญชาให้กลับบ้านและเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย เมื่อโธมัส เอดิสันเสียชีวิตในปี พ.ศ. 2474(1931) เทสลาได้ให้ความเห็นเชิงลบเพียงอย่างเดียวต่อเดอะนิวยอร์กไทมส์ ซึ่งถูกฝังอยู่ในการรายงานข่าวชีวิตของเอดิสันอย่างกว้างขวาง:

เขาไม่มีงานอดิเรก ไม่สนใจความบันเทิงใดๆ และไม่มีความสนุกสนานใด และใช้ชีวิตโดยไม่สนใจกฎสุขอนามัยขั้นพื้นฐานที่สุด ... วิธีการของเขานั้นไม่มีประสิทธิภาพในขั้นสุด เพราะพื้นที่ขนาดมหึมาต้องถูกปกคลุมเพื่อให้ได้อะไรมาเลย เว้นเสียแต่ว่ามีโอกาสตาบอดเข้ามาแทรกแซง และในตอนแรก ฉันเกือบจะเป็นพยานเสียใจในการกระทำของเขา โดยรู้ว่าเพียงทฤษฎีและการคำนวณเพียงเล็กน้อยก็สามารถช่วยเขาได้ 90 เปอร์เซ็นต์ของการใช้แรงงาน แต่เขาดูปรามาสสำหรับการเรียนรู้หนังสือและความรู้ทางคณิตศาสตร์ โดยเชื่อมั่นในสัญชาตญาณของนักประดิษฐ์และความรู้สึกแบบอเมริกันที่ได้ผล[3]

นิสัยการนอน[แก้]

เทสลาอ้างว่าไม่เคยนอนหลับเกินสองชั่วโมงต่อคืน อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่า "การงีบหลับ" เป็นครั้งคราว "เพื่อชาร์จแบตเตอรี่" ในช่วงปีที่สองของการศึกษาที่กราซ เทสลาพัฒนาทักษะด้านบิลเลียด หมากรุก และการเล่นไพ่ที่เขาสนใจอย่างกระตือรือร้น ซึ่งบางครั้งใช้เวลามากกว่า 48 ชั่วโมงในการนั่งโต๊ะเล่นเกมอย่างยาวนาน มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ห้องทดลองของเขาที่เทสลาทำงานเป็นเวลา 84 ชั่วโมงโดยไม่พักผ่อน เค็นเน็ธ สเวเซย์ (Kenneth Swezey) นักข่าวที่เทสลาเป็นเพื่อนสนิท ยืนยันว่าเทสลาไม่ค่อยหลับ สเวเซย์ เล่าถึงเช้าวันหนึ่งเมื่อเทสลาโทรหาเขาตอนตี 3 : "ผมกำลังนอนหลับอยู่ในห้องเหมือนคนตาย ...ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ปลุกผมตื่น ... เทสลาพูดอย่างฉับไวและหยุด ในขณะที่เขาทำงานแก้ปัญหา เปรียบเทียบทฤษฎีหนึ่งกับอีกทฤษฎีหนึ่ง แสดงความเห็น และเมื่อเขารู้สึกว่ามาถึงวิธีแก้ปัญหาแล้ว เขาก็ตัดจบโทรศัพท์ทันที"[3]

นิสัยการทำงาน[แก้]

เทสลาทำงานทุกวันตั้งแต่ 9.00 น. ถึง 18.00 น. หรือหลังจากนั้น พร้อมอาหารค่ำตรงเวลา 20:10 น. ที่ร้านอาหารของเดลมอนิโค (Delmonico’s Resturant) และต่อมาที่โรงแรม Waldorf-Astoria Hotel จากนั้นเทสลาโทรศัพท์สั่งอาหารค่ำของเขาไปยังหัวหน้าพนักงานเสิร์ฟ ซึ่งอาจเป็นเพียงคนเดียวที่ให้บริการเขา “อาหารต้องพร้อมตอนแปดโมงเช้า ... เขาทานอาหารคนเดียว ยกเว้นในโอกาสพิเศษที่เขาจะทานมื้อค่ำกับกลุ่มเพื่อพบปะเครือข่ายทางสังคมของเขา จากนั้นเทสลาก็กลับมาทำงานต่อ บ่อยครั้งจนถึง 3: 00 น."

สำหรับการออกกำลังกาย เทสลาเดินระหว่าง 8 ถึง 10 ไมล์ (13 ถึง 16 กม.) ต่อวัน เขายืดหดนิ้วเท้าร้อยครั้งสำหรับเท้าแต่ละข้างทุกคืน โดยบอกว่ามันกระตุ้นเซลล์สมองของเขา

ในการให้สัมภาษณ์กับบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ อาร์เธอร์ บริสเบน (Arthur Brisbane) เทสลากล่าวว่าเขาไม่เชื่อในกระแสจิต โดยกล่าวว่า "สมมติว่าฉันตัดสินใจจะฆ่าคุณ" เขาพูดว่า "ในวินาทีนี้คุณก็รู้เรื่อง ถึงตอนนี้ มันไม่วิเศษเหรอ? จิตได้รับทั้งหมดนี้โดยกระบวนการใด? ในการให้สัมภาษณ์เดียวกัน เทสลากล่าวว่าเขาเชื่อว่ากฎหมายพื้นฐานทั้งหมดสามารถลดลงเหลือเพียงฉบับเดียว

เทสลากลายเป็นมังสวิรัติในปีต่อ ๆ มา โดยกินแต่นม ขนมปัง น้ำผึ้ง และน้ำผักเท่านั้น[3]

มุมมองและความเชื่อ[แก้]

เกี่ยวกับสังคม[แก้]

เทสลาได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากนักเขียนชีวประวัติว่าเป็นนักมนุษยนิยมในมุมมองเชิงปรัชญานอกเหนือจากพรสวรรค์ของเขาในฐานะนักวิทยาศาสตร์ด้านเทคโนโลยี สิ่งนี้ไม่ได้กีดกันเทสลาเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นหลายๆ ยุคของเขา จากการเป็นผู้แสดงการกำหนดรุ่นปรับปรุงพันธุ์คัดเลือกของสุพันธุศาสตร์

เทสลาแสดงความเชื่อว่า "ความสงสาร" ของมนุษย์เข้ามาแทรกแซง "การทำงานที่ไร้ความปราณีของธรรมชาติ" ตามธรรมชาติ แม้ว่าการถกของเขาไม่ได้ขึ้นอยู่กับแนวคิดของ "ชนชาติปกครอง" หรือความเหนือกว่าโดยแท้จริงของคนหนึ่งมากกว่าอีกคนหนึ่ง เขาก็สนับสนุนให้กับสุพันธุศาสตร์ ในการสัมภาษณ์ปี พ.ศ. 2480 (1937) เขากล่าวว่า: ... ความรู้สึกสงสารรูปแบบใหม่ๆ ของมนุษย์เริ่มเข้ามาแทรกแซงการทำงานที่ไร้ความปราณีของธรรมชาติ วิธีเดียวที่สอดคล้องกับเจตนารมย์ในเรื่องอารยธรรมและเผ่าพันธุ์ของเราคือ การป้องกันการผสมพันธุ์ของสิ่งที่ไม่เหมาะสมโดยการทำหมัน และคำแนะนำโดยใคร่ครวญของสัญชาตญาณการผสมพันธุ์ ...แนวโน้มของความคิดเห็นในหมู่สุพันธุศาสตร์คือเราต้องทำให้การแต่งงานยากขึ้น แน่นอนว่าไม่มีใครเลยที่ไม่ใช่พ่อแม่ที่น่าพอใจที่ควรได้รับอนุญาตให้ขยายพันธุ์ลูกหลาน อีกศตวรรษต่อจากนี้ จะไม่เห็นอีกต่อไปที่คนปกติแต่งงานกับคนที่ไม่เหมาะสมด้านสุพันธุศาสตร์ มากกว่าที่จะแต่งงานกับผู้ร้ายที่กระทำความผิดที่เป็นนิสัย

ในปีพ.ศ. 2469 (1926) เทสลาได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับความเจ็บป่วยของการยอมจำนนทางสังคมของผู้หญิงและการต่อสู้ของผู้หญิงที่มีต่อความเท่าเทียมทางเพศ และระบุว่าอนาคตของมนุษยชาติจะอยู่ภายใต้การดูแลของ "ราชินีผึ้ง" เขาเชื่อว่าผู้หญิงจะกลายเป็นเพศหลักในอนาคต

เทสลาได้คาดการณ์เกี่ยวกับประเด็นที่เกี่ยวข้องของสภาพแวดล้อมหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ในบทความที่ตีพิมพ์ว่า "วิทยาศาสตร์และการค้นพบเป็นกองกำลังอันยิ่งใหญ่ซึ่งจะนำไปสู่การสิ้นสุดของสงคราม" (20 ธันวาคม พ.ศ. 2457) เทสลาเชื่อว่าสันนิบาตชาติไม่ใช่การเยียวยาสำหรับเวลาและประเด็นต่างๆ[3]

เกี่ยวกับศาสนา[แก้]

เทสลาได้รับการเลี้ยงดูแบบ คริสเตียนออร์โธดอกซ์ ต่อมาในชีวิตภายหลัง เขาไม่คิดว่าตัวเองเป็น "ผู้เชื่อในศาสนาตามความเชื่อแบบดั้งเดิม" กล่าวคือ เขาต่อต้านลัทธิคลั่งศาสนา และกล่าวว่า "ศาสนาพุทธและศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทั้งในจำนวนศาสนิกและความสำคัญ" เขายังได้กล่าวว่า "สำหรับฉัน จักรวาล พื้นฐานแล้วเป็นเพียงกลไกอันยิ่งใหญ่ที่ไม่ได้มีมาและไม่มีวันสิ้นสุดลง" และ "สิ่งที่เราเรียกว่า 'จิตวิญญาณ' หรือ 'จิตใจ' ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าผลรวมของการทำงานการไหลเวียนของร่างกาย เมื่อการไหลเวียนนี้ดับลง 'วิญญาณ' หรือ 'จิตใจ' ก็ดับเช่นเดียวกัน"[3]

ผลงานโดดเด่น[แก้]

สิทธิบัตร 112 ฉบับในสหรัฐอเมริกา และ 196 สิทธิบัตรจดทะเบียนในประเทศอื่นๆ

  1. ผู้ประดิษฐ์ขดลวดเทสลา (Tesla coil) และค้นพบวิธีการเปลี่ยนสนามแม่เหล็กเป็นสนามไฟฟ้า จึงเป็นที่มาของหน่วยวัดสนามแม่เหล็กเทสลา
  2. ผู้ค้นพบวิธีการสื่อสารแบบไร้สาย (Wireless communication)
  3. ผู้ประดิษฐ์หลอดไฟแบบใช้ก๊าซให้แสงสว่าง หรือ หลอดฟลูออเรสเซนต์
  4. ผู้คิดทฤษฎีของเครื่องเรดาร์
  5. ผู้คิดรีโมตคอนโทรล
  6. ระบบไฟฟ้ากระแสสลับ (Alternating Current :: AC) [4]
  7. แหล่งจ่ายพลังงานไฟฟ้า (Electricity supply )[5]

คอมพิวเตอร์[แก้]

  • Tesla ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผลกราฟิกการ์ดขนาดเล็กที่พัฒนาโดย อินวิเดีย

สกุลเงิน[แก้]

  • ดีนาร์ยูโกสลาเวียพิมพ์เทสลาลงบนธนบัตร 6 ฉบับ ระหว่างปี 1970 (รูปปั้น) ถึง 1993
  • เทสลาถูกพิมพ์ลงในธนบัตร 100 ดีนาร์เซอร์เบีย

อ้างอิง[แก้]

  1. 1.0 1.1 นิโคลา เทสลา อัจฉิรยะสติฟั่นเฟือง
  2. 2.0 2.1 Dedicated to Nikola Tesla : อย่าลืม นิโคลา เทสลา
  3. 3.00 3.01 3.02 3.03 3.04 3.05 3.06 3.07 3.08 3.09 3.10 3.11 "Nikola Tesla", Wikipedia (ภาษาอังกฤษ), 2021-09-27, สืบค้นเมื่อ 2021-09-27
  4. "Alternating current", Wikipedia (ภาษาอังกฤษ), 2024-01-29, สืบค้นเมื่อ 2024-02-29
  5. "Mains electricity", Wikipedia (ภาษาอังกฤษ), 2024-02-23, สืบค้นเมื่อ 2024-02-29

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]